backup og meta

อัลไซเมอร์ อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

อัลไซเมอร์ อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) เป็นโรคที่ทำให้สูญเสียความทรงจำ และส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานที่สำคัญของสมอง ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงอาจลืมแม้กระทั่งคนสำคัญในชีวิต และเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพอย่างรวดเร็ว

คำจำกัดความ

อัลไซเมอร์ คืออะไร

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นโรคที่ทำให้สูญเสียความทรงจำ และส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานที่สำคัญของสมอง ในระยะแรก ผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจมีอาการมึนงงและมีปัญหาเกี่ยวการจดจำเพียงเล็กน้อย แต่เมื่ออาการรุนแรงขึ้น ผู้ป่วยอาจลืมแม้กระทั่งคนสำคัญในชีวิตและเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพอย่างรวดเร็ว

อัลไซเมอร์เป็นสาเหตุที่พบได้มากที่สุดของโรคสมองเสื่อม โดยเป็นกลุ่มอาการผิดปกติทางสมองที่ทำให้เกิดการสูญเสียทักษะทางสมองและทักษะในการเข้าสังคม เกิดจากเซลล์สมองเสื่อมและตายไป ทำให้ประสิทธิภาพของความทรงจำและการทำงานของสมองลดลงเรื่อย ๆ

การใช้ยาและวิธีการรักษาอัลไซเมอร์อาจทำให้อาการดีขึ้นเพียงชั่วคราว โดยอาจช่วยยืดเวลาการทำงานของสมองและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถช่วยตัวเองได้นานขึ้นเล็กน้อย แต่เนื่องจากอัลไซเมอร์ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ การดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีการที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุดจึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

โรคอัลไซเมอร์พบบ่อยเพียงใด

อัลไซเมอร์เป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก แต่ก็สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้

อาการ

อาการของอัลไซเมอร์

ในระยะแรก อาการของโรคที่สังเกตได้ชัดเจนได้แก่ มีอาการหลงลืมหรือสับสนบ่อยขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป โรคนี้จะค่อย ๆ ทำให้ความทรงจำหายไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะความทรงจำในปัจจุบัน อัตราการทรุดลงของอาการจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยความเปลี่ยนแปลงทางสมองที่สัมพันธ์กับอัลไซเมอร์จะทำให้เกิดปัญหาในด้านต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

ความทรงจำ

อาการหลงๆ ลืมๆ บางเวลาถือเป็นเรื่องปกติ แต่อัลไซเมอร์มักทำให้สูญเสียความทรงจำแบบเรื้อรังและอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งอาจส่งกระทบต่อความสามารถในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน โดยผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจจะมีอาการดังต่อไปนี้

  • พูดและถามซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่รู้สึกตัวว่าได้ถามคำถามมาก่อนแล้ว
  • ลืมการสนทนา การนัดหมาย หรือกิจกรรมต่าง ๆ และไม่สามารถระลึกได้เมื่อเวลาผ่านไป
  • วางสิ่งของไว้ผิดที่เป็นประจำ ซึ่งมักวางไว้ในที่ที่ไม่ควรวาง
  • หลงทางในสถานที่ที่คุ้นเคย
  • ลืมชื่อสมาชิกในครอบครัวและวัตถุที่ใช้ในชีวิตประจำวัน
  • มีปัญหาในการหาคำที่เหมาะสมเพื่อระบุวัตถุ แสดงความคิด หรือมีส่วนร่วมในการสนทนา

การคิดและการให้เหตุผล

อัลไซเมอร์ทำให้มีปัญหาในการจดจ่อและการคิด โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรม เช่น ตัวเลขต่าง ๆ การทำงานหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกันกลายเป็นเรื่องยาก นอกจากนี้ ยังอาจมีปัญหาในการจัดการด้านการเงิน หรือชำระค่าใช้จ่ายไม่ตรงเวลา ปัญหาเหล่านี้อาจรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถจดจำหรือจัดการกับตัวเลขต่าง ๆ ได้

การตัดสินและการตัดสินใจ

ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์มักตอบสนองต่อปัญหาต่าง ๆ ที่พบเจอในชีวิตประจำวันได้ยากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพในการรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นลดลง เช่น เปิดเตาไฟไม่ได้ ไม่สามารถจัดการกับเหตุไม่คาดฝันขณะขับขี่ยานพาหนะได้

การวางแผนและการทำงานที่คุ้นเคย

กิจกรรมที่มีขั้นตอน เช่น การวางแผน การทำอาหาร การเล่นเกมที่ชื่นชอบ กลายเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีอาการรุนแรงขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ป่วยอาจลืมขั้นตอนของกิจกรรมง่าย ๆ ที่เคยทำในชีวิตประจำวัน เช่น การอาบน้ำแต่งตัว

การเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพและพฤติกรรม

การเปลี่ยนแปลงของสมองที่เกิดขึ้นจากโรคอัลไซเมอร์สามารถส่งผลกระทบต่อวิธีการแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกของผู้ป่วย โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • ซึมเศร้า
  • ขาดความกระตือรือร้น
  • แยกตัวจากสังคม
  • อารมณ์แปรปรวน
  • หวาดระแวงผู้อื่น
  • หงุดหงิดและก้าวร้าว
  • นิสัยการนอนเปลี่ยนไป
  • เดินทางอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
  • สูญเสียการยับยั้งชั่งใจ
  • มีอาการหลงผิด เช่น เชื่อว่าถูกขโมยของไป

โดยส่วนมาก ผู้ป่วยมักสูญเสียทักษะสำคัญในการดำเนินชีวิตในระยะท้าย ๆ ของโรค เช่น ความสามารถในการอ่าน การเต้น การร้องเพลง ความสนุกสนานกับเพลงเก่า การมีส่วนร่วมในงานประดิษฐ์หรืองานอดิเรก การเล่าเรื่อง การระลึกถึงอดีต

สาเหตุ

สาเหตุของอัลไซเมอร์

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า โดยส่วนใหญ่แล้ว อัลไซเมอร์เกิดจากปัจจัยร่วมระหว่างพันธุกรรม รูปแบบการใช้ชีวิต และสิ่งแวดล้อมซึ่งส่งผลต่อสมอง โดยมีโอกาสน้อยกว่าร้อยละ 5 ที่อัลไซเมอร์จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของอัลไซเมอร์ แต่โรคนี้ก็ส่งผลต่อสมองอย่างชัดเจน อัลไซเมอร์ทำให้เซลล์สมองเสียหายและตายลง เซลล์สมองน้อยลง และมีการสื่อสารระหว่างเซลล์สมองน้อยกว่าคนปกติ จนทำให้เกิดอาการที่กล่าวข้างต้น

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของอัลไซเมอร์

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ เช่น

  • อายุ อายุที่มากขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงที่พบมากที่สุดของโรคอัลไซเมอร์ โดยผู้มีความเสี่ยงสูงสุด คือ ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ในบางกรณีซึ่งพบได้น้อย คือ ผู้ที่มีปัจจัยทางพันธุกรรมซึ่งสัมพันธ์กับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ อาจเริ่มมีอาการได้ในช่วงอายุ 30 ปี
  • ประวัติครอบครัวและพันธุกรรม ความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์อาจสูงขึ้นหากมีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นอัลไซเมอร์ กลไกทางพันธุกรรมส่วนใหญ่ของโรคอัลไซเมอร์ในครอบครัวยังคงไม่สามารถอธิบายได้
  • กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม ผู้ป่วยจำนวนมากในกลุ่มอาการนี้มีความเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์สูงกว่าคนปกติ และมีแนวโน้มเกิดอัลไซเมอร์ได้เร็วมากกว่าคนปกติ 10-20 ปี
  • เพศ ผู้หญิงเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์มากกว่าผู้ชาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย
  • ความบกพร่องทางการรับรู้ที่ไม่รุนแรง ผู้ที่มีภาวะนี้จะมีปัญหาเกี่ยวกับความทรงจำหรือมีความสามารถในการรับรู้ต่ำกว่ามาตรฐานในแต่ละช่วงวัย แต่อาจไม่รุนแรงถึงระดับที่สามารถวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม
  • อุบัติเหตุทางสมองในอดีต ผู้ที่เคยได้รับอุบัติเหตุทางสมองอย่างรุนแรงอาจยิ่งเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์
  • รูปแบบการใช้ชีวิตและสุขภาพของหัวใจ ไม่มีปัจจัยเกี่ยวกับสุขภาพที่แสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดว่าสามารถลดความเสี่ยงของอัลไซเมอร์ได้ อย่างไรก็ดี มีหลักฐานบางประการแสดงให้เห็นว่าปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเหล่านี้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นอัลไซเมอร์ได้เช่นกัน
    • การขาดการออกกำลังกาย
    • โรคอ้วน
    • การสูบบุหรี่หรือการสัมผัสควันบุหรี่
    • ความดันโลหิตสูง
    • ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูง
    • โรคเบาหวานประเภท 2 ที่ขาดการควบคุม
    • การรับประทานผักและผลไม้ไม่เพียงพอ
  • การเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเข้าสังคม การศึกษาพบว่า การทำกิจกรรมที่กระตุ้นการทำงานของสมอง และการเข้าสังคม สามารถช่วยลดเสี่ยงในการเกิดอัลไซเมอร์ได้ นอกจากนี้ ในบางรายงานยังระบุว่า ผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าระดับมัธยมศึกษา มีความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์มากกว่า

