การนอนหนุนแขนแฟน ช่างดูเป็นท่านอนที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกและอบอุ่นซะเหลือเกิน สัมผัสที่โอบกอดซึ่งกันและกันสามารถช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น แต่ในทางทฤษฎี หากคุณให้แฟนนอนหนุนแขนบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทแบบไม่ได้ตั้งใจ และเสี่ยงต่อการเกิด ภาวะพาเรสทีเซีย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ วันนี้ Hello คุณหมอ จึงพาทุกคนมาทำความรู้จักกับภาวะดังกล่าวนี้ให้มากขึ้นกันค่ะ
ภาวะพาเรสทีเซีย (Paresthesia) คืออะไร
ภาวะพาเรสทีเซีย (Paresthesia) เกิดจากการกดทับที่เส้นประสาท โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการนั่งทับขา การนอนทับแขน เป็นเวลานาน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการชา คัน ปวดแสบปวดร้อน เหมือนโดนเข็มทิ่มโดยเฉพาะบริเวณแขนและขา
อย่างไรก็ตาม ภาวะพาเรสทีเซียไม่ใช่โรคเรื้อรังร้ายแรง เป็นอาการเพียงชั่วคราวสามารถหายได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่หากคุณมีโรคประจำตัว และยังมีอาการชาอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
สาเหตุของภาวะพาเรสทีเซีย
ภาวะพาเรสทีเซียเกิดจากการกดทับของเส้นประสาท หรือช่วงเวลาสั้น ๆ ในการขัดขวางระบบการหมุนเวียนของเลือด โดยส่วนใหญ่มักเกิดจาก การนอนหลับทับมือหรือแขน การนั่งไขว้ขานานเกินไป แต่ในผู้ป่วยที่มีอาการชาเรื้อรัง อาจเกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาท ซึ่งมีสาเหตุดังต่อไปนี้
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เส้นเลือดตีบ
- เนื้องอกในไขสันหลังหรือสมอง
- โรคเบาหวาน
- โรคไฟโบรมัยอัลเจีย
- ความดันโลหิตสูง
- การติดเชื้อต่าง ๆ
- ความผิดปกติของเส้นประสาท
แขนขา รู้สึกชาโดยไม่ทราบสาเหตุ สัญญาณเตือนของภาวะพาเรสทีเซีย
ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะพาเรสทีเซีย จะมีอาการดังต่อไปนี้
- รู้สึกเสียวซ่า เหมือนโดนเข็มทิ่มร่างกาย
- ปวดเมื่อย ปวดแสบ ปวดร้อน
- อาการชา คัน
- ผิวหนังร้อน ๆ หนาว ๆ
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะพาเรสทีเซีย
- มีอาการทางระบบประสาท เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple Sclerosis; MS)
- มีภาวะแพ้ภูมิตัวเอง
- เคลื่อนไหวซ้ำ ๆ ซึ่งทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทซ้ำ ๆ เช่น การเล่นกีฬาเทนนิส การเล่นเครื่องดนตรี
- รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบี 12 และ โฟเลต
- โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2
การรักษาอาการของภาวะพาเรสทีเซีย
วิธีการรักษาอาการภาวะพาเรสทีเซียขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของผู้ป่วย เช่น หากผู้ที่อาการชา แพทย์จะมุ่งเน้นไปที่การรักษาอาการชา และอาจมีการทำกายภาพบำบัดเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ
ในผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจจ่ายยารับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) นาพรอกเซน โซเดียม (Naproxen sodium) เป็นต้น ร่วมกับปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีคำแนะนำและการปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดภาวะพาเรสทีเซีย ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ
- พักผ่อนให้เพียงพอ หากคุณต้องใช้การเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ
- หากนั่งเป็นระยะเวลานาน ให้ลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวบ่อย ๆ
[embed-health-tool-bmi]