backup og meta

พัฒนาการทารก ในช่วงขวบปีแรก และวิธีดูแลทารกที่เหมาะสม

พัฒนาการทารก ในช่วงขวบปีแรก และวิธีดูแลทารกที่เหมาะสม

พัฒนาการ ทารก ในช่วงขวบปีแรก นับตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากละเลยอาจทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้ากว่าวัย และส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคตได้ การดูแลเอาใจใส่ของคนในครอบครัวในด้านต่าง ๆ เช่น อาหารสำหรับทารก กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่อาจส่งเสริมให้เด็กทารกมีพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่สมวัย 

[embed-health-tool-child-growth-chart]

พัฒนาการ ทารก ช่วงขวบปีแรก

พัฒนาการของทารกช่วงขวบปีแรก แบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  • ทารกอายุ 0-3 เดือน

ทารกแรกเกิดอาจยังไม่รู้ว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือใคร แต่เมื่อทารกอายุได้ประมาณ 1 เดือน อาจเริ่มมีพัฒนาการ ดังต่อไปนี้

    • จดจำเสียงและใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ และตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินได้ เช่น รู้จักยิ้มตอบ
    • มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหวไปมา
    • เอื้อมมือจับของเล่นที่ห้อยอยู่ได้ หรือหากวางสิ่งของไว้ในมือทารก ทารกอาจกำของสิ่งนั้นไว้แน่น
    • หัดยกศีรษะและดันตัวขึ้น
    • เอามือเข้าปาก ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าทารกกำลังหิว
  • ทารกอายุ 4-6 เดือน

อาจมีการตอบสนองหรือการแสดงอารมณ์ออกมาให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้ รวมถึงมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ ดังนี้

    • หัวเราะ ยิ้ม ร้องไห้
    • ส่งเสียงอ้อแอ้เพื่อสื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่
    • เอื้อมมือออกไปหยิบจับสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า เช่น เส้นผม ของเล่น
    • เริ่มรู้จักควบคุมศีรษะ และอาจเริ่มพลิกตัวจากนอนหงายเป็นเป็นนอนคว่ำ จากนอนคว่ำเป็นนอนหงายตัวด้วยตัวเอง
    • นอนหลับได้นานขึ้น
  • ทารกอายุ 7-9 เดือน

เป็นช่วงครึ่งหลังของขวบปีแรก ซึ่งทารกมักมีพัฒนาด้านร่างกาย สติปัญญา และการเรียนรู้ ดังนี้

    • เริ่มนั่งตัวตรงพิงกับโซฟา หรือกำแพงได้เป็นเวลานาน
    • เคลื่อนที่ด้วยการคลานโดยใช้มือและเข่า เด็กบางคนอาจเริ่มตั้งไข่ คือ พยายามหาที่จับและพยุงตัวขึ้น
    • ส่งเสียงเรียกพ่อแม่เป็นคำ แต่อาจยังไม่ชัดเจนนัก
    • เข้าใจความหมายภาษามือและจดจำท่าทางได้ เช่น โบกมือบ๊ายบาย
  • ทารกอายุ 10-12 เดือน

ถือเป็นช่วงสุดท้ายของขวบปีแรก และเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยเด็กหัดเดิน เด็กจะรู้จักสังเกตและมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่มากขึ้น ดังนี้

    • พูดสื่อสารได้มากกว่า 1-2 คำ
    • นิ้วมือเริ่มแข็งแรงขึ้น ควบคุมนิ้วมือในการหยิบจับสิ่งต่าง ๆ หรือหยิบอาหารเข้าปากเองได้
    • เริ่มหัดเดิน ด้วยการก้าวขาเล็ก ๆ ระยะสั้น 2-3 ก้าว พร้อมจับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไปด้วย เพื่อให้ยืนได้มั่นคงขึ้น
    • จดจำ และเลียนแบบพฤติกรรม เช่น แกล้งคุยโทรศัพท์

ปัญหาพัฒนาการทารกที่พบบ่อย

ปัญหาพัฒนาการของทารกที่พบบ่อย คือ พัฒนาการล่าช้า ที่ส่งผลกระทบด้านการสื่อสาร การเคลื่อนไหว ความคิด อารมณ์ นำไปสู่ความผิดปกติของระบบประสาท ความพิการทางพัฒนาการ โดยอาจมาจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

  • สมองพิการ
  • สมาธิสั้น
  • ภาวะสูญเสียการได้ยิน การมองเห็น
  • โรคออทิสติก
  • ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่คุณแม่ดื่มระหว่างตั้งครรภ์
  • กลุ่มอาการโครโมโซมเอกซ์เปราะ (Fragile X syndrome หรือ FXS)
  • ความพิการทางสติปัญญา
  • ดีซ่าน
  • ความผิดปกติทางการเรียนรู้ด้านภาษา
  • กล้ามเนื้อเสื่อม
  • โรคฮีโมฟีเลีย หรือโรคเลือดไหลไม่หยุด (Hemophilia)
  • โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickle Cell Disease หรือ SCD)
  • ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina bifida)
  • โรคทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome หรือ TS)

วิธีกระตุ้น พัฒนาการทารก

วิธีที่อาจช่วยกระตุ้นพัฒนาการทารกได้ มีดังนี้

  • พูดคุยกับทารกบ่อย ๆ
  • อุ้มและโอบกอดทารกด้วยความรัก
  • ร้องเพลง เปิดเพลง อ่านหนังสือให้ทารกฟัง
  • ฝึกการเรียนรู้และการสังเกตให้ทารก ด้วยการทำปากเป็นตัว O หรือแลบลิ้น หากทารกทำตาม อาจมีความหมายว่าทารกพัฒนาการด้านการเรียนรู้ สังเกต และจดจำ
  • กระตุ้นการเคลื่อนไหว การได้ยิน และการมองเห็น ด้วยของเล่นที่ดึงดูดความสนใจ เพื่อให้ทารกมองตามและเอื้อมมือมาจับ
  • พาทารกนั่งรถเข็นเด็กออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เพื่อฟังเสียงธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งแปลกใหม่

การดูแลทารกช่วงขวบปีแรก

วิธีดูแลทารกช่วงขวบปีแรก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของทารก มีดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสทารก เนื่องจากทารกแรกเกิดยังมีระบบภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์ เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
  • ขณะอุ้มหรือยกทารก ควรประคองศีรษะทารกให้ดี เพราะกระดูกคอของทารกยังไม่แข็งแรงนัก
  • ไม่ควรเล่นกับทารกรุนแรง เช่น การเขย่า การอุ้มโยน เพราะอาจส่งผลให้ทารกเลือดออกในสมอง และเสียชีวิตได้
  • ให้ทารกกินนมจากเต้าคุณแม่ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เป็นเวลา 10-15 นาที หรือหากเป็นนมผง ควรชงให้ทารกเริ่มกินครั้งละ 2-3 ออนซ์ และเพิ่มปริมาณตามความต้องการของแต่ละช่วงวัย
  • ควรทำให้ทารกเรอหลังรับประทานอาหารหรือนม โดยการอุ้มทารกพาดไหล่ พยุงศีรษะ แล้วใช้มืออีกข้างตบหลังทารกเบา ๆ เพื่อไล่แก๊สหรืออากาศที่เข้าไปในท้องระหว่างดูดนม ป้องกันทารกอาเจียน หรือเป็นกรดไหลย้อน
  • ควรให้ทารกนอนหลับอย่างเพียงพอ ปกติแล้วทารกมักใช้เวลานอนมากกว่า 16 ชั่วโมง แต่อาจสะดุ้งตื่นทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงเมื่อรู้สึกหิว เนื่องจากกระเพาะอาหารของทารกมีขนาดเล็กและนมแม่ย่อยเร็ว จึงอาจทำให้ทารกหิวบ่อย
  • ไม่ควรสวมเสื้อผ้าหรือห่มผ้าหนา ๆ ให้ทารก เพราะอาจทำให้ทารกหายใจไม่ออก เสี่ยงเสียชีวิตกะทันหัน
  • เปลี่ยนท่านอนให้ทารกบ้าง เช่น ให้ทารกนอนตะแคงซ้ายขวาสลับกันไป เพื่อป้องกันศีรษะไม่สมส่วน เนื่องจากกระดูกของทารกอาจไม่แข็งแรง หากนอนท่าใดท่าหนึ่งติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้ศีรษะด้านใดด้านหนึ่งแบนราบได้
  • ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือเมื่อมีการอุจจาระหรือปัสสาวะ เพื่อป้องกันการหมักหมม การเกิดผื่นผ้าอ้อม การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และควรทำความสะอาดอวัยวะเพศและก้นของทารกให้สะอาดก่อนใส่ผ้าอ้อมทุกครั้ง
  • ห่อตัวทารก เพื่อเพิ่มความอบอุ่นและอาจทำให้ทารกรู้สึกปลอดภัย หรือสบายใจขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการห่อตัวเมื่อทารกอายุได้ 2 เดือนขึ้นไป เพราะทารกจะเริ่มพลิกตัว การห่อตัวจึงเป็นการปิดกั้นการกระตุ้นพัฒนาการ และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตกะทันหันได้
  • สำหรับทารกที่สายสะดือยังไม่หลุด คุณแม่ควรใช้ฟองน้ำค่อย ๆ เช็ดตัวให้ทารก โดยให้สายสะดือเปียกน้ำน้อยที่สุดจนกว่าสายสะดือหลุดออก หรือหากสายสะดือเปียกให้ใช้ไม้พันสำลีซับให้แห้ง
  • ดูแลสายสะดือทารกให้สะอาด ด้วยการเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง จนกว่าสายสะดือทารกจะหลุดออก หากสะดือทารกมีสีแดง มีกลิ่นเหม็น และหนองไหล ควรปรึกษาคุณหมอทันที
  • ให้ทารกอาบน้ำอุ่น และควรทดสอบอุณหภูมิน้ำก่อนนำทารกลงไปในอ่าง น้ำในอ่างไม่ควรลึกเกิน 2-3 นิ้ว ควรประคองลำตัวและศีรษะทารกตลอดการอาบน้ำ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Slideshow: Baby Milestones: Your Child’s First Year of Development. https://www.webmd.com/parenting/baby/ss/slideshow-baby-milestones-first-year

Baby’s First Year: How Infants Develop. https://www.webmd.com/parenting/baby/features/stages-of-development#1 . Accessed November 29, 2021

A Guide for First-Time Parents. https://kidshealth.org/en/parents/guide-parents.html . Accessed November 29, 2021

Learning, Play, and Your Newborn. https://kidshealth.org/en/parents/learnnewborn.html . Accessed November 29, 2021

Thinking and play: newborns. https://raisingchildren.net.au/newborns/play-learning/play-ideas/thinking-play-newborns . Accessed November 29, 2021

Child Development Specific Conditions. https://www.cdc.gov/ncbddd/childdevelopment/conditions.html . Accessed November 29, 2021

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/04/2023

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธี ดูแลทารกคลอดก่อนกำหนด

ทารกเป็นหวัด สาเหตุ อาการและการรักษา


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ

พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา