ข้อบ่งใช้
คูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน) ใช้สำหรับ
คูมาดิน® (Coumadin®) เป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ประกอบด้วยตัวยาสำคัญคือ ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ซึ่งช่วยลดการสร้างลิ่มเลือด
คูมาดิน® ใช้เพื่อรักษาหรือป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือภาวะที่รุนแรงอื่นๆ ได้
คูมาดิน® ยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นนอกจากที่อยู่ในคู่มือการใช้ยาได้อีกด้วย
วิธีใช้คูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน)
รับประทานคูมาดิน® พร้อมกับอาหารหรือรับประทานแยกต่างหาก ตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ควรทำตามวิธีการใช้ยาทั้งหมดบนฉลากยา ในบางครั้งแพทย์อาจจะเปลี่ยนขนาดยาเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับผลที่ดีที่สุด อย่าใช้ยานี้ในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่แพทย์กำหนด
ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากยา เพื่อให้จำง่ายขึ้น ควรรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน
ขณะที่กำลังใช้ยานี้ คุณอาจจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจไอเอ็นอาร์ (INR) หรือการตรวจโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time) เพื่อวัดระยะเวลาในการเกิดลิ่มเลือด ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถระบุขนาดยาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
หากคุณได้รับยาวาร์ฟารินที่โรงพยาบาล แพทย์อาจนัดให้คุณเข้ารับการตรวจไอเอ็นอาร์ภายในระยะเวลา 3-7 วันหลังจากกินยา
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีอาการป่วยพร้อมกับอาการท้องร่วง เป็นไข้ หนาวสั่น หรืออาการของไข้หวัด หรือน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง
คุณอาจจำเป็นต้องหยุดใช้คูมาดิน® เป็นเวลา 5-7 วันก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือทำฟัน หรืออาจต้องหยุดใช้ยานี้หากใช้ยาปฏิชีวนะ ต้องรับการเจาะน้ำไขสันหลัง (spinal tap) หรือให้ยาระงับความรู้สึกผ่านทางไขสันหลัง (epidural)
การเก็บรักษาคูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน)
ควรเก็บคูมาดิน® ที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง หากมีข้อสงสัยควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งคูมาดิน® ลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้คูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน)
ก่อนใช้คูมาดิน® โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีภาวะดังต่อไปนี้
- วางแผนตั้งครรภ์ กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- กำลังใช้ยาอื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น
- แพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่ออกฤทธิ์ของคูมาดิน® หรือยาอื่นๆ
- มีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
ไม่ควรใช้คูมาดิน® หากมีสภาะเหล่านี้
- อาการเลือดออกผิดปกติทั้งตามกรรมพันธุ์หรือเกิดจากโรคใดๆ เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia)
- เซลล์เม็ดเลือดผิดปกติ เช่น จำนวนเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือเกล็ดเลือดต่ำ
- มีเลือดในปัสสาวะหรืออุจจาระ หรือหากคุณเคยมีอาการไอเป็นเลือด
- การติดเชื้อที่เยื่อบุของหัวใจ เช่น เยื่อบุหัวใจอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (bacterial endocarditis)
- เลือดออกหรือมีแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
- ความดันโลหิตสูง
- เพิ่งผ่านการผ่าตัดหรือกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดที่สมอง ไขสันหลัง หรือตา
- เพิ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลอดเลือดโป่งพอง (aneurysm) หรือมีเลือดออกในสมอง
- ต้องเข้ารับการเจาะน้ำไขสันหลัง หรือให้ยาระงับความรู้สึกผ่านทางไขสันหลัง
คุณไม่ควรใช้คูมาดิน® หากคุณไม่มีความสามารถในการควบคุมการใช้ยา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง (alcoholism) ปัญหาทางจิตเวช ภาวะสมองเสื่อม (dementia) หรือสภาวะที่คล้ายกัน
คูมาดิน® สามารถทำให้คุณมีอาการเลือดออกง่ายขึ้น โดยเฉพาะหากคุณมีภาวะดังนี้
- เคยมีปัญหาเกี่ยวกับอาการเลือดออก
- ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ
- โรคไตหรือโรคตับ
- โรคมะเร็ง
- โรคที่ส่งผลกระทบกับหลอดเลือดในสมอง
- เคยมีอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
- การผ่าตัดหรือการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือหากคุณรับการฉีดยาแบบใดๆ
- หากคุณอายุ 65 ปีขึ้นไป
- หากคุณมีอาการป่วยอย่างรุนแรงหรือร่างกายอ่อนแอ
คูมาดิน® สามารถทำให้เกิดความบกพร่องแต่กำเนิดได้ แต่การป้องกันลิ่มเลือดนั้นอาจสำคัญกว่าความเสี่ยงต่อเด็กทารก คุณอาจสามารถใช้ยานี้ในขณะตั้งครรภ์หากคุณมีลิ้นหัวใจเทียม ควรใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ขณะที่กำลังใช้ยานี้และอย่างน้อย 1 เดือนหลังจากการใช้ยาครั้งสุดท้าย โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณตั้งครรภ์
หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกหรือการบาดเจ็บ ควรระมัดระวังอย่างมากขณะที่กำลังโกนขนหรือแปรงฟัน แม้จะหยุดใช้ยานี้แล้ว แต่อาการเลือดออกง่ายอาจจะยังคงอยู่อีกหลายวัน
สุรา เกรปฟรุต น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำลูกยอ และน้ำทับทิมอาจมีปฏิกิริยากับคูมาดิน® และทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มเหล่านี้ขณะใช้ยา
ไม่ควรเปลี่ยนแปลงอาหารที่รับประทานโดยไม่แจ้งให้แพทย์ทราบ อาหารที่มีวิตามินเคสูง เช่น ตับ ผักใบเขียว น้ำมันพืช อาจทำให้ยานี้มีประสิทธิภาพลดลงได้ หากอาหารเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการรับประทานอาหารของคุณ ควรรับประทานในปริมาณคงที่
โปรดสอบถามแพทย์ก่อนใช้ยาบรรเทาอาการปวด ข้ออักเสบ เป็นไข้ หรืออาการบวม เช่น ยาอะเซตามีโนเฟน ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ยานาพรอกเซน (naproxen) ยาเซเลโคซิบ (celecoxib) ยาไดโคลเฟเนค (diclofenac) ยาอินโดเมทาซิน (indomethacin) ยาเมโลซิแคม (meloxicam) เพราะอาจส่งผลต่อการเกิดลิ่มเลือด และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้คูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน)
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป มีดังต่อไปนี้
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ปวดท้องระดับเบา
- ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร
- การรับรสชาติเปลี่ยนไป
ติดต่อแพทย์ทันทีหากมีอาการดังนี้
- มีอาการปวด บวม รู้สึกร้อนหรือเย็น ผิวหนัง หรือสีผิวเปลี่ยนแปลง
- ปวดขาหรือเท้ากะทันหันและรุนแรง มีแผลที่เท้า นิ้วมือหรือนิ้วเท้าเป็นสีม่วง
- ปวดศีรษะ วิงเวียน หรืออ่อนแรงเฉียบพลัน
- มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย (เช่น กำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน) มีจุดสีม่วงหรือแดงใต้ผิวหนัง
- เลือดไหลออกจากแผลหรือรอยที่ฉีดยาไม่หยุด
- ผิวซีด รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว รวบรวมสมาธิไม่ได้
- ปัสสาวะสีคล้ำ ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง)
- ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย
- ชา หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดท้อง ปวดหลัง หรือปวดบริเวณสีข้าง
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้
- มีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
- มีอาการเลือดออกผิดปกติ หรืออาการเลือดไหลไม่หยุด คุณอาจจะมีอาการเลือดออกภายในร่างกาย เช่น ภายในกระเพาะอาหาร ลำไส้
- มีเลือดในปัสสาวะ ปัสสาวะสีดำหรือสีเลือด
- ไอเป็นเลือดหรืออาเจียนคล้ายกากกาแฟ
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
คูมาดิน® อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับคูมาดิน® ได้แก่
- ยาป้องกันลิ่มเลือดอื่นๆ
- ยารักษาการติดเชื้อ เช่น ยารักษาวัณโรค
- อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเค
- ยาต้านซึมเศร้า (antidepressant) เช่น ซิตาโลแพรม (citalopram) ดูลอกซิทีน (duloxetine) ฟลูออกซิทีน (fluoxetine) ฟลูโวซามีน (fluvoxamine) พารอกซิทีน (paroxetine) เซอร์ทราลีน (sertraline) เวนลาฟาซีน (venlafaxine) ไวลาโซโดน (vilazodone)
- ยารักษาอาการชัก เช่น คาร์บาเมเซพีน (carbamazepine) ฟีโนบาร์บิทัล (phenobarbital) ฟีนีโทอิน (phenytoin)
- ผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น โคเอ็นไซม์ คิว10 (coenzyme Q10) แครนเบอร์รี่ เอ็กไคนาเซีย (echinacea) กระเทียม สารสกัดจากแปะก๊วย (ginkgo biloba) โสม โกลเด้นซีล (goldenseal) สมุนไพรเซนต์จอห์น (St. John’s wort)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
คูมาดิน® อาจมีปฏิกิริยากับอาหาร หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
คูมาดิน® อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
โรคที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่
- โรคเซลิแอค สปรู (Celiac sprue) ซึ่งเป็นความผิดปกติของลำไส้
- โรคเบาหวาน
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Overactive thyroid)
- ความผิดปกติของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue) เช่น กลุ่มอาการมาร์แฟน (Marfan Syndrome) กลุ่มอาการโจเกร็น (Sjögren syndrome) โรคหนังแข็ง (scleroderma) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) หรือโรคลูปัส (lupus)
- ภาวะขาดลิ่มเลือดทางพันธุกรรม (hereditary clotting deficiency) เนื่องจากยานี้อาจทำให้อาการแย่ลงในช่วงแรก
- หากคุณกำลังใช้ท่อสวน (catheter)
- หากคุณเคยมีอาการเกล็ดเลือดต่ำหลังจากใช้ยาเฮพาริน (heparin)
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาของคูมาดิน® (ยาวาร์ฟาริน) สำหรับผู้ใหญ่
ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน (Venous Thromboembolism) รวมถึงภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (deep venous thrombosis) และโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด (PE)
ปรับขนาดยาเพื่อรักษาค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 2.5 (ช่วงไอเอนอาร์ 2.0-3.0) สำหรับระยะเวลาการรักษาทั้งหมด ระยะเวลาในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดทุติยภูมิหรือแบบรักษาได้ แนะนำให้รักษาด้วยยาวาร์ฟารินเป็นเวลา 3 เดือน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดแบบไม่มีปัจจัยกระตุ้น (unprovoked) แนะนำให้รักษาด้วยคูมาดิน® เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือน หลังจากรักษาไป 3 เดือน ควรประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการรักษาในระยะยาวสำหรับผู้ป่วยอีกครั้ง
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน และโรคลิ่มเลือดอุดกั้นในปอดแบบไม่มีปัจจัยกระตุ้นสองระยะ แนะนำให้ทำการรักษาด้วยคูมาดิน® ในระยะยาว
- ผู้ป่วยที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดในระยะยาว ควรทำการประเมินความเสี่ยงและประโยชน์ของการรักษาต่อสำหรับผู้ป่วยเป็นระยะ
ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation)
ปรับขนาดยาเพื่อรักษาค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 2.5 (ช่วงไอเอนอาร์ 2.0-3.0) สำหรับระยะเวลาการรักษาทั้งหมด ระยะเวลาในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับข้อบ่งชี้ดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่ไม่เกี่ยวข้องกับลิ้นหัวใจที่มีอาการเป็นประจำหรือกำเริบทันทีและมีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง แนะนำให้ต้านการแข็งตัวของเลือดโดยใช้ยาวาร์ฟารินในระยะยาว ซึ่งวัดได้จาก
- เคยมีภาวะสมองขาดเลือด (ischemic stroke) หรือภาวะขาดเลือดชั่วคราว (transient ischemic attack) หรือภาวะลิ่มเลือดอุดตันทั่วร่างกาย (systemic embolism)
- หรือมีปัจจัยดังต่อไปนี้อย่างน้อย 2 ประการ
- อายุมากกว่า 75 ปี
- ห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงระดับปานกลางหรือรุนแรง และ/หรือหัวใจล้มเหลว
