พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 26 หรือประมาณเดือนที่ 6 ของการตั้งครรภ์ ช่วงนี้ขนาดท้องของคุณแม่อาจมีขนาดค่อนข้างใหญ่ตามขนาดตัวของทารกในครรภ์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้อาจเคลื่อนไหวหรือเดินทางลำบากมากขึ้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการหกล้มได้ง่ายขึ้น ดังนั้น คุณแม่จึงควรระมัดระวังทุกครั้งเมื่อเคลื่อนไหว หลีกเลี่ยงการเดินหรือเปลี่ยนท่าทางเร็ว ๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการหกล้มหรือเกิดอุบัติเหตุได้
[embed-health-tool-pregnancy-weight-gain]
พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 26
ลูกจะเติบโตอย่างไร
ตอนนี้ลูกน้อยในครรภ์ของคุณแม่มีขนาดเท่ามัดต้นหอม คือสูงจากศีรษะถึงปลายเท้าประมาณ 39 เซนติเมตร และหนักประมาณ 750 กรัม
ถึงแม้ดวงตาของทารกยังปิดอยู่ในช่วงสามเดือนสุดท้ายนี้ แต่ในไม่ช้าก็จะลืมตาขึ้นแล้วกระพริบตา เด็กบางคนก็จะมีตาดำ บางคนที่มีตาสีน้ำตาล ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ นอกจากนี้ ดวงตาอาจเปลี่ยนสีได้ในช่วงปีแรก และเด็กบางคนก็จะเกิดมาพร้อมกับดวงตาสีเข้ม มากไปกว่านั้น ขนตาและเส้นผมก็ยังเจริญเติบโตต่อไปด้วย
ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิต
ร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
มดลูกของคุณแม่คือแดนสวรรค์อันปลอดภัยสำหรับลูกน้อยก่อนที่จะลืมตาดูโลก แต่เขาก็ต้องย้ายเข้าสู่บ้านใหม่หลังคลอด ฉะนั้น ใช้เวลานี้ดูแลเรื่องความปลอดภัยของบ้านก่อนที่เขาจะเกิดขึ้นมา ซึ่งมีขั้นตอนในการตรวจสอบความปลอดภัยสำหรับเด็กอยู่นะ โดยอาจหาอุปกรณ์มาครอบปลั๊กไฟ อะไรที่อาจทำให้เด็กสำลักได้ก็เอาออกไป ติดตั้งระบบตรวจสอบควัน และปิดกั้นช่องว่างตรงบันไดเอาไว้ คุณแม่ควรทำการป้องกันทุกอย่างเท่าที่นึกออก แล้วโปรดจำไว้ด้วยนะว่า การป้องกันใด ๆ ก็ไม่สามารถนำมาทดแทนการเฝ้าระวังลูกของคุณแม่ได้
ควรระมัดระวังอะไรบ้าง
คุณแม่จะรู้สึกร่างกายไม่ค่อยมั่นคงและชอบเดินสะดุดโน่นนี่บ่อย ๆ เวลาที่อยู่ในช่วงไตรมาสที่สองนี้ ก็มีปัจจัยโน่นนี่มากมายที่ทำให้เกิดการหกล้ม เมื่อหน้าท้องของคุณแม่ใหญ่ขึ้น ก็ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนไป ซึ่งอาจทำให้เกิดโอกาสหกล้มไปข้างหน้าได้
นอกจากนี้อาการเหนื่อยอ่อนยังทำให้คุณแม่รู้สึกเบลอ ๆ และขาดความระมัดระวัง ซึ่งอาจทำให้คุณแม่มองอะไรไม่ชัด ซึ่งจะทำให้เกิดการหกล้มได้ง่าย
การพบคุณแม่หมอ
ควรปรึกษาคุณหมออย่างไรบ้าง
คุณแม่จะเริ่มเห็นรอยแตกลายและผิวหนังหย่อนคล้อย ที่อาจทำให้มีอาการคันมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจได้ แต่คุณแม่ควรมองอะไรในแง่ดี เพราะคุณแม่เหลือเวลาแค่สามเดือนก่อนจะคลอดเท่านั้น ผิวหนังหย่อนคล้อยในระหว่างตั้งครรภ์มักจะเกิดขึ้นในบริเวณที่มีผิวแตกลายแถว ๆ หน้าท้อง ต้นขา บั้นท้าย และแขน โดยควรปรึกษาคุณแม่หมอ หากคุณแม่มีปัญหากับบริเวณที่มีผิวหนังหย่อนคล้อยหรือรอยแตกลาย
การทดสอบใดที่ควรรู้
ในเดือนนี้จะมีการตรวจสอบใหม่ ๆ เกิดขึ้นหลายอย่าง เวลาที่อยู่ในช่วยไตรมาสนี้ คุณแม่หมออาจแนะนำให้คุณแม่ทำการตรวจสอบหลายอย่าง ได้แก่
- ชั่งน้ำหนักและวัดความดันโลหิต
- ตรวจปัสสาวะเพื่อหาค่าน้ำตาลและโปรตีน
- วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- วัดขนาดมดลูกโดยการคลำจากภายนอก เพื่อดูว่าใกล้ถึงกำหนดคลอดหรือยัง
- วัดความสูงของยอดมดลูก
- การตรวจสอบอาการบวมของมือและเท้า และอาการเส้นเลือดขอด
- การตรวจระดับน้ำตาล
- การตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีภาวะโลหิตจางหรือไม่
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ
- สภาพที่เป็นอยู่ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอาการผิดปกติต่างๆ
- จัดเตรียมรายการข้อสงสัยและปัญหาที่คุณแม่อยากซักถามคุณแม่หมอไปให้พร้อม
สุขภาพและความปลอดภัย
ควรทำอย่างไรเพื่อให้สุขภาพดีและปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์
- อาการบวม
หน้าท้องไม่ได้เป็นอวัยวะเดียวที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่เท้าและข้อเท้าของคุณแม่ก็จะบวมขึ้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเย็น ๆ อาการบวมนี้ไม่มีอันตรายอะไร แต่จะรบกวนการใช้ชีวิตของคุณแม่อยู่บ้าง เช่น อาจทำให้คุณแม่ใส่รองเท้าได้ยากขึ้น แหวนอาจจะคับขึ้นและถอดออกจากนิ้วได้ยาก
อาการบวมนิดหน่อยของเท้า ข้อเท้า และมือ ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากมีของเหลวที่จำเป็นในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น ซึ่งมีผู้หญิง 75% เกิดอาการบวมในระหว่างตั้งครรภ์ และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 26 อาการบวมจะแย่ลงถ้าอากาศร้อน หรือใช้เวลายืนหรือนั่งเป็นเวลานาน ๆ และอาการบวมก็อาจจะไม่ได้หายไปหลังจากนอนพักสองสามชั่วโมง หรือนอนพักผ่อนในตอนกลางคืน
- การสัก
การสักไม่เหมาะสำหรับคนท้องเป็นอย่างยิ่ง และคงไม่ใช่เวลาที่ควรจะสักในตอนนี้ ซึ่งคุณแม่ควรจะระมัดระวังในเรื่องต่อไปนี้
- โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีและโรคเอดส์ เป็นโรคติดต่อผ่านทางสารคัดหลั่งของร่างกายได้ ซึ่งหมายความว่าการใช้เข็มสกปรก ๆ ก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ และถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ ก็จะติดต่อไปยังลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ด้วย
- นักวิทยาศาสตร์ยังไม่รู้ว่าหมึกที่ใช้สักนั้น จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในท้องหรือไม่ แต่สารเคมีในปริมาณเล็กน้อยแม้จะไม่ส่งผลที่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่ แต่อาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์เป็นอย่างมาก
- เนื่องจากผิวหนังจะขยายตัวในช่วงตั้งครรภ์ ดังนั้นรอยสักจึงอาจเปลี่ยนแปลงไปด้วยหลังคลอด