หลอดเลือดในสมองตีบ อาจมีที่มาจากการสูบบุหรี่มาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมากกว่าการสะสมไขมันในร่างกายซะอีก ความอ้วน ความดันโลหิตสูง หรือต่อให้ออกกำลังกาย และควบคุมอาหารเป็นอย่างดี ก็ไม่สามารถลดความเสี่ยง ต่อโรคหลอดเลือดในสมองตีบได้ ถ้ายังสูบบุหรี่อยู่
ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นถ้าสูบบุหรี่
- ถึงแม้ว่าจะสูบบุหรี่วันละไม่กี่ตัว ก็ยังเสี่ยงที่จะเป็นโรค หลอดเลือดในสมองตีบ ได้ ยิ่งถ้าบุคคลนั้น เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบอยู่แล้ว และยังสูบบุหรี่อยู่ ก็มีสิทธิ์จะเสียชีวิตจากโรคนี้ ได้มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่เลย
ความเสี่ยงจะลดลงหลังเลิกสูบบุหรี่
- ความเสี่ยงที่คุณจะเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบ จะลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียว หลังจากที่คุณเลิกสูบบุหรี่มา 2 ปี และหลังจากเลิกสูบบุหรี่มา 15 ปี ความเสี่ยงก็จะลดลงจน เกือบจะเท่ากับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนเลย
- ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบแล้ว การเลิกสูบบุหรี่ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีโรคแทรกซ้อนตามมาได้
- ถึงแม้ว่าการเลิกสูบบุหรี่จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบจะลดลง
ประโยชน์ของการเลิกสูบบุหรี่
การเลิกบุหรี่จะช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดหลอดเลือด และการอุดตันในเลือด ยิ่งถ้าคุณสูบบุหรี่ และมีโรคหัวใจ การเลิกสูบบุหรี่ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจกะทันหัน โรคหัวใจวายครั้งที่ 2 และการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังอื่นๆ
นอกจากนั้น ควันบุหรี่มือสอง ก็ยังเป็นอันตราย ต่อผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่แล้วด้วย ยิ่งถ้าคุณมีโรคหัวใจอยู่แล้ว คุณมีความเสี่ยงจากการสัมผัสควันบุหรี่มือสองมากกว่าคนที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ดังนั้น หากสามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ ก็จะเป็นการช่วยลดควันบุหรี่มือสองลง ซึ่งนั่นก็จะทำให้การเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ลดลงอีกด้วย
คนที่เลิกสูบบุหรี่ก่อนอายุ 50 ปี จะสามารถลดความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในอีก 15 ปี ได้มากกว่าคนที่ยังสูบบุหรี่อยู่ แต่ถ้าคุณเลิกบุหรี่ก่อนอายุ 35 ปี ความเสี่ยงที่จะเกิดจากการสูบบุหรี่ ก็จะเหมือนตอนที่ไม่ได้สูบบุหรี่เลย
ถ้าคุณเป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบอยู่แล้ว ความเสี่ยงที่คุณจะเสียชีวิตจากโรคนี้ ก็จะลดลง เมื่อคุณเลิกสูบบุหรี่ คนที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเสียชีวิตจาก ภาวะเส้นเลือดในสมองแตกเป็น 2 เท่า ถ้าเทียบกับคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่เลย หลังจากที่คุณเลิกบุหรี่แล้ว ความเสี่ยงต่างๆ ก็จะลดลงตามลำดับ ฉะนั้นก็เลิกสูบบุหรี่ซะเถอะนะ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยหรือรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]