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยอัลไซเมอร์

ปัจจุบันนี้ ไม่มีการทดสอบเฉพาะที่สามารถยืนยันการเกิดอัลไซเมอร์ได้ คุณหมอจะตัดสินว่าอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นสอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของโรคอัลไซเมอร์หรือไม่ โดยอาศัยข้อมูลที่ผู้ป่วยแจ้ง รวมทั้งผลการทดสอบต่าง ๆ ที่ช่วยในการวินิจฉัย

การวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแม่นยำจะสามารถกระทำได้หลังจากผู้ป่วยเสียชีวิตเท่านั้น โดยใช้การตรวจสมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ หากผู้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ จะเห็นว่ามีคราบพลัคและแทงเกิลในสมองที่เป็นสาเหตุของโรค

เพื่อเป็นการแยกแยะโรคอัลไซเมอร์ออกจากจากโรคที่เกี่ยวกับการสูญเสียความทรงจำอื่น ๆ ในปัจจุบัน คุณหมอมักใช้การทดสอบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

การตรวจสุขภาพและประสาท

คุณหมอจะตรวจร่างกายและตรวจสุขภาพทางประสาทโดยรวม ผ่านการทดสอบดังต่อไปนี้

  • ปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลัน
  • ความตึงตัวและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • ความสามารถในการลุกจากเก้าอี้และเดิน
  • ประสาทสัมผัสการมองเห็นและการได้ยิน
  • การประสานงานของอวัยวะในรางกาย
  • สมดุลของร่างกาย

การทดสอบในห้องปฏิบัติการ

การทดสอบเลือดอาจช่วยให้คุณหมอหาสาเหตุอื่น ๆ ที่เป็นไปได้ของการสูญเสียความทรงจำและความสับสน เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับไทรอยด์ ภาวะขาดวิตามิน

สภาวะทางจิตและการทดสอบทางกายประสาท (Mental status and neuropsychological testing)

แพทย์อาจทดสอบสภาวะทางจิตแบบสั้น ๆ เพื่อประเมินความทรงจำและทักษะการคิดอื่น ๆ ทั้งยังอาจแนะนำการประเมินที่ครอบคลุมกระบวนการคิดและความทรงจำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การทดสอบทางกายประสาทซึ่งใช้เวลามากกว่าอาจให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานของสมองเมื่อเปรียบเทียบกับผู้อื่นที่มีอายุและระดับการศึกษาใกล้เคียงกัน

การตรวจโดยใช้ภาพถ่ายสมอง

ในปัจจุบัน มีการใช้ภาพถ่ายสมองเป็นหลักเพื่อระบุความผิดปกติที่ไม่สัมพันธ์กับอัลไซเมอร์ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง อุบัติเหตุ เนื้องอก ซึ่งอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการรับรู้ได้ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ขณะนี้มีเทคโนโลยีที่ช่วยในการถ่ายภาพสมอง จึงช่วยให้คุณหมอสามารถตรวจพบความเปลี่ยนแปลงในสมองที่เกิดจากอัลไซเมอร์ได้ โดยนิยมใช้ในศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่หรือในการทดลองใช้ในการรักษา เทคโนโลยีการถ่ายภาพสมองดังกล่าว ได้แก่ การตรวจด้วยเอ็มอาร์ไอ (MRI) ซีทีสแกรน (CT scan) และเพ็ทสแกน (PET scan)

การรักษาอัลไซเมอร์

ยารักษาอัลไซเมอร์ในปัจจุบันสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยมียาสองชนิดหลักที่ใช้รักษาอาการต่าง ๆ เกียวกับการรับรู้ ได้แก่

  • ยากลุ่มแอนติโคลีนเอสเทอเรส (Cholinesterase inhibitors) เช่น ยาโดนเพซิล (donepezil) ยาแกแลนตาไมน์ (galantamine) ยาไรวาสติกมีน (rivastigmine) ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นการสื่อสารระหว่างเซลล์ในระดับต่าง ๆ โดยการสร้างสารสื่อประสาทที่ถูกทำลายไป แต่อาจช่วยให้อาการดีขึ้นเล็กน้อย ยากลุ่มนี้ยังสามารถบรรเทาอาการทางจิตประสาท เช่น ภาวะกายใจไม่สงบหรือภาวะซึมเศร้า อาการข้างเคียงหลักของยาเหล่านี้ ได้แก่ ท้องร่วง คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และนอนไม่หลับ ในผู้ที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการนำคลื่นไฟฟ้าของหัวใจอาจมีอาการรุนแรง ได้แก่ ภาวะหัวใจเต้นช้า และภาวะหัวใจขัด
  • ยาเมแมนทีน (Memantine) ออกฤทธิ์ในการเชื่อมต่อการสื่อสารในเซลล์สมองและชะลอการดำเนินโรคในระดับปานกลางถึงรุนแรง ในบางครั้ง อาจใช้ยาประเภทนี้ร่วมกับยากลุ่มแอนติโคลีนเอสเทอเรส แต่อาจเกิดผลข้างเคียงได้แก่ ท้องผูก เวียนศีรษะ และปวดศีรษะ

ในบางครั้ง อาจมีการใช้ยาประเภทอื่น เช่น ยารักษาภาวะซึมเศร้าเพื่อช่วยควบคุมอาการทางพฤติกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์ แต่ยาบางประเภทก็ควรใช้อย่างระมัดระวัง อย่างยานอนหลับบางประเภท เช่น ยาโซลพิเดม (zolpidem) ยาเอสโซพิโคลน (eszopiclone) เพราะอาจทำให้เกิดอาการมึนงงและความเสี่ยงในการหกล้ม

ยารักษาความกังวล (Anti-anxiety medications) ได้แก่ ยาโคลนาซีแพม (clonazepam) และยาลอราซีแพม (lorazepam) จะเพิ่มความเสี่ยงในการหกล้ม มึนงง และเวียนศีรษะ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาประเภทใหม่เสมอ

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อรับมืออัลไซเมอร์

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลรักษาตัวเองดังต่อไปนี้ อาจช่วยให้รับมือกับโรคอัลไซเมอร์ได้

สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวย

  • เก็บลูกกุญแจ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และของมีค่าอื่น ๆ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อไม่ให้สูญหาย
  • ปรึกษาแพทย์ว่าสามารถลดความถี่ในการใช้ยาเป็นวันละหนึ่งครั้งได้หรือไม่ รวมทั้งเปลี่ยนวิธีการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นแบบการชำระอัตโนมัติหรือการฝากเงินอัตโนมัติ
  • สร้างนิสัยการพกพาโทรศัพท์มือถือที่สามารถระบุตำแหน่งได้ เพื่อให้คนอื่นสามารถติดตามตำแหน่งได้ทางโทรศัพท์ ในกรณีที่เกิดหลงทางหรือสับสน นอกจากนี้ ควรบันทึกหมายเลขสำคัญไว้ในโทรศัพท์เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อถึงเวลา
  • จัดการนัดหมายประจำไว้ในวันเดียวกันในเวลาเดียวกันให้มากที่สุด
  • ใช้ปฏิทินหรือกระดานไวท์บอร์ดในบ้านเพื่อติดตามกิจกรรมประจำวัน รวมทั้งสร้างนิสัยในการตัดรายการที่ทำแล้วออกไป เพื่อให้สามารถมั่นใจได้ว่าทำอะไรเสร็จแล้วบ้าง
  • นำเฟอร์นิเจอร์ส่วนเกิน สิ่งของรกรุงรัง และพรมเช็ดเท้าออกไป
  • ติดตั้งราวจับที่แข็งแรงบริเวณบันไดหรือในห้องน้ำ
  • สวมใส่รองเท้าและรองเท้าแตะที่รู้สึกสบายและกระชับเท้าได้ดี
  • ลดจำนวนกระจกเงาในบ้านลง เนื่องจากผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจพบว่าภาพในกระจกเงาสับสนหรือน่ากลัว
  • เก็บรักษาภาพถ่ายหรือวัตถุที่มีความหมายอื่น ๆ ไว้รอบบ้าน

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นส่วนสำคัญของการเสริมสร้างสุขภาพดีของทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยอัลไซเมอร์ กิจกรรมที่แนะนำ คือการเดินเป็นประจำทุกวัน ซึ่งจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น และรักษาสุขภาพของข้อต่อ กล้ามเนื้อ และหัวใจได้

นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังทำให้นอนหลับเต็มอิ่ม และช่วยป้องกันการท้องผูกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ควรพกบัตรประจำตัวประชาชน หรือสวมใส่สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพ หากเดินโดยไม่มีผู้ติดตามไปด้วย

ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เดินลำบากสามารถใช้งานจักรยานปั่นอยู่กับที่ หรือออกกำลังกายบนเก้าอี้ได้ 

โภชนาการ

ผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจลืมรับประทานอาหาร ไม่เตรียมอาหาร หรือไม่ได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลาย และอาจลืมดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำและท้องผูกได้ จึงควรจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้เพื่อรักษาสมดุลทางโภชนาการแก่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์

  • เครื่องดื่มเชคหรือสมูทตี้แคลอรี่สูงและมีประโยชน์ โดยสามารถเสริมด้วยผงโปรตีนที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือใช้เครื่องผสมในเครื่องดื่มต่าง ๆ ตามชอบ
  • น้ำ น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอื่น ๆ พยายามให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ดื่มน้ำวันละหลาย ๆ แก้ว และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะอาจทำให้นอนไม่หลับและกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Alzheimer’s Disease – Topic Overview. http://www.webmd.com/alzheimers/tc/alzheimers-disease-topic-overview. Accessed September 3, 2016.

Alzheimer’s Disease – Prevention. http://www.webmd.com/alzheimers/tc/alzheimers-disease-prevention Accessed September 3, 2016.

Alzheimer’s Disease – Exams and Tests. http://www.webmd.com/alzheimers/tc/alzheimers-disease-exams-and-tests .Accessed September 3, 2016.

Alzheimer’s Disease – Treatment Overview. http://www.webmd.com/alzheimers/tc/alzheimers-disease-treatment-overview. Accessed September 3, 2016.

What Is Alzheimer’s? http://www.alz.org/alzheimers_disease_what_is_alzheimers.asp. Accessed September 3, 2016.

Alzheimer’s disease. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/alzheimers-disease/home/ovc-20167098. Accessed September 3, 2016.

เวอร์ชันปัจจุบัน

27/10/2021

เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: เนตรนภา ปะวะคัง


บทความที่เกี่ยวข้อง

ระวัง! เศร้า...เครียด...แบบสุดขีด อาจทำให้คุณ สูญเสียความจำ ได้นะ

อาหารบำรุงสมองผู้สูงอายุ ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม เพิ่มความจำ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 27/10/2021

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา