หนึ่งในทางเลือกของคนรักสุขภาพในปัจจุบันนี้ก็คือการหันมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติให้มากขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมีสารเคมีน้อย ลดความเสี่ยงของอาการทางสุขภาพ และยังดีต่อสุขภาพในระยะยาวด้วย โดยเฉพาะในการประกอบอาหารที่จำเป็นต้องคัดสรรวัตถุดิบอย่างดีที่สุด ซึ่ง “น้ำมันงา’ ก็เป็นหนึ่งในไอเท็มเด็ดเพื่อสุขภาพที่หลายคนเลือกใช้ เพราะนอกจากจะนำมาใช้ในการปรุงอาหารแล้ว ก็ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพได้อีกด้วย แต่น้ำมันงาดีต่อสุขภาพอย่างไร และใช้ประโยชน์ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้ที่บทความนี้แล้วค่ะ
น้ำมันงา คืออะไร
น้ำมันงาคือน้ำมันที่ได้รับการสกัดมาจากเมล็ดงาดิบ จัดว่าเป็นน้ำมันที่มาใช้ประโยชน์ได้ครอบคลุมกับการดำเนินชีวิตประจำวันมาก เพราะสามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหาร ใช้เพื่อสรรพคุณทางยา และยังสามารถใช้เพื่อเสริมความงามให้กับผิวพรรณและบำรุงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วย
ประโยชน์ของน้ำมันงาต่อสุขภาพ
ในปัจจุบันผู้ที่รักสุขภาพหลายคนเริ่มหันมาใช้น้ำมันที่สกัดจากพืชกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึงน้ำมันงาด้วย การรับประทานน้ำมันงาในปริมาณที่เหมาะสม มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ในน้ำมันงานั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญสองชนิดได้แก่ เซซามอล (Sesamol) และ เซซามินอล (Sesaminol) ซึ่งมีส่วนช่วยในลดความเสียหายของเซลล์จากอนุมูลอิสระ และช่วยยับยั้งสารประกอบที่มีส่วนในการเพิ่มอนุมูลอิสระ เช่น เอนไซม์แซนทีนออกซิเดส (Xanthine oxidase) และ ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) นอกจากนี้จากผลการศึกษาชิ้นหนึ่งยังแสดงให้เห็นอีกว่า การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระจะมีส่วนช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งได้
ดีต่อหัวใจ
น้ำมันงามีไขมันไม่อิ่มตัวอยู่มากถึง 82% ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าไขมันไม่อิ่มตัวเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบหัวใจ นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง จึงมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยลดคราบแบคทีเรียในหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคหัวใจ
มีส่วนช่วยลดระดับระดับน้ำตาลในเลือด
จากผลการศึกษาของAnnamalai University ประเทศอินเดีย ที่ทำการวิจัยโดยเดวราจาน ซันการ์ (Devarajan Sankar) และทีม เพื่อศึกษาถึงสรรพคุณของน้ำมันงาในการลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยได้ทำการวิจัยกับผู้ชาย 195 คน และผู้หญิง 133 คน ที่มีภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้รับประทานน้ำมันงา อีกกลุ่มหนึ่งรับประทานยาลดความดันโลหิต หกสิบวันต่อมาพบว่า ผู้ที่ใช้ยาลดความดันโลหิตยังคงมีความดันโลหิตอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนผู้ที่รับประทานอาหารที่ปรุงอาหารด้วยน้ำมันงาเพียงอย่างเดียวเป็นประจำ พบว่ามีความดันโลหิตลดลงจนเป็นปกติ จึงแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันงา สามารถที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ
ช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก
หลังการแปรงฟัน ให้อมน้ำมันงาไว้ในปากประมาณ 5-10 นาที เพราะจากผลการศึกษาพบว่า น้ำมันงามีส่วนช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในช่องปากให้น้อยลงได้ ซึ่งปริมาณแบคทีเรียในช่องปากที่ลดลงนั้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก ทั้งสุขภาพฟันและสุขภาพเหงือก
น้ำมันงา กับเคล็ดลับความงาม
นอกจากการรับประทานน้ำมันงาจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากน้ำมันงาเพื่อเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความสวยความงามได้ด้วย ดังนี้
ใช้บำรุงผิวหน้า
หลังอาบน้ำก่อนจะเข้านอน สามารถทาน้ำมันงาไว้ที่ผิวหน้า หรือบริเวณผิวพรรณที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ อาจจะเป็นบริเวณสิวหรือรอยสิวก็ได้ โดยชะโลมน้ำมันงาทิ้งไว้ได้เลยทั้งคืนและไม่ต้องล้างออก แต่ก่อนที่จะทาน้ำมันงานั้น ควรมีการขัดผิวให้เรียบร้อยเสียก่อนเพื่อเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก จะช่วยให้น้ำมันงาสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึกมากขึ้น
ใช้บำรุงผิวกาย
ขณะที่นวดอาจใช้น้ำมันงาแทนน้ำมันหอมระเหย หรือหลังจากการอาบน้ำ ให้ชะโลมผิวกายด้วยน้ำมันงา น้ำมันงาจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและคงความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้
ใช้บำรุงผม
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพผม ทั้งผมมัน ผมแห้ง หรือผมแตกปลาย การชะโลมน้ำมันงาหลังจากการสระผม และหมักทิ้งไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วจึงล้างออก จะช่วยให้สุขภาพผมค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ หากทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ
ข้อควรระวังในการใช้ น้ำมันงา
น้ำมันงาในแง่ของการปรุงอาหารอาจจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพก็จริง แต่เมื่อนำมาใช้กับผิวพรรณ บางคนอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งหากมีอาการแพ้ควรจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้งาน หรือหากไม่แน่ใจว่ามีอาการแพ้น้ำมันงาหรือไม่ คุณสามารถทดสอบอาการแพ้น้ำมันงาด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้
- ล้างทำความสะอาดแขนบริเวณใกล้ข้อพับด้านในและเช็ดให้แห้ง
- ทาน้ำมันงาไปที่เนื้อแขนใกล้ข้อพับด้านในด้วยสำลีก้าน จากนั้นปิดด้วยผ้าก๊อซ ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง
- ในระหว่างนั้นหากรู้สึกแสบหรือรู้สึกคัน ให้นำมาก๊อซออก และล้างทำความสะอาดแขนให้เรียบร้อย และงดการใช้งานน้ำมันงากับผิว เนื่องจากคุณมีอาการแพ้น้ำมันงา
- แต่หากไม่มีอาการใดๆ ในระหว่างหรือหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว ให้นำผ้าก๊อซออกและล้างทำความสะอาดแขน สามารถใช้น้ำมันงาบำรุงผิวพรรณต่อไปได้ เนื่องจากไม่มีอาการแพ้
นอกจากวิธีนี้แล้ว ยังสามารถไปเข้ารับการทดสอบอาการแพ้กับสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
[embed-health-tool-bmi]