การใช้ประโยชน์ สารสกัดจากพิษผึ้ง
สารสกัดจากพิษผึ้งใช้ทำอะไร
สารสกัดจากพิษผึ้ง (Bee Venom) สารสกัดจากพิษผึ้งถูกนำมาใช้ฉีดสำหรับ:
- โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
- อาการปวดเส้นประสาท
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- โรคเอ็นอักเสบ
- อาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อเช่น การเกิดพังผืด และข้ออักเสบ
- ลดปฏิกิริยาจากการโดนผึ้งต่อย สำหรับผู้ที่แพ้พิษผึ้ง
สารสกัดจากพิษผึ้งอาจได้รับการกำหนดไว้สำหรับการใช้งานอื่น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์หรือเภสัชกรของคุณ
สารสกัดจากพิษผึ้งเป็นอย่างไร
ไม่มีข้อมูลทางการศึกษาเพียงพอเกี่ยวกับการใช้อาหารเสริมสมุนไพรนี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าการฉีดสารสกัดจากพิษผึ้งเข้าไปใต้ผิวหนังซ้ำ ๆ จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความเคยชินกับพิษ และจะช่วยลดความร้ายแรงของพิษสำหรับผู้ที่แพ้
ข้อควรระวังและคำเตือน
เราควรรู้อะไรบ้างก่อนใช้สารสกัดจากพิษผึ้ง
ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาหรือเภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ในกรณีที่:
- ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากในขณะที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรจะได้รับยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ใช้ยาชนิดอื่นอยู่ รวมถึงยาทุกชนิดที่ซื้อรับประทานเองโดยไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์
- แพ้สารจากสารสกัดจากพิษผึ้งหรือแพ้ยาชนิดอื่น หรือแพ้สมุนไพรชนิดอื่น
- มีอาการป่วย มีอาการผิดปกติ หรือมีพยาธิสภาพอื่น ๆ
- มีอาการแพ้ต่างๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์
ข้อปฏิบัติในการใช้สมุนไพรนั้นมีความเข้มงวดที่น้อยกว่าการใช้ยารักษาโรค จำเป็นต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม เพื่อรับรองความปลอดภัย ซึ่งการจะใช้ประโยชน์ของสมุนไพรนั้นต้องศึกษาความเสี่ยงก่อนใช้และควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับแพทย์ผู้ดูแลหรือนักสมุนไพรศาสตร์ก่อนใช้สมุนไพรนั้น
สารสกัดจากพิษผึ้งมีความปลอดภัยแค่ไหน
สารสกัดจากพิษผึ้งนั้นปลอดภัยสำหรับคนส่วนมากเมื่อได้รับโดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
การใช้ผึ้งจริงต่อยนั้นทำได้ ภายใต้การดูแลทางการแพทย์ โดยสามารถรับได้ถึง 20 ครั้ง แบ่งเป็น 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นจำนวน 24 สัปดาห์
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สารสกัดจากพิษผึ้งมีอะไรบ้าง
บางรายอาจมีอาการแดงและบวมในบริเวณที่ได้รับการฉีด ดังนี้
- อาการคัน
- ความวิตกกังวล .
- หายใจลำบาก แน่นหน้าอก
- ใจสั่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย ง่วงนอน
- มึนงง หน้ามืด
- ความดันต่ำ
ผลข้างเคียงสำหรับผู้ที่แพ้พิษผึ้งมากนั้น เป็นไปในทางเดียวกันกับรายที่ได้รับพิษผึ้งน้ำหวาน และสตรี ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากคุณมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา โปรดปรึกษาแพทย์ของท่าน
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับสารสกัดจากพิษผึ้งมีอะไรบ้าง
สารสกัดจากพิษผึ้งอาจมีปฏิกิริยากับยาที่คุณรับประทานอยู่ หรือสภาพทางการแพทย์ของคุณ ปรึกษาแพทย์ของท่าน ก่อนการนำไปใช้
ผลิตภัณฑ์ที่อาจมีปฏิกิริยากับสารสกัดจากพิษผึ้งได้แก่
- ยากดภูมิคุ้มกัน
สารสกัดจากพิษผึ้งอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น ด้วยเหตุนี้ สารสกัดจากพิษผึ้งอาจลดประสิทธิภาพของยากดภูมิคุ้มกันดังกล่าว
ตัวยากดภูมิคุ้มกันบางตัว ได้แก่ Azathioprine (เช่น Imuran), Basiliximab (เช่น Simulect), Cyclosporine (เช่น Neoral และ Sandimmune), daclizumab (เช่น Zenapax), Muromonab-CD3 (เช่น OKT3 และ Orthoclone OKT3), Mycophenolate (เช่น CellCept), Tacrolimus ( เช่น FK506 และ Prograf), sirolimus (เช่น Rapamune), Prednisone (เช่น Deltasone และ Orasone), Corticosteroids (เช่น Glucocorticoids) และตัวยาอื่น ๆ
ขนาดการใช้
ข้อมูลนี้ไม่สามารถเป็นคำสั่งในการใช้ยาได้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนการใช้
ปกติควรใช้สารสกัดจากพิษผึ้งในปริมาณเท่าใด
ปริมาณการใช้สารสกัดจากพิษผึ้ง อาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละบุคคล โดยขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่นๆ การใช้ยาสมุนไพรนั้นอาจไม่ได้มีความปลอดภัยเสมอ จึงควรปรึกษานักสมุนไพรศาสตร์หรือแพทย์ในเรื่องปริมาณที่เหมาะสม
สมุนไพรดังกล่าวอาจอยู่ในรูปแบบใด
สมุนไพรดังกล่าวอาจอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้
- สารสกัดจากพิษผึ้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: แคปซูล (ที่รวมกับส่วนประกอบอื่นๆ) ยาทาผิว และอื่นๆ
- ผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ผลิตจากสารสกัดจากพิษผึ้ง
[embed-health-tool-bmi]