ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ลิซิโนพริล (Lisinopril) ใช้เพื่อรักษาความดันโลหิตสูง การลดความดันโลหิตจะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตก โรคหัวใจ และโรคไต ยานี้ยังใช้เพื่อรักษาโรคหัวใจล้มเหลว และทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตมากขึ้น หลังจากหัวใจวาย
ลิซิโนพริล อยู่ในกลุ่มยาที่เรียกว่า ACE inhibitor ยานี้ออกฤทธิ์โดยขยายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ง่ายขึ้น
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือไม่พร้อมก็ได้ ตามที่แพทย์สั่ง ปกติแล้วรับประทาน 1 ครั้งต่อวัน
หากคุณใช้ยานี้ในรูปแบบยาแขวนตะกอน เขย่าขวดให้ดีก่อนใช้แต่ละครั้ง ตวงขนาดยาอย่างระมัดระวัง ด้วยอุปกรณ์หรือช้อนที่ใช้วัดโดยเฉพาะ อย่าใช้ช้อนโต๊ะที่บ้าน เพราะคุณอาจกะขนาดยาที่ผิดพลาด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับโรค และการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเด็ก ขนาดยาขึ้นอยู่กับน้ำหนัก เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง แพทย์อาจสั่งให้คุณเริ่มใช้ยาในขนาดที่น้อย ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มขนาดยาขึ้น ทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
รับประทานยานี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อช่วยเตือนความจำ รับประทานยานี้ในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน สิ่งสำคัญคือต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น คนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงจะไม่แสดงอาการป่วย
เพื่อรักษาอาการความดันโลหิตสูง อาจใช้เวลา 2 ถึง 4 สัปดาห์ การรักษาอาการหัวใจล้มเหลว อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ก่อนที่คุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง (เช่น ผลความดันโลหิตยังคงสูงหรือเพิ่มขึ้น)
คุณควรเก็บยาลิซิโนพริลไว้ในอุณหภูมิห้อง รวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับยา คุณไม่ควรเก็บยาลิซิโนพริลไว้ให้ห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาลิซิโนพริลแต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือการอ่านคำแนะนำการเก็บรักษายาบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
คุณไม่ควรทิ้งยาลิซิโนพริลลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำอย่างนั้น ดังนั้น สิ่งสำคัญคือทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องรับประทานอีกต่อไป ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีทิ้งยาอย่างปลอดภัย
ก่อนใช้ยาลิซิโนพริล แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณแพ้ยาชนิดนี้ ยาในกลุ่ม ACE inhibitor เช่น ยาเบนาซีพริล (benazepril) หรือมีอาการแพ้ประเภทอื่น ยาตัวนี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่ได้ออกฤทธิ์ แต่อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วย โดยเฉพาะอาการแพ้ ซึ่งรวมถึงการบวมของใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นและลำคอ ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูง
ยานี้อาจทำให้คุณวิงเวียนศีรษะ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่จำเป็นต้องอาศัยความตื่นตัว จนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณสามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย งดการดื่มแอลกอฮอล์
อาการเหงื่อออกมากเกินไป ท้องเสีย หรืออาเจียน อาจทำให้คุณสูญเสียน้ำในร่างกายมาก (ภาวะขาดน้ำ) และเพิ่มความเสี่ยงที่คุณจะหน้ามืด รายงานอาการท้องเสียหรืออาเจียน ที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ให้แพทย์ทราบ มั่นใจว่าดื่มน้ำมากพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่จำหน่ายตามใบสั่งแพทย์ ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร)
ยานี้อาจเพิ่มระดับโพแทสเซียม ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนรับประทานอาหารเสริมโพแทสเซียม หรือสารทดแทนเกลือที่มีโพแทสเซียม
ผู้สูงอายุอาจตอบสนองต่อผลข้างเคียงมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะอาการวิงเวียนศีรษะ และมีระดับโพแทสเซียมเพิ่มขึ้น
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ เพราะอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม (ดูเพิ่มเติมที่คำเตือน)
ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้ซึมเข้าสู่น้ำนม ปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ไม่มีการศึกษาในผู้หญิงที่เพียงพอ ที่จะระบุความเสี่ยงขณะที่ใช้ยาลิซิโนพริลระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เสมอ เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนรับประทานยาลิซิโนพริล อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยาลิซิโนหริลจัดเป็นยาที่มีความเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท N
ต่อไปนี้คือ ประเภทความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
คุณอาจวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เหนื่อยล้า หรือปวดศีรษะ เนื่องจากร่างกายปรับตัวให้เข้ากับยา หากยังคงมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง หรืออาการแย่ลง แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
เพื่อลดความเสี่ยงของอาการหน้ามืดและวิงเวียนศีรษะ ค่อยๆ ลุกขึ้นเมื่อเปลี่ยนจากท่านั่งหรือนอนเป็นท่ายืน
โปรดระลึกไว้ว่า แพทย์จ่ายยานี้เนื่องจากได้ตัดสินใจแล้วว่า นี่จะมีประโยชน์ต่อคุณ มากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากผลข้างเคียง หลายคนใช้ยานี้แล้วไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเหล่านี้ ได้แก่ เป็นลม อาหารของภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นช้าหรือผิดปกติ
แม้ว่ายาลิซิโนพริลอาจใช้เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับไต หรือรักษาผู้ป่วยโรคไต ในนานๆ ครั้ง ยานี้อาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไตอย่างรุนแรง หรือทำให้อาการแย่ลง แพทย์จะตรวจการทำงานของไต ระหว่างที่คุณใช้ยาลิซิโนพริล แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีสัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น การเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ
ในนานๆ ครั้งยาลิซิโนพริลอาจจะทำให้เกิดโรคตับที่รุนแรง (หรืออาจเป็นอันตราย) เข้ารับการรักษาทันที หากคุณมีอาการใดๆ ที่เป็นสัญญาณของความเสียหายที่มีต่อตับ เช่น คลื่นไส้หรืออาเจียนไม่หยุด เบื่ออาหาร ปวดท้องหรือกระเพาะอาหาร ตาและผิวเป็นสีเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม
ไม่ค่อยมีอาการแพ้ยาที่รุนแรงเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม เข้ารับการรักษาทันทีหากคุณสังเกตเห็นอาการแพ้รุนแรง ได้แก่ เกิดผื่น คันผิวหรือผิวบวม (โดยเฉพาะที่ใบหน้า ลิ้นหรือลำคอ) วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาเรื่องการหายใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยาบางชนิดที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาอะคิสคิเรน (aliskiren) ยาบางชนิดที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเช่น ยาเอเวอโรลิมัส (everolimus) ยาไซโรลิมัส (sirolimus) ยาลิเทียม ยาที่อาจเพิ่มระดับโพแทสเซียมในเลือด เช่น Angiotensin Receptor Blockers (ARBs) ได้แก่ ยาโลซาร์แทน (losartan) หรือ ยาวาลซาร์แทน (valsartan) ยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีตัวยาดรอสไพรีโนน (drospirenone) หรือยาซาคิวบิทริล (sacubitril)
ยาบางชนิดมีส่วนประกอบที่อาจเพิ่มความดันโลหิต หรือทำให้ภาวะหัวใจล้มเหลวแย่ลง แจ้งให้เภสัชกรทราบว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรบ้าง และถามวิธีการใช้อย่างปลอดภัย โดยเฉพาะยาแก้ไอและหวัด อาหารเสริม หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตอรอยด์ (NSAID) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ยานาพรอกเซน (naproxen)
อาจเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงขึ้น หากคุณได้รับการฉีดภูมิแพ้พิษผึ้งหรือต่อ (desensitization) และใช้ยาลิซิโนพริลควบคู่ด้วย ดูให้มั่นใจว่าแพทย์ทราบยาทุกชนิดที่คุณใช้
ยาลิซิโนพริลอาจเกิดปฏิกิริยาต่อยาตัวอื่นที่คุณกำลังรับประทานอยู่ และอาจส่งผลให้ยาที่คุณรับประทานออกฤทธิ์ต่างไปจากเดิม หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเป็นไปได้ คุณควรแจ้งรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาที่จำหน่ายตามใบสั่งแพทย์ ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร) และแจ้งให้แพทย์รวมถึงเภสัชกรทราบ เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดรับประทาน รวมถึงเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
ยาลิซิโนพริลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ โดยเปลี่ยนฤทธิ์ยา หรือเพิ่มความเสี่ยงให้ที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงอาหารหรือแอลกอฮอล์ ที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ ก่อนรับประทานยา
ยาลิซิโนพริลอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาของยาที่มีต่อร่างกาย อาจทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ลง หรือเปลี่ยนฤทธิ์ของยา สิ่งสำคัญคือ โปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับสุขภาพและโรคประจำตัวของคุณ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาลิซิโนพริล
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานยา 10 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน หรือรับประทานยา 5 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
ขนาดยาที่มีผลต่อการรักษา รับประทานยา 20 ถึง 40 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
ขนาดยาสูงสุด รับประทานยา 80 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
คำแนะนำ
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจวาย
ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานยา 2.5 ถึง 5 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
ขนาดยาที่มีผลต่อการรักษา ควรเพิ่มขนาดยาเท่าที่ร่างกายทนได้
ขนาดยาสูงสุด รับประทานยา 80 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
คำแนะนำ
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้ป่วยกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานยา 5 มิลลิกรัม (ภายใน 24 ชั่วโมงของการเริ่มมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายอย่างรุนแรง)
ขนาดยาครั้งต่อมา: รับประทานยา 5 มิลลิกรัมหลังจาก 24 ชั่วโมง จากนั้นรับประทานยา 10 มิลลิกรัมหลังจาก 48 ชั่วโมง
ขนาดยาที่มีผลในการรักษา: รับประทานยา 10 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน ควรใช้ขนาดยานี้ต่อไปอย่างน้อย 6 สัปดาห์
คำแนะนำ
การใช้ ใช้ลดอัตราการตายของผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายขั้นรุนแรง
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้ป่วยโรคไตที่เกิดจากเบาหวานและมีความดันโลหิตสูง
ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานยา 10 ถึง 20 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
ขนาดยาที่มีผลต่อการรักษา รับประทานยา 20 ถึง 40 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
อาจปรับขนาดยาขึ้นทุก 3 วัน
คำแนะนำ
ไม่มีข้อบ่งชี้ที่เป็นที่รับรอง
ขนาดยาทั่วไปสำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานยา 2.5 ถึง 5 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
ขนาดยาที่มีผลต่อการรักษา ควรเพิ่มขนาดยา 2.5 ถึง 5 มิลลิกรัมต่อวันในช่วงระหว่าง 1 ถึง 2 สัปดาห์
ขนาดยาสูงสุด รับประทานยา 40 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต
ความสามารถของไตในการกำจัดสารครีอะตินีน (CrCl) มากกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาที: ไม่แนะนำให้ปรับขนาดยา
ความสามารถของไตในการกำจัดสารครีอะตินีนน้อยกว่า หรือเท่ากับ 30 มิลลิลิตรต่อนาที: แนะนำให้ปรับขนาดยา ครึ่งหนึ่งของขนาดยาปกติที่แนะนำเช่น ความดันโลหิตสูง 5 มิลลิกรัม หัวใจวายชนิดมีการบีบตัวผิดปกติ (systolic heart failure) 2.5 มิลลิกรัม และกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดรุนแรง 2.5 มิลลิกรัม เพิ่มขนาดยาเท่าที่ร่างกายจะทนได้ จนกว่าจะถึงขนาดยาสูงสุดคือ 40 มิลลิกรัมต่อวัน
ความสามารถของไตในการกำจัดสารครีอะตินีนน้อยกว่า 10 มิลลิลิตรต่อนาที หรืออยู่ระหว่างการฟอกเลือดด้วยไตเทียม: แนะนำขนาดยาสำหรับรับประทานเริ่มต้น 2.5 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน
การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคตับ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคดีซ่านหรือมีเอนไซม์ในตับเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนควรหยุดรับประทานยาและรักษาด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสม
การปรับขนาดยา
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำในการใช้
โดยทั่วไป
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาทั่วไปสำหรับเด็กที่ป่วยเป็นความดันโลหิตสูง
เด็กที่มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 ปี:
ขนาดยาเริ่มต้น: รับประทานยา 0.07 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 1 ครั้งต่อวัน (ขนาดยาเริ่มต้นที่สูงที่สุดคือ 5 มิลลิกรัม 1 ครั้งต่อวัน)
ขนาดยาที่มีผลต่อการรักษา: ขนาดยาควรปรับตามการตอบสนองต่อความดันโลหิต ในช่วง 1 ถึง 2 สัปดาห์
ขนาดยาสูงสุด ไม่มีการศึกษาขนาดยามากกว่า 0.61 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม หรือมากกว่า 40 มิลลิกรัมในผู้ป่วยที่เป็นเด็ก
คำแนะนำ
คำเตือน
ไม่ได้มีการยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 6 ปี
ยาลิซิโนพริลมีรูปแบบดังต่อไปนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย