ข้อบ่งใช้
ยา ไมโตแซนโทรน ใช้สำหรับ
ยา ไมโตแซนโทรน (Mitoxantrone) ใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคมะเร็งอื่นๆ ยานี้ยังใช้เพื่อรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ยานี้อยู่ในกลุ่มของแอนทราซีนไดโอน (anthracenediones) และทำงานโดยการชะลอหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์บางชนิด เช่น เซลล์มะเร็งและเซลล์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
วิธีการใช้ยา ไมโตแซนโทรน
ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพ จะเป็นผู้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ ตามที่แพทย์กำหนด ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ ขนาดตัว และการตอบสนองต่อการรักษา
หากยาสัมผัสกับผิวหนัง ควรรีบล้างออกด้วยสบู่และน้ำสะอาดในทันที หากยาเข้าตาควรรีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดนานกว่า 15 นาทีและรับการรักษาในทันที
การเก็บรักษายา ไมโตแซนโทรน
เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส อย่าแช่แข็ง หากคุณต้องเก็บยาไมโตแซนโทรนไว้เองที่บ้านควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีในการเก็บรักษายา
ยาไมโตแซนโทรนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไมโตรแซนโทรนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไมโตแซนโทรน
ก่อนใช้ยาไมโตแซนโทรน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีสารไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคเลือดหรือภาวะเลือดออกผิดปกติ เช่นภาวะโลหิตจาง (anemia) หรือจำนวนเม็ดเลือดต่ำ โรคหัวใจ เช่น หัวใจวายหรือหัวใจเต้นผิดปกติ โรคตับ การฉายรังสีบำบัด กำลังติดเชื้อหรือพึ่งมีการติดเชื้อ
อย่าสร้างภูมิคุ้มกันหรือรับวัคซีนโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่เพิ่งรับวัคซีนเชื้อเป็น เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่รับโดยการสูดดม ล้างมือให้สะอาด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
เพื่อลดโอกาสในการเกิดรอยบาด รอยช้ำ หรือการบาดเจ็บ ควรใช้ของมีคมด้วยความระมัดระวัง เช่น มีดโกนและกรรไกรตัดเล็บ และหลีกเลี่ยงกิจกรรม เช่น กีฬาปะทะ
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่า คุณกำลังใช้ยานี้
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ระหว่างการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารก ก่อนเริ่มการรักษาและระหว่างการรักษาด้วยยานี้ แพทย์อาจจะสั่งให้คุณทำการตรวจครรภ์ หากคุณตั้งครรภ์ หรือคาดว่าอาจจะตั้งครรภ์โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ ทั้งชายและหญิงที่กำลังใช้ยานี้ควรใช้การคุมกำเนิดที่น่าเชื่อถือ เช่น ยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัย ระหว่างการรักษา โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และปรึกษาเกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ
ยานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ และสามารถทำอันตรายต่อทารกได้ จึงไม่แนะนำการให้นมบุตรระหว่างใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยาไมโตแซนโทรนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา ไมโตแซนโทรน
- อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ปวดหัว หรือเหนื่อยล้าผิดปกติ ในบางกรณีแพทย์อาจสั่งยาเพื่อป้องกัน หรือบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ ไม่รับประทานอาหารก่อนรับประทานยา หรือจำกัดการทำกิจกรรม อาจช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
- อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องร่วงอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ โปรดติดต่อแพทย์ในทันที หากคุณสังเกตเห็นอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อยลงผิดปกติ ปากแห้งผิดปกติ หรือกระหายน้ำมากขึ้น น้ำตาน้อยลง วิงเวียนหน้ามืด หรือผิวซีดหรือย่น
- อาจเกิดอาการผมบางหรือผมร่วงชั่วคราว ผมจะยาวกลับมาตามปกติหลังจากหยุดการรักษา
- ยานี้อาจทำให้ปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมฟ้า ส่วนตาขาวก็อาจจะเป็นสีอมฟ้าเช่นกัน ผลเหล่านี้เป็นผลชั่วคราว และไม่มีอันตราย
- ผู้ที่ใช้ยานี้อาจจะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่แพทย์อาจจะสั่งให้คุณใช้ยานี้ เพราะคำนวณแล้วว่า มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจากแพทย์อาจจะช่วยลดความเสี่ยงได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ คือ รอบเดือนเปลี่ยนแปลง (เช่น ประจำเดือนหยุด) มีเลือดออกหรือรอยช้ำที่ผิดปกติ (เช่น มีจุดสีแดงที่ผิวหนัง อุจจาระสีดำหรือมีเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด อาเจียนเหมือนกากกาแฟ) รู้สึกเหน็บชา ชัก
- ยานี้สามารถลดความสามารถในการต่อสู้กับการติดเชื้อของร่างกายได้ แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณมีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น เป็นไข้ หนาวสั่น หรือเจ็บคอบ่อยครั้ง
- อาจเกิดอาการปวด หรือแผลภายในปากและลำคอ ควรแปรงฟันเบาๆ ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และบ้วนปากเป็นประจำ ด้วยน้ำเย็นผสมกับเบกกิ้งโซดาหรือเกลือ ทางที่ดีควรจะรับประทานอาหารที่นุ่มและชุ่มชื่น
- การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาต้านมะเร็งอื่นๆ โดยเฉพาะยาแอนทราไซคลีน (anthracyclines) อย่างโดโซรูบิซิน (doxorubicin)
ยาไมโตแซนโทรนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไมโตแซนโทรนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาไมโตแซนโทรน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไมโตแซนโทรนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดที่ไม่ใช่ลิมโฟซิติค (Acute Nonlymphocytic Leukemia)
- ระยะรักษาช่วงแรก 12 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกวันในวันที่ 1 ถึง 3 ใช้ร่วมกับยาไซตาราบีน [cytarabine] ที่ 100 มก./ตารางเมตร หยอดยาอย่างต่อเนื่องนาน 24 ชั่วโมงในวันที่ 1 ถึง 7
- ระยะรักษาช่วงแรกครั้งที่สอง หากจำเป็น ในกรณีที่การตอบสนองในการต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นไม่สมบูรณ์เมื่อระยะรักษาช่วงแรกครั้งที่หนึ่ง 12 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกวันในวันที่ 1 และ 2 ใช้ร่วมกับยาไซตาราบีน หยอดยาอย่างต่อเนื่องนาน 24 ชั่วโมงในวันที่ 1 ถึง 5
- ระยะรักษาเข้มข้น 12มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกวันในวันที่ 1 และ 2 ใช้ร่วมกับยาไซตาราบีน หยอดยาอย่างต่อเนื่องนาน 24 ชั่วโมงในวันที่ 1 ถึง 5 ให้ยาชุดแรกช่วงประมาณ 6 สัปดาห์หลังจากผ่านรักษาช่วงแรกครั้งสุดท้าย และให้ยาชุดที่สองหลังจากให้ยาชุดแรก 4 สัปดาห์
คำแนะนำ
- ควรหยอดยาเข้าหลอดเลือดนานกว่า 5 ถึง 15 นาที
- ระยะทุเลาจากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียพลันชนิดที่ไม่ใช่ลิมโฟซิติค ส่วนใหญ่จะเกิดในระยะการรักษาช่วงแรก ในกรณีที่การตอบสนองในการต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่สมบูรณ์ อาจเริ่มระยะรักษาช่วงแรกครั้งที่สอง
- ควรระงับระยะรักษาช่วงแรกครั้งที่สอง จนกว่าความเป็นพิษที่ไม่ใช่ต่อเลือดที่เกี่ยวข้องกับระยะรักษาช่วงแรกระดับรุนแรงหรือถึงแก่ชีวิตนั้นจะหายไปแล้ว
การใช้งาน
- เพื่อเป็นการเริ่มต้นการรักษาสำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ชนิดที่ไม่ใช่ลิมโฟซิติคในผู้ใหญ่ รวมถึงโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดไมอิลอยด์ (myelogenous) ชนิดโพรไมโลซิติก (promyelocytic) ชนิดโมโนซิติก (monocytic) และชนิดอีไรทรอยด์ (erythroid) โดยใช้ร่วมกับยาอื่นที่ได้รับการยอมรับ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
- 12 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเป็นช็อต (short) (ประมาณ 5 ถึง 15 นาที) หยอดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 3 เดือน
คำแนะนำ
- ควรหยอดยาเข้าหลอดเลือดนานกว่า 5 ถึง 15 นาที
- ควรประเมินการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้าย (left ventricular ejection fraction) ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (echocardiogram) หรือประเมินการทำงานของหัวใจ (multiple gated acquisition scan) ก่อนให้ยาทุกครั้ง
- แนะนำการประเมินการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้าย หากมีสัญญาณของหัวใจวาย
- ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ที่มีขนาดยาสะสมที่ 140 มก./ตารางเมตรขึ้นไป หรือผู้ที่มีผลการประเมินการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้ายน้อยกว่า 50% หรือมีการลดลงอย่างมากของผลประเมินการทำงานของหัวใจห้องล่างซ้าย
- ควรเฝ้าระวังการตรวจนับความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด รวมถึงจำนวนของเกล็ดเลือดก่อนเริ่มต้นการใช้ยาครั้งและและหากมีสัญญาณของของการติดเชื้อ
- ไม่ควรให้ยานี้ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ที่มีจำนวนเม็ดเลือดขาวน้อยกว่า 1500 เซลล์/ลูกบาศก์เมตร
- ควรเฝ้าระวังการตรวจสมรรถภาพตับก่อนให้ยาทุกครั้ง ไม่แนะนำการใช้ยานี้ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งที่มีผลการตรวจสมรรถภาพตับผิดปกติ
- ผู้หญิงที่อาจตั้งครรภ์ได้ (แม้ว่าจะกำลังใช้ยาคุมกำเนิด) ควรทำการตรวจครรภ์ก่อนให้ยาทุกครั้ง
การใช้งาน
- เพื่อลดความผิดปกติทางระบบประสาท และ/หรือ ความถี่ของการกำเริบในผู้ป่วยที่เป็นโรคที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ (เรื้อรัง) ทุติยภูมิ ผู้ป่วยที่มีโรคกำเริบและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งที่มีอาการอาการเป็นๆ หายๆ แบบรุนแรงขึ้น (เช่นในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบประสาทอย่างมากในระหว่างการกำเริบ)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer)
- 12 ถึง 14 มก./ตารางเมตร หยอดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน ใช้ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids)
คำแนะนำ
- ควรหยอดยาเข้าหลอดเลือดนานกว่า 5 ถึง 15 นาที
การใช้งาน
- เป็นการเริ่มต้นการทำเคมีบำบัด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ดื้อต่อฮอร์โมนระดับรุนแรง โดยใช้ร่วมกับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
- ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งที่มีตับบกพร่อง ไม่ควรรักษาด้วยยาไมโตแซนโทรน (อาจให้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีตับบกพร่อง)
การฟอกไต (Dialysis)
- ยานี้จะผูกติดเข้ากับเนื้อเยื่อ และผลการรักษาหรือความเป็นพิษไม่ค่อยบรรเทาลงจากการฟอกไตทางช่องท้อง (peritoneal) หรือการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
คำแนะนำอื่นๆ
ข้อจำกัดในการใช้
- ยานี้ไม่ควรใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อแข็งปฐมภูมิที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
- ผู้ป่วยควรรับทราบ เกี่ยวกับคู่มือการใช้ยาและควรอ่านคู่มือนี้ก่อนเริ่มต้นการรักษาและการใช้ยาทุกครั้ง
- ผู้ป่วยควรทราบว่า ยานี้สามารถทำให้เกิดกดไขกระดูก (myelosuppression) และควรทราบถึงสัญญาณของการกดไขกระดูก
- ผู้ป่วยควรทราบว่า ยานี้สามารถทำให้เกิดหัวใจวายซึ่งอาจทำไปสู่การเสียชีวิต แม้แต่ในผู้ป่วยที่ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจมาก่อน
- ผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งควรรับการตรวจหัวใจก่อนใช้ยาทุกครั้งและทุกปีหลังจากหยุดการรักษา
- ผู้ป่วยที่ทราบว่ายานี้อาจทำให้ปัสสาวะ และ/หรือ ตาขาว กลายเป็นสีเขียวอมฟ้าเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากให้ยา
ขนาดยาไมโตแซนโทรนสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- สารละลายสำหรับฉีด
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]