- เคยมีภาวะความดันโลหิตสูง
- เป็นโรคเบาหวาน
- สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่ไม่เกี่ยวข้องกับลิ้นหัวใจที่มีอาการเป็นประจำหรือกำเริบทันทีและมีความเสี่ยงสูงที่จะมีภาวะสมองขาดเลือด (มี 1 ปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้ อายุมากกว่า 75 ปี ห้องล่างซ้ายบีบตัวลดลงระดับปานกลางหรือรุนแรง และ/หรือหัวใจล้มเหลว เคยมีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็นโรคเบาหวาน) แนะนำให้ต้านการแข็งตัวของเลือดโดยใช้ยาวาร์ฟารินในระยะยาว
- สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้วและลิ้นหัวใจไมตรัลตีบ (mitral stenosis) แนะนำให้ต้านการแข็งตัวของเลือดโดยใช้ยาวาร์ฟารินในระยะยาว
- สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้วและมีลิ้นหัวใจเทียม แนะนำให้ต้านการแข็งตัวของเลือดโดยใช้ยาวาร์ฟารินในระยะยาว อาจเพิ่มค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายและเพิ่มยาแอสไพรินโดยขึ้นอยู่กับชนิดและตำแหน่งของลิ้นหัวใจ และปัจจัยของผู้ป่วย
ลิ้นหัวใจแบบเทียมและแบบไบโอโพรสเทติก
- สำหรับผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจเทียมแบบโลหะสองแผ่น (bileaflet mechanical valve) หรือลิ้นหัวใจเทียมเอียง (tilting disk valves) แบบโลหะหนึ่งแผ่น (Medtronic Hall) (มินนีแอโพลิส [Minneapolis] หรือเอ็มเอ็น [MN]) อยู่ในตำแหน่งเอออร์ตา (aortic position) ผู้ที่อยู่ในจังหวะไซนัส (sinus rhythm) และไม่มีการขยายตัวของหัวใจห้องบนซ้าย แนะนำให้รักษาด้วยยาฟารินเพื่อให้ได้รับค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 2.5 (ช่วง 2.0-3.0)
- สำหรับผู้ที่มีลิ้นหัวใจเทียมแบบเอียงและลิ้นหัวใจเทียมแบบโลหะสองแผ่นในตำแหน่งไมทรัล (mitral position) แนะนำให้รักษาด้วยยาฟารินเพื่อให้ได้รับค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 3.0 (ช่วง 2.5-3.5)
- สำหรับผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจแบบเคจบอล (caged ball) หรือเคดิสก์ (caged disk) แนะนำให้รักษาด้วยยาฟารินเพื่อให้ได้รับค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 3.0 (ช่วง 2.5-3.5)
- สำหรับผู้ป่วยที่มีลิ้นหัวใจแบบเนื้อเยื่อในตำแหน่งไมทรัล แนะนำให้รักษาด้วยยาฟารินเพื่อให้ได้รับค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 2.5 (ช่วง 2.0-3.0) เป็นเวลา 3 เดือน หากมีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเติมสำหรับภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด (thromboembolism) (ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว ภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดหลอดเลือดครั้งก่อน หรือหัวใจห้องล่างซ้านบกพร่อง) แนะนำค่าไอเอ็นอาร์เป้าหมายที่ 2.5 (ช่วง 2.0-3.0)
หลังจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Post-Myocardial Infarction)
- สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย (เช่น ผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจส่วนหน้าขนาดใหญ่ตาย (large anterior MI) ผู้ที่มีโรคหัวใจล้มเหลวอย่างรุนแรง ผู้ที่มีลิ่มเลือดในหัวใจที่มองเห็นได้จากการการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงผ่านช่องอก (transthoracic echocardiography) ผู้ที่มีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพริ้ว และผู้ที่มีเคยมีภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือด แนะนำให้รักษาร่วมกันระหว่างยาวาร์ฟารินความแรงปานกลาง (ค่าไอเอ็นอาร์ช่วง 2.0-3.0) ร่วมกับยาแอสไพรินขนาดต่ำ (น้อยกว่า 100 มก./วัน) เป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนหลังจากเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ขนาดยาคูมาดิน (ยาวาร์ฟาริน) สำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดวาร์ฟารินโซเดียม 1 มก.
- ยารูปแบบไลโอฟิไลซ์สำหรับฉีด วาร์ฟารินโซเดียม 2 มก. ในสารละลาย 1 มล.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]