backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

วาร์ฟาริน (Warfarin)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยา วาร์ฟาริน ใช้สำหรับ

ยา วาร์ฟาริน (Warfarin) คือยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือด

ยาวาร์ฟารินนั้นช่วยป้องโรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน โรคหลอดเลือดสมอง และลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง

ยาวาร์ฟารินยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นที่ไม่มีอยู่ในคู่มือการใช้ยา

วิธีการใช้ยา วาร์ฟาริน

รับประทานยาวาร์ฟารินตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ทำตามขั้นตอนบนฉลากยา แพทย์อาจจะปรับขนาดยาในบางครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลดีที่สุด ห้ามใช้ยาวาร์ฟารินมากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่แพทย์กำหนด

รับประทานยาวาร์ฟารินในเวลาเดียวกันทุกวัน พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหาก ห้ามรับประทานยาสำหรับสองครั้งในคราวเดียว

ขณะใช้ยา วาร์ฟาริน คุณจะต้องตรวจตรวจสอบ INR (International Normalized Ratio) หรือการตรวจโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time) เป็นประจำ (เป็นการตรวจสอบระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด) คุณอาจจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอาการตัวเอง แต่การทำงานของเลือดของคุณ จะช่วยให้แพทย์พิจารณาว่า ควรใช้ยาวาร์ฟารินรักษาคุณอีกนานเท่าไหร่ คุณต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ขณะที่ใช้ยานี้

หากคุณรับยาวาร์ฟารินจากโรงพยาบาล ไปหาแพทย์ภายใน 3 ถึง 7 วันหลังจากออกจากโรงพยาบาล เพราะอาจต้องตรวจระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด อย่าพลาดนัดหมอไม่ว่าจะเป็นครั้งใดก็ตาม

แจ้งแพทย์ของคุณ หากคุณรู้สึกไม่สบายเนื่องจากท้องร่วง เป็นไข้ หนาวสั่น หรือมีอาการไข้หวัดใหญ่ หรือหากน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไป

คุณอาจต้องหยุดใช้ยาวาร์ฟาริน เป็นเวลา 5 ถึง 7 วันก่อนการผ่าตัด หรือทำฟัน ปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำในเรื่องนี้ คุณยังอาจต้องหยุดใช้ยาวาร์ฟารินเป็นเวลาสั้นๆ ด้วย หากคุณต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือหากคุณต้องเจาะไขสันหลัง หรือให้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง

คุณควรบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ของตัวเองติดตัวเอาไว้เสมอ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมสำหรับคุณ ไม่ว่าจะเป็นการพกบัตรที่ระบุว่า คุณกำลังใช้ยาวาร์ฟาริน หรือบันทึกข้อมูลไว้ในแอพในมือถือของคุณ เพื่อให้ผู้ดูแลสุขภาพที่กำลังรักษาคุณทราบว่า คุณกำลังใช้ยาวาร์ฟาริน

การเก็บรักษายาวาร์ฟาริน

ยาวาร์ฟารินควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการโดนแสงหรือความชื้นโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาวาร์ฟารินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

วาร์ฟาริน ไม่ควรทิ้งยาวาร์ฟารินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาวาร์ฟาริน

ขณะที่พิจารณาว่าจะใช้ยานี้ ควรพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยานี้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทย์และคุณจะต้องตัดสินใจ สำหรับยานี้ควรพิจารณาดังต่อไปนี้

อาการแพ้

แจ้งแพทย์หากคุณมีอาการผิดปกติ หรืออาการแพ้ยาตัวนี้หรือยาอื่นๆ และแจ้งผู้ดูแลสุขภาพ หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้แบบอื่นๆ เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเอง ควรอ่านข้อมูลส่วนประกอบของยาบนฉลากยาให้ระเอียด

เด็ก

ยังไม่มีงานวิจัยที่เหมาะสม ซึ่งศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอายุกับผลของการใช้ยาวาร์ฟารินในเด็ก จึงถือว่ายังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

ผู้สูงอายุ

งานวิจัยที่เหมาะสมจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาเฉพาะกับผู้สูงอายุ ที่อาจจะจำกัดประโยชน์ของการใช้ยาวาร์ฟารินในผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง และอาจต้องปรับขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะมีเลือดออกได้ง่าย

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีข้อมูลมากพอ เกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยานี้ ขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร โปรดปรึกษากับแพทย์ เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ยานี้

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยา วาร์ฟาริน

รับการรักษาพยาบาลในทันทีหากคุณมีอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

หยุดใช้ยานี้แล้วแจ้งแพทย์หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังต่อไปนี้

  • ปวด บวม รู้สึกร้อนหรือหนาว ผิวหนังเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนสีที่จุดใดก็ตามบนร่างกาย
  • ขาหรือเท้าปวดฉับพลันและรุนแรง มีแผลที่เท้า นิ้วเท้า หรือนิ้วมือ
  • ปวดหัว วิงเวียน หรืออ่อนแรงฉับพลัน
  • มีเลือดออกที่ผิดปกติ (จมูก ปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก) มีเลือดออกจากแผลหรือจุดที่ฉีดยา เลือดที่ไม่ยอมหยุดไหล
  • มีรอยช้ำง่าย มีจุดสีม่วงหรือแดงให้ผิวหนัง
  • มีเลือดในปัสสาวะ อุจจาระสีดำหรือสีเลือด ไอเป็นเลือด หรืออาเจียนที่ดูเหมือนกากกาแฟ
  • ผิวซีด รู้สึกวิงเวียนหรือหายใจไม่อิ่ม หัวใจเต้นเร็ว รวบรวมสมาธิไม่ได้
  • ปัสสาวะสีเข้ม ดีซ่าน (ผิวหนังและดวงตาเป็นสีเหลือง)
  • ปวดท้อง หลัง หรือด้านข้างลำตัว
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่มีเลย
  • มีอาการชาหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • มีอาการป่วยใดๆ พร้อมกับท้องเสีย เป็นไข้ หนาวสั่น ปวดตัว หรือมีอาการของไข้หวัดใหญ่

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้

  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องระดับเบา
  • ท้องอืด มีแก๊ส
  • การรับรสชาติเปลี่ยนไป

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาวาร์ฟารินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ไม่แนะนำให้ใช้ยาวาร์ฟารินกับยาดังต่อไปนี้ แพทย์อาจจะไม่ใช้ยานี้รักษาคุณหรือเปลี่ยนยาบางตัวที่คุณกำลังใช้อยู่

  • ยาเอมิแฟมพริดีน (Amifampridine)
  • ยาทาม็อกซิเฟน (Tamoxifen)

ไม่แนะนำให้ใช้ยาวาร์ฟารินร่วมกับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งสองชนิดร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องปรับขนาดยา หรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด

  • แอ็บซิกซิแมบ (Abciximab) อะซีโนคูมารอล (Acenocoumarol) อะเลฟาเซ็บท์ (Alefacept) อะลิโพจีน ไทพาร์โวเวค (Alipogene Tiparvovec) แอลทีเพลสรีคอมบิแนนต์ (Alteplase, Recombinant) อะมิโอดาโรน (Amiodarone) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) แอมพิซิลลิน (Ampicillin) อะนากรีไลด์ (Anagrelide) อะนิสทรีเพลส (Anistreplase) อะพิซาแบน (Apixaban) อะเพรบพิแทนท์ (Aprepitant) แอสไพริน อะซิโธรมัยซิน (Azithromycin)
  • ไบวาลิรูดิน (Bivalirudin) บลิเนทูโมแมบ (Blinatumomab)
  • คาเพไซทาบีน (Capecitabine) คาร์เบนิซิลลิน (Carbenicillin) คาร์โบพลาติน (Carboplatin)
  • เซฟาดรอกซิล (Cefadroxil) เซฟดิเนียร์ (Cefdinir) เซฟีพิม (Cefepime) เซฟิกซิม (Cefixime) เซโฟแทกซีม (Cefotaxime) เซฟโพดอกซ์ซีน (Cefpodoxime) เซฟตาซิดิม (Ceftazidime) เซฟาโลสปอริน (Ceftibuten) เซโฟแทกซีม (Ceftizoxime) เซเลคอกซิบ (Celecoxib) เซฟาเลกซิน (Cefalexin) เซฟาโลทิน (Cephalothin) เซฟาพิริน (Cephapirin) ซีเฟรดีน (Cephradine) เซริทินิบ (Ceritinib) คาโมมายล์ ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ซิตาโลแพรม (Citalopram) คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin) โคลพิโดเกรล (Clopidogrel) คลอกซาซิลลิน (Cloxacillin) โคบิซิสแตท (Cobicistat) คอลลาจีเนสคลอสทริเดียมฮิสโตลิติคัม (Collagenase Clostridium histolyticum) ไซโคลฟอสฟาไมด์ (Cyclophosphamide)
  • ดาบิกาแทรนอีเท็กซ์ซิเลต (Dabigatran Etexilate) ดาบราเฟนิบ (Dabrafenib) ดัลเทพาริน (Dalteparin) ดานาพารอยด์ (Danaparoid) แดพโซน (Dapsone) ดีเฟอราซีร็อกซ์ (Deferasirox) เดสเวนลาฟาซีน (Desvenlafaxine) ไดคลอกซาซิลลิน (Dicloxacillin) ไดไฮโดรอาร์เทมิซินิน (Dihydroartemisinin) ไดไพริดาโมล (Dipyridamole) ด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin) ดอกโซรูบิซินไฮโดรคลอไรไลโปโซม (Doxorubicin Hydrochloride Liposome) โดรเนดาโรน (Dronedarone) โดรเทรคอกินอัลฟ่า (Drotrecogin Alfa)
  • อีโคนาโซล (Econazole) เอฟฟาไวเร็นซ์ (Efavirenz) เออวิทิกราเวียร์ (Elvitegravir) อีนอกซาซิน (Enoxacin) อีนอกซาพาริน (Enoxaparin) เอนทาคาโพน (Entacapone) เอนซาลูตาไมด์ (Enzalutamide) เอปทิฟิบาไทด์ (Eptifibatide) เออร์โลทินิบ (Erlotinib) อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) เอสซิตาโลแพรม (Escitalopram) เอสลิคาร์เบสเซปีนอะซิเตท (Eslicarbazepine Acetate) อีโทโปซายด์ (Etoposide) อีทราวิรีน (Etravirine)
  • ฟีโนไฟเบรต (Fenofibrate) กรดฟีโนไฟบริก (Fenofibric acid) น้ำมันปลา ฟลูโคนาโซล (Fluconazole) ฟลูออโรยูราซิล (Fluorouracil) ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) ฟลูวอกซามีน (Fluvoxamine)
  • กระเทียม
  • กาติฟลอกซาซิน (Gatifloxacin) เจมิฟลอกซาซิน (gemifloxacin)
  • แปะก๊วย
  • อิมมาตินิบ (Imatinib) อินฟลิซิแมบ (Infliximab)
  • วัคซีนไวรัสไข้หวัดใหญ่
  • ไอทราโคนาโซล (Itraconazole)
  • คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) คีโตโปรเฟน (Ketoprofen)
  • เลฟลูโนไมด์ (Leflunomide)
  • เลพิรูดิน (Lepirudin) ลีโวฟลอกซาซิน (Levofloxacin) ลีโวมินาซิแพรน (Levomilnacipran) โลมิทาไพด์ (Lomitapide)
  • เก๋ากี่ (Lycium)
  • กัญชา
  • เมโคลเรทามีน (Mechlorethamine) เมอร์แคปโตพิวรีน (Mercaptopurine) เมทิซิลลิน (Methicillin)
  • เมโธเทรกเซท (Methotrexate) เมทิลซาลิไซเลต (Methyl Salicylate) เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ไมโคนาโซล (Miconazole) มิลแนซิแพรน (Milnacipran) เมอร์เทซาปีน (Mirtazapine) ม็อกซาแลคแทม (Moxalactam)
  • มอกซิฟลอกซาซิน (Moxifloxacin)
  • นาฟซิลลิน (Nafcillin) กรดนาลิดิซิก (Nalidixic acid) แนนโดรโลน (Nandrolone) นาพรอกเซน (Naproxen) นิโลตินิบ (Nilotinib) นินเทดานิบ (Nintedanib) ไนทิสซีโนน (Nitisinone) นอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin) โนสคาปีน (Noscapine)
  • ออฟลอกซาซิน (Ofloxacin) โอริวานซิน (oritavancin) โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) ออกซาซิลลิน (Oxacillin) ออกแซนโดรโรน (Oxandrolone)
  • มะละกอ
  • พาร็อกซีทีน (Paroxetine) เพกินเตอร์เฟอรอน อัลฟ่า 2บี (Peginterferon Alfa-2b) เพนิซิลลินจี (Penicillin G) เพนิซิลลินวี (Penicillin V) เพนโทแซนโพลีซัลเฟตโซเดียม (Pentosan Polysulfate Sodium) ฟีนินไดโอน (Phenindione) เฟนโพรคูมอน (Phenprocoumon) พิเพอราซิลลิน (Piperacillin) พิกแซนโทรน (Pixantrone) โพซาโคนาโซล (Posaconazole) พราซูเกรล (Prasugrel) โพรคาร์บาซีน (Procarbazine) โปรกัวนิล (Proguanil)
  • รีเทเพลสรีคอมเบียนต์ (Reteplase, Recombinant) ริวารอกซ์ซาแบน (Rivaroxaban)โรพินิโรล (Ropinirole) รอกซิโทรมัยซิน (Roxithromycin)
  • เซอร์ทราลีน (Sertraline) ริทูซิแมบ (Siltuximab) ซิมวาสแตติน (Simvastatin) ซิแท็กซ์เซนแทน (Sitaxsentan) สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต (St John’s Wort) สเตรปโตไคเนส (Streptokinase) ซัลฟาเมทอกซาโซน (Sulfamethoxazole) ซัลฟิซ็อกซาโซน (Sulfisoxazole)
  • ตังเซียม (Tan-Shen) เทกาเฟอร์ (Tegafur) เทลิโทรมัยซิน (Telithromycin) ทีเนคทีเพลส (Tenecteplase) เทริฟลูโนไมด์ (Teriflunomide) ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ไทคาร์ซิลลิน (Ticarcillin) ทินซาพาริน(Tinzaparin) ไทโรไฟแบน (Tirofiban) โทโคเฟอร์โซแลน (Tocophersolan) ทอร์ซีไมด์ (Torsemide)
  • ยูโรไคเนส (Urokinase)
  • กรดวาลโปรอิก (Valproic acid) เวนลาฟาซีน (Venlafaxine) วิลาโซโดน (Vilazodone) วินคริสทีน (Vincristine)วินคริสทีนซัลฟ่าไลโปโซม (Vincristine Sulfate Liposome) วินเดซีน (Vindesine) วอราแพกซาร์ (Vorapaxar) โวริโคนาโซล (Voriconazole) วอติออกซิทีน (Vortioxetine)

การใช้ยาต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงบางประการ แต่การใช้ยาทั้งสองตัวร่วมกัน อาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งสองชนิดร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องปรับขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด

  • อะคาร์โบส (Acarbose) อะซีเมตาซิน (Acemetacin)อะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) อัลโลพูรินอล (Allopurinol) อะมิโนกลูเทติมายด์ (Aminoglutethimide) อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) แอมพรีนาเวียร์ (Amprenavir) อาพาโซน (Apazone) อาร์กาโทรแบน (Argatroban) อะโตวาโควน (Atovaquone) อาโวคาโด อะซาไธโอพรีน (Azathioprine)
  • เกสรผึ้ง (Bee Pollen)
  • เบนอร์ริเลต (Benorilate) เบนซ์โบรมาโรน (Benzbromarone)
  • ชาดำ
  • โบเซนแทน (Bosentan) บรอมเฟแนค (Bromfenac) บิวตาบาร์บิทอล (Butabarbital) บิวทอลบิทอล (Butalbital)
  • คาร์บามาเซพีน (Carbamazepine) คาร์บิมาโซล (Carbimazole) เซฟาแมนโดล (Cefamandole) เซฟาโซลีน (Cefazolin) เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ไคโตซาน (Chitosan) คลอรอลไฮเดรต (Chloral hydrate) คอเลสไทรามีน (Cholestyramine) คอลีนแมกนีเซียมไตรซาลิไซเลต (Choline Magnesium Trisalicylate) คอนดรอยติน (Chondroitin) ไซเมทิดีน (Cimetidine) คิซาไพรด์ (Cisapride) ซิสพลาติน (Cisplatin) โคเอนไซม์คิว10 (Coenzyme Q10) โคลเซเวแลม (Colesevelam) เคอร์คูมิน (curcumin) ไซโคลสปอริน (Cyclosporin)
  • ดานาโซล (Danazol) ดารุนาเวียร์ (Darunavir) ดีโซเจสตรีล (Desogestrel) เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) เดกซ์แลนโซพราโซล (Dexlansoprazole) เดกซ์โทรไทรอกซ์ซีน (Dextrothyroxine) ไดเอโนเจส (Dienogest) ไดฟลูนิซัล (diflunisal) ไดโซไพราไมด์ (Disopyramide) ไดซัลฟิแรม (Disulfiram) ตังกุย (Dong quai) ด็อกเซปิน (Doxepin) ดรอสไพรีโนน (Drospirenone) ดูล็อกซีทีน (Duloxetine)
  • อีโซเมปราโซล (Esomeprazole) เอสทราดิอัล ไซพิโอเนท (Estradiol cypionate) เอสตร้าไดออลวาเรเรต (Estradiol Valerate) เอเทอร์โรบาร์บ (Eterobarb) เอทินิล เอสตร้าไดออล (Ethinyl Estradiol) เอไทโนไดออลไดแอซิเทต (Ethynodiol Diacetate) เอโทโนเจสเตรล (Etonogestrel) เอกเซนาไทด์ (Exenatide)
  • เฟลบาเมท (Felbamate) ฟลูออกซ์ซิเมสเทอร์โรน (Fluoxymesterone) ฟลูวาสแตติน (Fluvastatin)
  • เจฟฟิตินิบ (Gefitinib) เจมไซทาบีน(Gemcitabine) เจมไฟโบรซิล (Gemfibrozil)
  • ขิง
  • โสม
  • กลูคากอน (Glucagon) กลูโคซามีน (Glucosamine) ไกลบูไรด์ (Glyburide) กริซีโอฟูลวิน (Griseofulvin)
  • เฮพาริน (Heparin)
  • ไอฟอสฟาไมด์ (Ifosfamide) อินโดเมธาซิน (Indomethacin) อินโดโพรเฟน (Indoprofen) ไอโซไนอาซิด (Isoniazid) อิซอกซ์ซิแคม (Isoxicam) ไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) แล็กทูโลส (Lactulose) แลนโซพราโซล (Lansoprazole) เลวาไมโซล (Levamisole) ลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) เลโวไทรอกซีน (Levothyroxine) ไลโอไทโรนีน (Liothyronine) ลิกซ์ซิเซเนไทด์ (Lixisenatide) โลปินาเวียร์ (Lopinavir) ลอร์นอกซิแคม (lornoxicam)
  • เมดรอกซีโปรเจสเตอโรนแอซิเตต (Medroxyprogesterone Acetate) เมลาโทนิน (Melatonin) มีลอกซิแคม (Meloxicam) เมนทอล (Menthol) เมโฟบาร์บิทอล (Mephobarbital) เมซาลาซีน (Mesalazine) เมสนา (Mesna) เมสทรานอล (Mestranol) เมไทมาโซล (Methimazole) เมทิลเพรดนิโซโลน (Methylprednisolone) เมทิลเทสโทสเตอโรน (Methyltestosterone) เมทิลไทโอราซิล (Methylthiouracil) ไมโทเทน (Mitotane) มอริซิซีน (Moricizine)
  • เนวฟินนาเวียร์ (Nelfinavir) เนวิราปีน (Nevirapine) ไนอาซิน (Niacin) ไนลูทาไมด์ (Nilutamide) นิมีซูไลด์ (Nimesulide) นอร์เอลเจสโทรมิน(Norelgestromin) นอเรทินโดรน (Norethindrone) นอร์เจสทิเมท(Norgestimate) นอร์เจสเตรล (Norgestrel)
  • โอเมพราโซล (Omeprazole) ออริสแตท (Orlistat) อ๊อกซีเฟนบิวตาโซน (oxyphenbutazone)
  • แพนโทพราโซล (Pantoprazole) เพนท็อกซิฟิลลีน (Pentoxifylline) ฟีโนบาร์บิทัล (Phenobarbital) ฟีนิลบิวตาโซน (Phenylbutazone) ไฟโทเนไดออน (Phytonadione) ไพราซีแตม (Piracetam) โพลีอะคริลาไมด์ (polyacrylamide) โพแทสเซียมไอโอไดด์ (Potassium iodide) เพรดนิโซโลน (Prednisolone) ไพรมิโดน (Primidone) โพรพาฟีโนน (Propafenone) โพรพอไซฟีน (Propoxyphene) โพรพิลไทโอยูราซิล (Propylthiouracil)
  • ควิไทอะปีน (Quetiapine) รานิทิดีน (Ranitidine) ไรฟาบิวติน (Rifabutin) ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ไรฟาเพนติน (Rifapentine) ริโทนาเวียร์ (Ritonavir) โรฟีคอกซิบ (Rofecoxib) โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin)
  • ซาลิไซลาไมด (Salicylamide) ซาลิไซลิก แอซิด (Salicylic Acid) ซาลซาเลต (salsalate) ซาควินาเวียร์ (Saquinavir) เซโคบาร์บิตาล (Secobarbital) โซเดียมซาลิซิเลต (sodium salicylate) โซเดียมไทโอซาลิซิเลต (Sodium Thiosalicylate) โซราฟีนิป (Sorafenib)
  • ถั่วเหลือง
  • ไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลือง
  • โปรตีนถั่วเหลือง
  • สแตโนโซลอล (Stanozolol) ซูคราลเฟต (Sucralfate) ซัลฟาซาลาซีน (Sulfasalazine) ซัลฟินไพราโซน (Sulfinpyrazone) ซูลินแดค (Sulindac)
  • แทนิเดป (Tenidap) เทอร์บินาฟีน (Terbinafine) ไทโรโกลบูลิน (thyroglobulin) ไทรอยด์ (Thyroid) ทิโบโลน (Tibolone) ทิโคลพิดีน (Ticlopidine) ไทกีไซคลีน (Tigecycline) โทลเทโรดีน (Tolterodine) ทรามาดอล (Tramadol) ทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) โทรลามีนซาลิไซเลต (Trolamine Salicylate)
  • วัลเดคอกซ์ซิบ (Valdecoxib) แวนโคมัยซิน (Vancomycin) เวมูราเฟนิบ (Vemurafenib)
  • วิตามินเอ
  • วิตามินอี
  • โวริโนสแตท (Vorinostat) ซาฟิรลูคาสท์ (Zafirlukast) ไซลูตอน (Zileuton)
  • ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

    ยาวาร์ฟารินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    • การให้สารอาหารผ่านสายอาหาร
    • ชาเขียว
    • อาหารโปรตีนสูง
    • น้ำลูกยอโนนิ
    • อาหารที่มีวิตามินเค

    ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

    ยาวาร์ฟารินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    • มีประวัติการดื่มสุราอย่างหนัก
    • มีความผิดปกติทางจิต (โรคจิตเภทหรือสมองเสื่อม) ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้ หรือผู้ไร้ความสามารถ ไม่ควรใช้ยาวาร์ฟาริน
    • เป็นโรคเลือด หรือมีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออกง่าย
    • ติดเชื้อที่หัวใจ
    • ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
    • เพิ่งผ่านการใช้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง
    • มีแผลที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้
    • โรคหลอดเลือดสมอง
    • เพิ่งผ่าตัดในเร็วๆ นี้ หรือมีกำหนดการผ่าตัด (ผ่าตัดที่ดวงตา สมอง หรือกระดูกสันหลัง)
    • ภาวะแท้งคุกคาม ไม่ควรใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีอาการนี้ ความเสี่ยงในการตกเลือดอาจเพิ่มขึ้น
    • ใส่ท่อสวนปัสสาวะ
    • หัวใจวาย
    • ภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (deep vein thrombosis) จากยาเฮพาริน (heparin)
    • โรคเบาหวาน
    • หกล้มหรือถูกต่อยที่ตัวหรือหัว
    • ติดเชื้อ
    • โรคไต
    • โรคตับ
    • มีการผ่าตัดครั้งใหญ่รูปแบบใดๆ ก็ได้
    • มีอาการหรือสงสัยว่าจะมีอาการภาวะขาดโปรตีนซี (Protein C deficiency) ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่หายาก
    • ภาะวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) จากยาเฮพาริน (heparin)
    • การบาดเจ็บสาหัส (Trauma) ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง ยานี้อาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีปัญหาที่รุนแรงได้

    ขนาดยา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้ยานี้

    ขนาดยาวาร์ฟารินสำหรับผู้ใหญ่

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure):

    ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)

    ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke):

    ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือโปรทอมบินไทม์ (prothrombin time)

    ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction):

    ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือการโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)

    ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง

    ระยะเวลาของการรักษาตามปกติคือ 3 เดือน หลังจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันในภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Thromboembolism in Atrial Fibrillation):

    ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ วันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือการตรวจโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)

    ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง

    หากมีแผนที่จะช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า (cardioversion) มักจะเริ่มรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ตั้งแต่ 2 ถึง 4 สัปดาห์ก่อนทำการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า หากไม่ได้ทำการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า และผู้ป่วยมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่ซับซ้อน (ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วพร้อมทั้งเป็นโรคหัวใจ) ระยะเวลาในการรักษามักจะเป็นตลอดชีวิต

    ขนาดยาวาร์ฟารินสำหรับเด็ก

    ยังไม่มีการจัดขนาดยาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดังนั้น การใช้ยากับเด็กจึงอาจยังไม่ปลอดภัย ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำความเข้าใจกับตัวยาก่อนการใช้งาน

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้:

    ยาเม็ด 1 มก. 2 มก. 2.5 มก. 3 มก. 4 มก. 5 มก. 6 มก. 7.5 มก

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา