ข้อบ่งใช้
โยเกิร์ตใช้สำหรับ
โยเกิร์ต (Yogurt) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ทำได้โดยการหมักนมด้วยเชื้อแบคทีเรียเฉพาะสายพันธุ์ต่างๆ หนึ่งหรือหลายชนิดด้วยกัน เช่นแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลลัส (Lactobacillus acidophilus) แลคโตบาซิลลัส แรมโนซัส (Lactobacillus rhamnosus) แลคโตบาซิลลัส บัลการิคัส (Lactobacillus bulgaricus) เอ็นเทอโรคอกคัส เฟเซียม (Enterococcus faecium) สเตรปโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส (Streptococcus thermophilus) และอื่นๆ
โยเกิร์ตใช้รักษาอาการต่างๆ ได้แก่
- อาการท้องร่วงในเด็ก
- อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับยาปฏิชีวนะ
- อาการท้องร่วงในทารกและเด็กที่ขาดสารอาหาร
- อาการแพ้น้ำตาลแล็กโทส (Lactose intolerance) ใช้บริโภคแทนนม
- รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร อย่างเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่น
- คอเลสเตอรอลสูง
- โรคหอบหืด
- ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
- เพื่อป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
- เพื่อป้องกันการติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอด
- เพื่อป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร (peptic ulcers)
- เพื่อป้องกันแดดเผา
การทำงานของโยเกิร์ต
ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับการทำงานของโยเกิร์ต โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม แต่เป็นที่ทราบกันว่าโยเกิร์ตนั้นมีเชื้อแบคทีเรียที่อาจจะช่วยฟื้นฟูเชื้อแบคทีเรียตามปกติที่อยู่ในทางเดินอาหารและช่องคลอด ทำให้ช่วยรักษาอาหารท้องร่วงและการติดเชื้อที่ช่องคลอด
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้โยเกิร์ต
โปรดปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เองโดยไม่มีใบสั่งแพทย์
- หากคุณแพ้สารใดๆ ในโยเกิร์ต หรือยาอื่น หรือสมุนไพรอื่นๆ
- หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
- หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้ประเภทใดๆ เช่นแพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์
กฎข้อบังคับในการใช้อาหารเสริมนั้นเข้มงวดน้อยกว่ากฎข้อบังคับในการใช้ยา ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาความปลอดภัยของอาหารเสริมนี้ ประโยชน์ในการใช้อาหารเสริม จะต้องมากกว่าความเสี่ยงก่อนใช้ยา โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ความปลอดภัยของโยเกิร์ต
โยเกิร์ตมักจะปลอดภัยกับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่เมื่อรับประทาน โยเกิร์ตอาจจะปลอดภัยเมื่อใช้กับช่องคลอด
ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ
การตั้งครรภ์และการให้นมบุตร โยเกิร์ตดูเหมือนว่าจะปลอดภัยในปริมาณสำหรับอาหาร และอาจจะปลอดภัยเมื่อทาที่ช่องคลอดขณะตั้งครรภ์ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยจำนวนน้อยนั้นไม่มีรายงานพบผลข้างเคียงใดๆ
โยเกิร์ตดูเหมือนจะว่าปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตรเมื่อรับประทานในปริมาณตามปกติ แต่นักวิจัยยังไม่ได้มีการวิจัยที่เพียงพอถึงความปลอดภัยของการใช้โยเกิร์ตที่บริเวณช่องคลอดในผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้โยเกิร์ตที่บริเวณช่องคลอดหากคุณกำลังให้นมบุตร
ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีข้อกังวลว่าแบคทีเรียที่มีชีวิตนั้นอาจจะแพร่พันธุ์โดยไม่ได้รับตรวจสอบและทำให้ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอป่วยได้ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดไอวี/เอดส์ หรือผู้ที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะ แลคโตบาซิลลัสภายในโยเกิร์ตนั้นสามารถทำให้เกิดโรคได้แต่ก็เป็นกรณีหายากในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโยเกิร์ตที่มีแบคทีเรียที่มีชีวิตในปริมาณมากเป็นเวลานานโดยไม่ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพ
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้โยเกิร์ต
ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงมากนัก แต่ในบางกรณีอาจจะมีผู้ที่ป่วยจากการรับประทานโยเกิร์ตที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยาที่อาจจะเกิดขึ้นกับโยเกิร์ต
โยเกิร์ตอาจจะมีปฏิกิริยากับยาบางอย่างที่คุณกำลังใช้อยู่หรือโรคที่คุณกำลังเป็นอยู่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับโยเกิร์ต ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะเตตราไซคลีน (Tetracycline antibiotics)
โยเกิร์ตนั้นมีส่วมผสมของแคลเซียม แคลเซียมในโยเกิร์ตจะเกาะติดกับยาเตตราไซคลีนภายในกระเพาะอาหารและลดปริมาณการดูดซึมยาเตตราไซคลีน การรับประทานแคลเซียมร่วมกับยาเตตราไซคลีนอาจจะลดประสิทธิภาพของยาเตตราไซคลีนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยานี้ควรรับประทานโยเกิร์ต2 ชั่วโมงก่อนรับประทานยา หรือ 4 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาเตตราไซคลีน
ยาเตตราไซคลีนบางชนิดนั้น ได้แก่ ยาเดเมโคลไซคลีน (demeclocycline) อย่างเดโคลมัยซิน (Declomycin) ยาไมโนไซคลีน (minocycline) อย่างไมโนซิน (Minocin) และยาเตตราไซคลีน (tetracycline) อย่างอะโคลมัยซิน (Achromycin)
- ยาซิโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) อย่างซิโปร (Cipro)
ยาซิโปรฟลอกซาซิน (ซิโปร) นั้นเป็นยาปฏิชีวนะ โยเกิร์ตอาจจะลดปริมาณของยาที่ร่างกายดูดซึม การรับประทานโยเกิร์ตร่วมกับยาอาจจะลดประสิทธิภาพของยาเพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยานี้ควรรับประทานโยเกิร์ตอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงหลังจากยา
- ยากดภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressants)
โยเกิร์ตมีเชื้อแบคทีเรียที่มีชีวิตและยีสต์ ระบบภูมิคุ้มกันมักจะสามารถควบคุมเชื้อแบคทีเรียและยีสต์ภายในร่างกายเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ ยากดระบบภูมิคุ้มกันอาจจะเพิ่มโอกาสในการป่วยได้
ยากดภูมิคุ้มกันบางชนิด ได้แก่ ยาอะซาไธโอพรีน (azathioprine) อย่างอิมมูแรน (Imuran) ยาบาซิลิซิแมบ (basiliximab) อย่างซิมูเลต (Simulect) ยาไซโคลสปอริน (cyclosporine) อย่างนีโอรัล (Neoral) หรือแซนดิมมูน (Sandimmune) ยาดาคลิซูแมบ (daclizumab) อย่างเซนาแพกซ์ (Zenapax) ยามิวโรโมแนบ ซีดี3 (muromonab-CD3) อย่างโอเคที3 (OKT3) ออร์โทตโคลน โอเคที3 (Orthoclone OKT3) ยาไมโคฟีโนเลต (mycophenolate) อย่างเซล์เซปต์ (CellCept) ยาทาโครลิมัส (tacrolimus) อย่างเอฟเค506 (FK506) หรือโพรกราฟ (Prograf) ยาไซโรลิมัส (sirolimus) อย่างราพามูน (Rapamune) ยาเพรดนิโซน (prednisone) อย่างเดลทาโซน (Deltasone) หรือโอราโซน (Orasone) ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) อย่างกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoids) และอื่นๆ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดของโยเกิร์ต
ขนาดยาดังต่อไปนี้ผ่านการวิจัยในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้ว
รับประทาน
- สำหรับการป้องกันอาการท้องร่วงเนื่องจากการใช้ยาปฏิชีวนะ รับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส จีจี (Lactobacillus GG) ขนาด 125 มล. (ประมาณ 4 ออนซ์) วันละสองครั้งตลอดระยะเวลาการรักษาโดยใช้ยาปฏิชีวนะ นักวิจัยบางรายได้แนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตชนิดอื่นๆ ขนาด 240 มล. (8 ออนซ์) วันละสองครั้ง รับประทานโยเกิร์ตอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยาปฏิชีวนะ
- สำหรับอาการท้องร่วง ควรรับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส คาเซอิ (Lactobacillus casei) ขนาด 125 กรัม วันละสองครั้ง
- สำหรับการลดระดับคอเลสเตอรอล เคยมีการลองใช้ในขนาดต่างๆ ขึ้นอยู่กับการเตรียม เคยมีการใช้โยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลลัสในขนาดทั่วไปที่ 200 มล. ต่อวัน เคยมีการรับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลลัส ร่วมกับฟรุกโต โอลิโกแซคคาไรด์ (fructo-oligosaccharides) 2.5% ขนาด 125 มล. วันละสามครั้งหรือใช้โยเกิร์ตที่มีเชื้อเคาซิโด (Causido) ซึ่งประกอบด้วยเชื้อเอ็นเทโรคอกคัส เฟเซียม (Enterococcus faecium) และเชื้อแบคทีเรียสเต็ปโตคอกคัส (Streptococcus) สองสายพันธุ์ ในขนาด 450 มล.
- สำหรับการป้องกันการติดเชื้อยีสต์หรือเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอด ควรรับประทานโยเกิร์ตที่มีแลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลลัสในขนาดทั่วไปที่ 150 มล. ต่อวัน
ขนาดยาของโยเกิร์ตอาจจะแตกต่างกันตามแต่ละคน ขนาดยาของคุณจะขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และสภาวะอื่นๆ อาหารเสริมนั้นไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับขนาดยาที่เหมาะสมกับคุณ
รูปแบบของโยเกิร์ต
โยเกิร์ตอาจจะมีรูปแบบดังต่อไปนี้
- โยเกิร์ตธรรมดา (นม) โยเกิร์ตที่ทำจากนมสดครบส่วน (Whole milk) โยเกิร์ตที่ทำจากนมไขมันต่ำ โยเกิร์ตที่ทำจากนมไร้ไขมัน กรีกโยเกิร์ต โยเกิร์ตปั่น
- โยเกิร์ตอื่นๆ โยเกิร์ตที่ทำจากนมแพะ โยเกิร์ตกรอง (Labneh) ลับนะฮ์ (labne) โยเกิร์ตที่ทำจากแกะ โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง
- เครื่องดื่มโยเกิร์ต
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]