สรรพคุณของไวน์
ไวน์เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำจากองุ่นหมัก
ไวน์ใช้เพื่อป้องกันโรคของหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง ไวน์ยังใช้เพื่อป้องกันการลดลงของทักษะการคิดภายหลังโรคอัลไซเมอและเบาหวานชนิดที่ 2
บางคนใช้ไวน์เพื่อลดความวิตกกังวล กระตุ้นความอยากอาหาร ปรับปรุงการย่อยอาหารโดยการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร
ไวน์ถูกนำมาใช้โดยตรงกับผิวหนังเพื่อช่วยในการรักษาบาดแผล และแก้ปัญหาการก่อตัวใกล้กับข้อต่อ ที่บางครั้งเกิดขึ้นกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
กลไกการออกฤทธิ์
ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับวิธีใช้งานของไวน์ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก็มีข้อค้นพบว่าไวน์มี แอลกอฮอล์เอทานอล ซึ่งบล็อกทางเดินเส้นประสาทต่างๆในสมอง นอกจากนี้ยังมีสารเคมีที่อาจมีประโยชน์ต่อหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต เช่น สารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการก่อตัวเป็นก้อนของเกล็ดเลือด
ข้อควรระวังและคำเตือน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนที่จะใช้ไวน์
ปรึกษากับแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของคุณในกรณี:
- กำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะเป็นช่วงที่ควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- กำลังใช้ยาประเภทอื่น รวมถึงยาทุกชนิดที่ไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์
- แพ้สารที่อยู่ในไวน์ หรือยาและสมุนไพรอื่น ๆ
- มีอาการป่วย ความผิดปกติ หรือ พยาธิสภาพ
- เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดอื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด หรือแพ้สัตว์
ข้อกำหนดในการใช้อาหารเสริมสมุนไพรมีความเข้มงวดน้อยกว่าการใช้ยาทั่วไป แต่ควรศึกษาให้รอบคอบเพื่อรับรองความปลอดภัยของการใช้สมุนไพร ว่าควรเกิดคุณประโยชน์มากกว่าอันตราย และควรปรึกษาแพทย์หรือหมอสมุนไพรเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ความปลอดภัยในการใช้ไวน์
ไวน์มีแนวโน้มปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่เมื่อรับประทาน 2 แก้ว (ห้าออนซ์) ต่อวัน หลีกเลี่ยงปริมาณการใช้ที่มากขึ้น
ข้อควรระวังและคำเตือนพิเศษ
หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร: การดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ปลอดภัย อาจทำให้เกิดความบกพร่องที่ร้ายแรงอื่น ๆ ต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสองเดือนแรก และมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการคลอดก่อนกำหนด อาการของโรคจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของทารกในครรภ์ เช่น พัฒนาการและความผิดปกติหลังคลอด ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างตั้งครรภ์
ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างให้นมบุตร แอลกอฮอล์สามารถเข้าสู่นมแม่และอาจทำให้เกิดพัฒนาการที่ผิดปกติของทักษะที่เกี่ยวข้องกับการประสานงาน ทั้งทางด้านจิตใจและกล้ามเนื้อ เช่นความสามารถในการพลิกกลับ แอลกอฮอล์รบกวนรูปแบบการนอนหลับของทารกได้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังลดการผลิตน้ำนมอีกด้วย
โรคหอบหืด: การดื่มไวน์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืด ซึ่งเกิดจากสารซาลิไซเลตในไวน์
โรคเกาต์: การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้โรคเกาต์รุนแรงขึ้น
ภาวะหัวใจ: ในขณะที่มีหลักฐานว่าการดื่มไวน์ด้วยความระมัดระวังอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจล้มเหลว แต่ไวน์เป็นอันตรายกับผู้ที่มีอาการนี้อยู่เดิม การใช้แอลกอฮอล์ทำให้อาการเจ็บหน้าอกและหัวใจล้มเหลวรุนแรงขึ้น
ความดันโลหิตสูง: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3 แก้วหรือมากกว่าต่อวัน สามารถเพิ่มความดันโลหิตให้สูงขึ้นได้
ระดับไขมันในเลือดสูงหรือไตรกลีเซอไรด์ (hypertriglyceridemia): การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ภาวะนี้แย่ลง
ปัญหาการนอนไม่หลับ: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้การนอนไม่หลับรุนแรงขึ้น
โรคตับ: การดื่มแอลกอฮอล์ทำให้โรคตับรุนแรงขึ้น
ภาวะประสาทวิทยา: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ความผิดปกติบางอย่างในระบบประสาทรุนแรงขึ้น
ภาวะของตับอ่อนอักเสบ: การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ตับอ่อนอักเสบรุนแรงขึ้น
แผลในกระเพาะอาหารหรือโรคกรดไหลย้อน gastroesophageal (GERD): การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้น
ภาวะเลือดเรียกว่า porphyria: การใช้แอลกอฮอล์ทำให้ porphyria รุนแรงขึ้น
ปัญหาทางจิต: การดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 3 แก้วขึ้นไปต่อวัน อาจทำให้ปัญหาสุขภาพจิตแย่ลงและลดความสามารถในการคิด
การผ่าตัด: ไวน์สามารถชะลอระบบประสาทส่วนกลางได้ การใช้ไวน์กับยาการระงับความรู้สึก และยาอื่น ๆ ที่ใช้ระหว่างและหลังการผ่าตัดอาจทำให้ระบบประสาทส่วนกลางลดการรับรู้ลงมาก หยุดดื่มไวน์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนกำหนดการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
ไวน์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
ปริมาณการใช้ยาที่มากขึ้น อาจทำให้เกิดอาการสับสน หมดสติ ชัก อาเจียน ท้องร่วงและปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ
การดื่มไวน์เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงหลายอย่างเช่น ปัญหาทางจิต ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาตับปัญหาตับอ่อน และมะเร็งบางชนิด
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนและอาจมีอาการจากผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องผลข้างเคียง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หรือ แพทย์
ปฏิกิริยาระหว่างการใช้ยา
ไวน์อาจทำปฏิกิริยากับยาที่กำลังใช้หรือมีผลกระทบกับการรักษาในปัจจุบัน ดังนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร หรือแพทย์ก่อนใช้
ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำปฏิกิริยากับไวน์ เช่น:
- Chlorpropamide (Diabinese)
ร่างกายย่อยแอลกอฮอล์ในไวน์เพื่อทำการกำจัดออกจากร่างกาย และ Chlorpropamide (Diabinese) สามารถลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงได้อย่างรวดเร็ว การดื่มไวน์และรับประทาน chlorpropamide (Diabinese) อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอาเจียน และอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ไม่ควรใช้ร่วมกัน
- Cisapride (Propulsid)
Cisapride (Propulsid) สามารถลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงได้อย่างรวดเร็ว การใช้ cisapride (Propulsid) พร้อมกับไวน์อาจเพิ่มผลข้างเคียงจากแอลกอฮอล์
- Cyclosporine (Neoral Sandimmune)
ไวน์อาจเพิ่มปริมาณการใช้ยา cyclosporine (Neoral Sandimmune) ที่ร่างกายดูดซึม การรับประทานไวน์พร้อมกับ cyclosporine (Neoral Sandimmune) อาจเพิ่มผลข้างเคียงของ cyclosporine มากขึ้น
- Disulfiram (Antabuse)
ร่างกายย่อยแอลกอฮอล์ในไวน์เพื่อทำการกำจัดออกจากร่างกาย แต่ Disulfiram (Antabuse) ยิ่งทำให้การลดลงนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว การดื่มแอลกอฮอล์และใช้ disulfiram (Antabuse) อาจทำให้ปวดหัวอย่างรุนแรง อาเจียน และอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ถ้าคุณรับประทาน disulfiram (antabuse)
- Felodipine (Plendil)
ไวน์แดงสามารถหยุดวิธีการดูดซึม felodipine การดื่มไวน์แดงในขณะที่ใช้ยา felodipine เพื่อรักษาความดันโลหิตสูงอาจทำให้ความดันโลหิตของคุณต่ำเกินไป
- ยาสำหรับภาวะซึมเศร้า (MAOIs)
ไวน์มีสารเคมีที่เรียกว่า tyramine ซึ่งหากมีจำนวนมากอาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และร่างกายจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะกำจัดมันออกไปไม่ให้ tyramine ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ยาบางชนิดที่ใช้ในภาวะซึมเศร้า ได้แก่ phenelzine (Nardil) tranylcypromine (Parnate) และอื่น ๆ
- ยาแก้ปวด
ร่างกายย่อยยาแก้ปวดบางชนิดเพื่อกำจัดออกจากร่างกาย ร่างกาย แอลกอฮอล์ในไวน์อาจลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อร่างกายได้รับยาแก้ปวดบางชนิด การ รับประทานยาดังกล่าวพร้อมกับไวน์อาจเพิ่มผลข้างเคียงของยามากขึ้น
ยาบางอย่างสำหรับอาการปวด ได้แก่ meperidine (Demerol) hydrocodone morphine OxyContin และอื่น ๆ
ยาที่เป็นอันตรายต่อตับ (Hepatotoxic drugs) มีปฏิกิริยากับไวน์
แอลกอฮอล์ในไวน์อาจเป็นอันตรายต่อตับ การดื่มไวน์พร้อมกับยาที่เป็นอันตรายต่อตับสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับได้ ห้ามดื่มไวน์ถ้าคุณรับประทานยาที่เป็นอันตรายต่อตับ
ยาบางชนิดที่สามารถทำร้ายตับ ได้แก่ acetaminophen (Tylenol และอื่น ๆ ) amiodarone (cordarone) carbamazepine (Tegretol) isoniazid (INH) methotrexate (Rheumatrex) methyldopa (Aldomet) fluconazole (Diflucan) itraconazole (sporanox) erythromycin (Erythrocin Ilosone อื่น ๆ ) phenytoin (Dilantin) lovastatin (Mevacor) pravastatin (Pravachol) simvastatin (Zocor) และอื่น ๆ
Metformin (Glucophage)
Metformin (Glucophage) ถูกทำลายในตับ เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ในไวน์ การดื่มไวน์และการใช้ยา metformin (Glucophage) อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรง
- Metronidazole (Flagyl)
แอลกอฮอล์ในไวน์มีปฏิกิริยากับ metronidazole (Flagyl) อาจทำให้มีการอาเจียน เหงื่อออก ปวดศีรษะและหัวใจเต้นแรงขึ้น อย่าดื่มไวน์ขณะที่รับประทาน metronidazole (Flagyl)
- Phenytoin (Dilantin)
ร่างกายย่อย phenytoin (Dilantin) เพื่อกำจัดออกไปซึ่งแอลกอฮอล์ในไวน์อาจช่วยให้การทำลายสาร phenytoin (Dilantin)เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น การดื่มไวน์และการใช้ phenytoin (Dilantin) อาจลดประสิทธิภาพของ phenytoin (Dilantin) และมีโอกาสชักสูง
- ยากล่อมประสาท (Barbiturates)
แอลกอฮอล์ในไวน์อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้ ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงนอนเรียกว่ายากล่อมประสาท การรับประทานไวน์และยากล่อมประสาทอาจทำให้ง่วงนอนได้มากขึ้น
- ยากล่อมประสาท (Benzodiazepines)
บางส่วนของยาเหล่านี้ ได้แก่ clonazepam (Klonopin) diazepam (Valium) lorazepam (Ativan) และอื่น ๆ
- ยากล่อมประสาท (CNS)
บางส่วนของยา ได้แก่ clonazepam (Klonopin) lorazepam (Ativan) phenobarbital (Donnatal) zolpidem (Ambien) และอื่น ๆ
- ยาปฏิชีวนะ
แอลกอฮอล์ในไวน์สามารถทำปฏิกิริยากับยาปฏิชีวนะบางชนิดได้ และทำให้อารมณ์เสีย อาเจียน เหงื่อ ปวดศีรษะและหัวใจเต้นแรง ไม่ควรดื่มเหล้าไวน์ในขณะที่รับประทานยาปฏิชีวนะได้แก่ metronidazole (Flagyl) sulfamethoxazole (Gantanol), sulfasalazine (Azulfidine), sulfisoxazole (Gantrisin), trimethoprim/sulfamethoxazole (Bactrim, Septra),
- แอสไพริน
แอสไพรินบางครั้งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อกระเพาะอาหารและทำให้เกิดแผลและมีเลือดออกได้ แอลกอฮอล์ในไวน์อาจทำให้กระเพาะอาหารเสียหายได้เช่นกัน การใช้แอสไพรินร่วมกับไวน์อาจเพิ่มโอกาสเป็นแผลและมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานไวน์และแอสไพรินร่วมกัน
- Cefamandole (Mandol)
แอลกอฮอล์ในไวน์สามารถทำปฏิกิริยากับยาcefamandole (mandol) อาจทำให้อาเจียน เหงื่อออก ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ควรดื่มไวน์ขณะรับประทาน cefamandole (mandol)
- Cefoperazone (Cefobid)
แอลกอฮอล์ในไวน์สามารถทำปฏิกิริยากับยาcefoperazone (cefobid) อาจทำให้อาเจียน เหงื่อออก ปวดศีรษะ และหัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ควรดื่มไวน์ขณะรับประทาน cefoperazone (cefobid)
- Erythromycin
ร่างกายย่อยแอลกอฮอล์ในไวน์เพื่อกำจัดออกไป Erythromycin สามารถลดความสามารถในการกำจัดแอลกอฮอล์ลงได้อย่างรวดเร็ว การดื่มไวน์และการใช้ erythromycin อาจเพิ่มผลข้างเคียงของแอลกอฮอล์
- Griseofulvin (Fulvicin)
ร่างกายย่อยแอลกอฮอล์ในไวน์เพื่อกำจัดออกไป Griseofulvin (Fulvicin) ช่วยลดปริมาณ แอลกอฮอล์ลงได้อย่างรวดเร็ว การการใช้ยาดังกล่าวร่วมกัน อาจทำให้ปวดหัวอาเจียน และอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ได้ ไม่ควรดื่มไวน์ขณะรับประทาน griseofulvin
- ยาที่ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (H2-Blockers)
ยาลดกรดในกระเพาะบางชนิดอาจมีผลต่อแอลกอฮอล์ในไวน์ การดื่มไวน์พร้อมด้วยยาดังกล่าว อาจเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ที่ร่างกายดูดซึมและเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารบางชนิด ได้แก่ cimetidine (Tagamet) ranitidine (Zantac) nizatidine (Axid) และ famotidine (Pepcid)
- NSAIDs (ยารักษาการอักเสบ nonsteroidal)
NSAIDs เป็นยารักษาการอักเสบที่ใช้ในการลดอาการปวด และบวม NSAIDs บางครั้งอาจทำให้เกิดความเสียหายในกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้เกิดแผลและมีเลือดออก เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ในไวน์ หลีกเลี่ยงการดื่มไวน์และ NSAIDs ร่วมกัน
NSAIDs บางชนิดประกอบด้วย ibuprofen (Advil Motrin Nuprin อื่น ๆ ) indomethacin (Indocin) naproxen (Aleve Anaprox Naprelan Naprosyn) piroxicam (Feldene) แอสไพรินและอื่น ๆ
- Tolbutamide (Orinase)
ร่างกายย่อยแอลกอฮอล์ในไวน์เพื่อกำจัดออกไป และTolbutamide (Orinase) สามารถลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงได้อย่างรวดเร็ว การดื่มไวน์พร้อมกับการรับประทาน tolbutamide (Orinase) อาจทำให้ปวดหัว อาเจียน และอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ หลีกเลี่ยงการดื่มไวน์ถ้าคุณรับประทาน tolbutamide (orinase)
- Warfarin (Coumadin)
Warfarin (Coumadin) ใช้ในการชะลอการแข็งตัวของเลือด แอลกอฮอล์ในไวน์สามารถมีปฏิกิริยาและเปลี่ยนประสิทธิผลของ warfarin (Coumadin) ควรตรวจเลือดเป็นประจำ และเปลี่ยนแปลงปริมาณ Warfarin
ปริมาณการใช้ยา
ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ปรึกษาแพทย์ประจำตัวหรือแพทย์ของคุณก่อนที่จะใช้ยานี้
ปริมาณยาทั่วไปสำหรับไวน์
ปริมาณการใช้ยา: เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนึ่งแก้วมีขนาดเท่ากับแก้ว 4 ออนซ์ หรือ 120 มล. แก้วเบียร์ 12 ออนซ์หรือสุรา 1 ออนซ์
ปริมาณการใช้ต่อไปนี้ได้รับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์:
การรับประทาน:
เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: ดื่ม1-2 แก้ว (120-240 มล.) ต่อวัน
สำหรับการลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลว: ดื่มได้ถึงสี่แก้วต่อวัน
เพื่อลดการสูญเสียทักษะการคิดในผู้ชายที่มีอายุมาก: ดื่มได้ 1 แก้วต่อวัน
สำหรับการลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานประเภท 2 ในผู้ชายที่มีสุขภาพดี: ระหว่าง 2 แก้วต่อสัปดาห์ถึง และสามหรือสี่แก้วต่อวัน
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจในคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2: ดื่มได้ถึง 7 แก้วต่อสัปดาห์
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นแผลที่เรียกว่า Helicobacter pylori: ดื่มได้มากกว่า 75 กรัม
ผู้ป่วยแต่ละคนอาจใช้สมุนไพรชนิดนี้ในปริมาณที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพ และเงื่อนไขอื่น ๆ สมุนไพรไม่ได้รับรองความปลอดภัยเสมอไป ควรสอบถามแพทย์สำหรับปริมาณการใช้ที่เหมาะสมกับตนเอง
รูปแบบของไวน์
ไวน์อาจมีอยู่ในรูปแบบยาต่อไปนี้:
- ไวน์
- แคบซูลสารสกัดจากไวน์แดง
[embed-health-tool-bmi]