ผักโขม (Amaranth) คนมักนำทั้งต้นมาทำเป็นยาช่วยรักษาอาการ ลดคอเลสเตอรอล ความดันเลือดสูง ทั้งมันยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอีกด้วย
สรรพคุณของผักโขม
สรรพคุณของ ผักโขม (Amaranth)
ใบ ผักโขม นั้นมีวิตามินซีอยู่นิดหน่อย ผู้คนมักนำทั้งต้นมาทำเป็นยาช่วยรักษาอาการเหล่านี้
- ลดคอเลสเตอรอล
- ความดันเลือดสูง
- โรคระบบหัวใจหลอดเลือด
- แผลเปื่อย แผลพุพอง
- อาการท้องเสีย ท้องร่วง
- อาการปากบวม คอบวม
นอกจากนี้ มันยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานอีกด้วย ในการนำมาประกอบอาหาร ผักโขมถูกนำมาใช้ในลักษณะธัญพืช
กลไกลการออกฤทธิ์
การศึกษาเกี่ยวกับการออกทธิ์ของสมุนไพรเสริมอาหารชนิดนี้ยังไม่เพียงพอนัก ควรปรึกษานักสมุนไพร หรือแพทย์ของท่านเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การศึกษาบางชิ้นพบว่าผักโขมสามารถนำมาใช้รักษาอาการบางอย่างได้ เช่น ลดอาการบวม มีสารเคมีที่ช่วยป้องกันในบางขั้นตอนเมื่อเกิดอาการบวม อักเสบ (โดยการทำให้กระชับ)
ข้อควรระวัง และคำเตือน
สิ่งที่ควรทราบก่อนใช้ ผักโขม
ปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกร หรือ หมอสมุนไพร หาก:
- กำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะเป็นช่วงที่ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- กำลังใช้ยาประเภทอื่น รวมถึงยาทุกชนิดที่ไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์
- แพ้สารที่อยู่ในผักโขม หรือยาและสมุนไพรอื่นๆ
- มีอาการป่วย ความผิดปกติ หรือ พยาธิสภาพ
- เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด หรือแพ้สัตว์
ข้อกำหนดในการใช้อาหารเสริมสมุนไพรมีความเข้มงวดน้อยกว่าการใช้ยาทั่วไป แต่ควรศึกษาให้รอบคอบเพื่อรับรองความปลอดภัยของการใช้สมุนไพรว่า ควรเกิดคุณประโยชน์มากกว่าอันตราย และควรปรึกษาแพทย์หรือหมอสมุนไพรเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ความปลอดภัยจากการใช้ผักโขม
สตรีผู้ตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้สมุนไพรชนิดนี้ ในขณะตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรยังมีไม่เพียงพอ ควรปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ ถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
ผลข้างเคียง
หากมีความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของยา ควรปรึกษานักสมุนไพรหรือแพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างใช้
สมุนไพรชนิดนี้อาจมีปฏิกิริยากับยาที่ยาที่กำลังใช้หรือพยาธิสภาพอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักสมุนไพรเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อนใช้
ปัญหาสุขภาพที่อาจมีปฏิกิริยากับสมุนไพรนี้ คือ
- ความผิดปกติของภูมิคุ้มกันโรค ผักโขมอาจลดปริมาณเซโรโทนิน (สารสื่อประสาทชนิดหนึ่ง) ผักโขมอาจเพิ่มหรือลดประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน และควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน หรือกำลังทานยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน
- ระบบประสาท ผักโขมอาจมีปริมาณแคดเมียม ไนเตรท โปรตีนชนิด antitrypsin และปัจจัยที่ความร้อนไม่คงตัวอื่นๆ อยู่มาก ที่อาจส่งผลต่อระบบประสาท
- นอกจากนี้ ผักโขมที่โตในดินที่อุดมไปด้วยไนโตรเจน อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้
- ความผิดปกติของตับ ผู้ที่มีความผิดปกติในตับควรใช้ผักโขมด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีสารยับยั้งการดูดซึมของแคลเซียมและแร่ธาตุสำคัญหลายชนิดอยู่ด้วย
- ระดับน้ำตาลในเลือด ผักโขมอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง แนะนำให้ระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดน้อย หรือกำลังทานยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด โดยอาจจะต้องมีการตรวจสอบอยู่เสมอโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่ได้รับการรับรอง โดยรวมถึงการจัดยาที่เหมาะสมด้วย
- ความดันเลือด ผักโขมอาจทำให้ความดันเลือดต่ำลง แนะนำให้ระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยความดันต่ำ หรือกำลังทานยา สมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีผลต่อความดัน โดยจะต้องมีการตรวจสอบความดันอยู่เสมอ รวมถึงมีการจัดยาที่เหมาะสมด้วย
ปริมาณการใช้ยา
ข้อมูลนี้ไม่สามมารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้ยาชนิดนี้ทุก
ปริมาณการใช้ทั่วไป
ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป)
การชงชา 1 ถ้วย อาจใช้วิธีการใส่ใบผักโขม 1 ช้อนชาลงไปในน้ำเย็น 1 ถ้วย โดยบริโภค 1 ถึง 2 แก้วต่อวัน
การใช้เพื่อต้านอนุมูลอิสระ ต้องใช้ปริมาณ squalene ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผักโขม 200-400 มิลลิกรัมต่อวัน
การใช้เพื่อเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ต้องใช้ปริมาณ squalene 600 มิลลิกรัมต่อวัน
การใช้น้ำมันจากผักโขม 18 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ จะช่วยเรื่องโรคหัวใจ
การเพิ่มการมองเห็นในเวลากลางคืน ให้รับวิตามินเอปริมาณ 850 ไมโครกรัมต่อวันในรูปของใบผักโขม โดยใช้กับสตรีตั้งครรภ์ 6 วันต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 6 สัปดาห์
รูปแบบของผักโขม
สมุนไพรเสริมอาหารชนิดนี้ อาจพบได้ในรูปแบบต่อไปนี้
- แบบเหลวซึ่งมาจากการสกัด
- แบบผง
- แบบทิงเจอร์
[embed-health-tool-bmi]