ลาโมไตรจีน (Lamotrigine) ใช้เป็นยาตัวเดียว หรือใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อป้องกันและควบคุมอาการชัก นอกจากนี้ยังอาจใช้เพื่อช่วยป้องกันอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรงของโรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (bipolar disorder) สำหรับผู้ใหญ่
[embed-health-tool-heart-rate]
ข้อบ่งใช้
ลาโมไตรจีน ใช้สำหรับ
ลาโมไตรจีน (Lamotrigine) ใช้เป็นยาตัวเดียว หรือใช้ร่วมกับยาอื่น เพื่อป้องกันและควบคุมอาการชัก นอกจากนี้ยังอาจใช้เพื่อช่วยป้องกันอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรงของโรคไบโพลาร์หรือโรคอารมณ์สองขั้ว (bipolar disorder) สำหรับผู้ใหญ่
ลาโมไตรจีน เป็นยาในกลุ่มยากันชัก (anticonvulsant) หรือยาต้านชัก (antiepileptic) ทำงานโดยการฟื้นฟูความสมดุลของสารตามธรรมชาติภายในสมองบางชนิด
วิธีการใช้ยาลาโมไตรจีน
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหาก ตามที่แพทย์สั่ง กลืนยาทั้งเม็ด เนื่องจากหากเคี้ยวยาอาจทำให้มีรสขมได้
ควรทำตามแนวทางการใช้ยาจากแพทย์อย่างเคร่งครัด ควรเพิ่มขนาดยาอย่างช้าๆ อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเดือน จนกว่าจะได้รับขนาดยาที่เหมาะสมที่สุด และได้รับผลของยาอย่างเต็มที่ รับประทานยาเป็นประจำเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากยา เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
อย่าหยุดใช้ยาโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ สภาวะบางอย่างอาจจะแย่ลงได้หากหยุดใช้ยากะทันหัน ควรค่อยๆ ลดขนาดยาลงมา นอกจากนี้หากหยุดใช้ยาแล้ว ไม่ควรกลับมาเริ่มใช้ยาใหม่ โดยไม่ปรึกษากับแพทย์
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
การเก็บรักษายาลาโมไตรจีน
ยาลาโมไตรจีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาลาโมไตรจีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาลาโมไตรจีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง เมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาลาโมไตรจีน
ปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรถ้าหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
- หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่ออกฤทธิ์ ของยาลาโมไตรจีนหรือยาอื่นๆ
- หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
- หากคุณกำลังใช้ยาฮอร์โมนเพศหญิง เช่น การคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน (ยาคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด การฝังยาคุมกำเนิด หรือห่วงอนามัย) หรือฮอร์โมนทดแทนบำบัด (hormone replacement therapy) ปรึกษากับแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาหรือหยุดใช้ยาลาโมไตรจีน หากคุณกำลังใช้ยาฮอร์โมนเพศหญิง แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีอาการเลือดออก นอกเหนือช่วงที่คาดว่าจะมีประจำเดือน
- หากคุณเป็นหรือเคยเป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune disease) ซึ่งเป็นอาการที่ร่างกายทำลายอวัยวะภายในของตัวเอง ทำให้เกิดอาการบวมและสูญเสียการทำงาน อย่างเช่น โรคลูปัส ซึ่งเป็นอาการที่ร่างกายทำร้ายอวัยวะภายในต่างๆ ของตัวเองแล้วทำให้เกิดอาการต่างๆ โรคเลือด (blood disorder) โรคไต หรือโรคตับ
- หากคุณกำลังจะรับการผ่าตัด รวมถึงการผ่าตัดทำฟัน แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ หากคุณกำลังใช้ยาลาโมไตรจีน
คุณควรทราบว่ายานี้อาจทำให้คุณรู้สึกง่วงซึม อย่าขับรถหรือใช้เครื่องจักร จนกว่าคุณจะทราบว่ายานี้ส่งผลต่อคุณอย่างไร
จำไว้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น สามารถเพิ่มอาการง่วงซึมที่เกิดจากยานี้ได้อีกด้วย
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาลาโมไตรจีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาลาโมไตรจีน
แจ้งให้แพทย์ทราบหากผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปนั้นไม่หายไปหรือรบกวนคุณ ได้แก่
- หากมองเห็นไม่ชัดหรือมองเห็นภาพซ้อน
- ท้องผูก
- ท้องร่วง
- วิงเวียน
- ง่วงซึม
- ปวดหัว
- คลื่นไส้
- ปวดประจำเดือน
- น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก
- ท้องไส้ปั่นป่วนหรือปวดท้อง
- เหนื่อยล้า
- นอนไม่หลับ
- อาเจียน
- อ่อนแรง
- น้ำหนักลด
รับการรักษาพยาบาลในทันที หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงเกิดขึ้น ได้แก่
- อาการแพ้อย่างรุนแรง ได้แก่ ผดผื่น ลมพิษ หายใจติดขัด แน่นหน้าอก บวมที่ปาก ใบหน้า ริมฝีปาก หรือลิ้น เสียงแหบผิดปกติ
- ประจำเดือนไม่มา หรือมีการเปลี่ยนแปลงของประจำเดือน
- มีอาการปวดหรืออาการกดเจ็บที่น่อง
- ปวดหน้าอก
- ปัสสาวะสีเข้ม
- การเคลื่อนไหวอย่างสอดประสานลดลง
- ปัสสาวะลำบาก หรือมีอาการเจ็บขณะปัสสาวะ
- หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ
- เป็นไข้ หนาวสั่น หรือมีอาการเจ็บคอบ่อยๆ
- มีอความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ใหม่ๆ หรือแย่ลง เช่น อาการวิตกกังวล ซึมเศร้า กระสับกระส่าย อารมณ์ฉุนเฉียว อาการแพนิคกำเริบ พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
- มีอาการชักใหม่ๆ หรือแย่ลง
- อุจจาระสีซีด
- ผิวมีรอยแดง แผลพุพอง บวม หรือลอก
- มีอาการปวด หรือกดเจ็บที่กล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
- มีอาการวิงเวียนหรือปวดท้องอย่างรุนแรงหรือบ่อยครั้ง
- หายใจไม่อิ่ม
- มีแผลภายในปากหรือรอบดวงตา
- มีความคิดหรือพยายามที่จะฆ่าตัวตาย
- มีอาการบวมที่มือ ข้อเท้า หรือเท้า
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- มีอาการสั่นเทา
- มีรอยช้ำหรือเลือดออกที่ผิดปกติ
- มีอาการอ่อนแรง หรือเหนื่อยล้าผิดปกติ
- มีอาการคันหรือมีสารคัดหลั่งที่ช่องคลอด
- การมองเห็นเปลี่ยนแปลง
- ผิวหรือดวงตาเป็นสีเหลือง
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาลาโมไตรจีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
- คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) เนื่องจากอาจลดประสิทธิภาพของยาลาโมไตรจีน และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการวิงเวียน มองเห็นภาพซ้อน มองเห็นไม่ชัด และการเคลื่อนไหวอย่างสอดประสานลดลง
- วาลโปรเอท (Valproate) เช่น กรดวาลโปรอิก (valproic acid) หรือไดวาลโปรเอ็กซ์โซเดียม (divalproex sodium) เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงของยาลาโมไตรจีน
- โดฟีทิไลด์ (Dofetilide) เนื่องจากความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงของของยานี้อาจเพิ่มขึ้น เพราะยาลาโมไตรจีน
- อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir) /ริโทนาเวียร์ (ritonavir) เอสโตรเจน (estrogens) โลปินาเวียร์ (lopinavir) /ริโทนาเวียร์ ฟีโนบาร์บิทัล (phenobarbital) เฟนิโทอิน (phenytoin) ไพรมิโดน (primidone) ไรแฟมพิน (rifampin) หรือยาในกลุ่มซัคซินิไมด์ (succinimides) เช่นเมทซูซิไมด์ (methsuximide) เนื่องจากอาจลดประสิทธิภาพของยาลาโมไตรจีน
- การคุมกำเนิดแบบใช้ฮอร์โมน (เช่น ยาคุมกำเนิด) เนื่องจากประสิทธิภาพของยาทั้งสองอาจลดลง
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาลาโมไตรจีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาลาโมไตรจีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาลาโมไตรจีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันอาการชัก
สำหรับเพิ่มในสูตรการรักษาด้วยยาต้านชักที่มีกรดวาลโปรอิก (Valproic Acid)
สัปดาห์ที่ 1 และ 2: 25 มก. วันเว้นวัน
สัปดาห์ที่ 3 และ 4: 25 มก. ทุกวัน
ขนาดยาปกติ: 100 ถึง 400 มก./วัน (แบ่งเป็น 1 หรือ 2 ครั้ง) เพื่อให้ได้ขนาดยาปกติ อาจต้องเพิ่มขนาดยา 25 ถึง 50 มก./วัน ทุกๆ 1 ถึง 2 สัปดาห์
ขนาดยาปกติสำหรับผู้ป่วย ที่เพิ่มยาลาโมไตรจีนลงไปในกรดวาลโปรอิก มักอยู่ในช่วง 100 ถึง 200 มก./วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอารมณ์สองขั้ว
เริ่มต้นการรักษาด้วยยาลาโมไตรจีนโดยขึ้นอยู่กับยาที่กำลังใช้ร่วมกัน
ขนาดยาลาโมไตรจีนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอาการชัก
สำหรับเพิ่มในสูตรการรักษาด้วยยาต้านชัก
เด็กอายุ 2 ถึง 12 ปี ยารูปแบบออกฤทธิ์ทันที (ควรใช้ยาเต็มเม็ดเท่านั้น)
เด็กอายุ 2 ถึง 6 ปี มักจะจำเป็นต้องใช้ยาขนาดปกติที่อยู่ในช่วงบนของขนาดยาที่แนะนำตามปกติ ผู้ป่วยที่น้ำหนักน้อยกว่า 30 กก. อาจจำเป็นต้องเพิ่มขนาดยาปกติมากถึง 50% เทียบกับผู้ป่วยที่น้ำหนักมากกว่า 30 กก. ปรับขนาดยาเพื่อให้ได้ผลทางการแพทย์
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน: 25 มก. 100 มก. 150 มก. 200 มก.
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด