เชื้อราเป็นเชื้อขนาดเล็กที่มีสปอร์แพร่กระจายไปตามอากาศ เชื้อราชอบสิ่งแวดล้อมที่ชื้นและต้องการสิ่งต่างๆ สี่ประการเพื่อเจริญเติบโต ได้แก่ อาหาร อากาศ อุณหภูมิที่เหมาะสม และน้ำ เชื้อราสามารถพบได้นอกบ้าน ในบ้าน และในสิ่งก่อสร้างอื่นๆ
ทุกคนมีการหายใจเอาสปอร์เชื้อราในอากาศเข้าไป แต่บางคนมีอาการแพ้หรืออาการหอบหืด (Asthma Symptoms) หากได้รับเชื้อรามากเกินไป ภาวะนี่้เรียกว่า แพ้เชื้อรา (Mold Allergy)
หากมีภาวะแพ้เชื้อรา ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยามากเกินไป เมื่อหายใจสปอร์เชื้อราในอากาศเข้า ภาวะแพ้เชื้อราสามารถทำให้ไอ ทำให้คันดวงตา (Eyes Itch) และทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่ทำให้รู้สึกทรมาน ในผู้ป่วยบางรายนั้น ภาวะแพ้เชื้อราสัมพันธ์กับหอบหืด (Asthma) และการสัมผัสเชื้อราทำให้หายใจติดขัดและอาการอื่นๆ เกี่ยวกับทางเดินหายใจ
โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ภูมิแพ้เชื้อรา ทำให้เกิดสัญญาณเตือนและอาการเช่นเดียวกันกับการเกิดขึ้นในภูมิแพ้เกี่ยวกับทางเดินหายใจส่วนบนประเภทอื่นๆ สัญญาณเตือนและอาการของเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ที่เกิดจากแพ้เชื้อรา ได้แก่
อาการแพ้เชื้อรา มีความหลากหลายในแต่ละบุคคลและมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงจนถึงรุนแรง คุณอาจมีอาการทั้งปีหรืออาการที่กำเริบเพียงในบางช่วงเวลาของปี คุณอาจสังเกตเห็นอาการต่างๆ เมื่ออากาศชื้นหรือเมื่ออยู่ในพื้นที่ภายในหรือภายนอกที่มีความหนาแน่นของเชื้อรามาก
หากคุณมีอาการแพ้เชื้อราและหอบหืด อาการหอบหืดอาจกระตุ้นโดยการสัมผัสสปอร์เชื้อรา ในผู้ป่วยบางรายนั้น การสัมผัสเชื้อราบางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการหอบหืดที่รุนแรง สัญญาณเตือนและอาการของหอบหืด ได้แก่
อาจมีอาการบางประการที่ไม่ได้กล่าวถึงข้างต้น หากมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับอาการหนึ่ง โปรดปรึกษาแพทย์
คุณควรไปพบหมอหากมีอาการใดๆ ดังต่อไปนี้ คือ คัดจมูก จาม น้ำตาไหล หายใจลำบาก หายใจมีเสียง หรืออาการรบกวนอื่นๆ ที่เรื้อรัง
หากคุณหรือคนที่คุณรักมีสัญญาณเตือนหรืออาการใดๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นหรือหากคุณมีคำถามใดๆ โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละคนมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน มักเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่จะปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ของคุณ
อาการแพ้เชื้อรากระตุ้นโดยการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่มีความไวมากเกินไป เมื่อคุณหายใจเอาสปอร์เชื้อราขนาดเล็กในอากาศเข้าไป ร่างกายจะรับรู้ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและสังเคราะห์แอนติบอดีที่ทำให้เกิดภูมิแพ้เพื่อต่อต้านเชื้อราดังกล่าว
หลังจากได้รับเชื้อราแล้ว คุณยังคงสังเคราะห์แอนติบอดีที่ “ตรวจจับ’ สิ่งแปลกปลอมนี้เพื่อให้การสัมผัสเชื้อราในครั้งต่อไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปฏิกิริยาตอบสนอง ปฏิกิริยานี้กระตุ้นการปล่อยสารต่างๆ เช่น ฮิสตามีน (histamine) ซึ่งทำให้เกิดอาการแพ้เชื้อรา
เชื้อราพบได้มากทั้งภายในและภายนอก เชื้อรามีหลายชนิด แต่เชื้อราเพียงบางชนิดทำให้เกิดภูมิแพ้ เชื้อราที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ที่พบได้มากที่สุด ได้แก่ เชื้อรา Alternaria เชื้อรา Aspergillus เชื้อรา Cladosporium และเชื้อรา Penicillium
การแพ้เชื้อราชนิดหนึ่งไม่จำเป็นต้องหมายความว่าคุณแพ้เชื้อราชนิดอื่นๆ
มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการสำหรับแพ้เชื้อรา เช่น
โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ข้อมูลที่นำเสนอมิได้ใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์เสมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการพิจารณาสัญญาณเตือนและอาการต่างๆ แล้ว แพทย์อาจทำการตรวจร่างกายเพื่อรวมหรือแยกความผิดปกติทางสุขภาพอื่นๆ ออกไป นอกจากนี้ แพทย์ยังอาจแนะนำการทดสอบหนึ่งประการหรือมากกว่าเพื่อดูว่าคุณเป็นภูมิแพ้ที่สามารถวินิจฉัยได้หรือไม่ การทดสอบดังกล่าว ได้แก่
การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับภูมิแพ้ใดๆ คือ การปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งกระตุ้นต่างๆ อย่างไรก็ดี เชื้อราพบได้ทั่วไปและคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด ในขณะที่ไม่มีหนทางที่แน่ชัดเพื่อรักษาเยื่อจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ที่เกิดจากการแพ้เชื้อรานั้น ยาจำนวนมากสามารถบรรเทาอาการต่างๆ ได้ ยาดังกล่าว ได้แก่
ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ที่ใช้พ่นจมูก (Nasal corticosteroids) สเปรย์พ่นจมูกนี้ช่วยป้องกันและรักษาการอักเสบที่เกิดจากภูมิแพ้เชื้อราที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน สำหรับผู้ป่วยหลายรายนั้น สเปรย์พ่นจมูก เป็นยารักษาภูมิแพ้ที่ได้ผลมากที่สุดและมักเป็นยาชนิดแรกที่แพทย์สั่งให้ใช้
ตัวอย่าง ได้แก่ ยาไซเคิลโซไนด์ (ciclesonide) (Omnaris) ยาฟลูไทคาโซน (fluticasone) (Flonase) ยาโมมีทาโซน (mometasone) (Nasonex) ยาทรัยอัมไซโนโลน (triamcinolone) (Nasacort AQ) และยาบูเดโซไนด์ (budesonide) (Rhinocort Aqua) เลือดกำเดาไหลและจมูกแห้งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้มากที่สุดของยาเหล่านี้ซึ่งมักมีความปลอดภัยสำหรับการใช้ในระยะยาว
ยาแก้แพ้ (Antihistamines) ยาเหล่านี้สามารถช่วยเกี่ยวกับอาการคัน จาม และน้ำมูกไหล ยานี้ออกฤทธิ์โดยขัดขวางสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบที่ปล่อยจากระบบภูมิคุ้มกันในระหวา่งที่มีอาการแพ้
ยาแก้แพ้ที่วางจำหน่ายโดยทั่วไป (Over-the-counter (OTC) antihistamines) ได้แก่ ยาลอราทาดีน (loratadine) (Alavert, Claritin) ยาเฟ็กโซเฟนาดีน (fexofenadine) (Allegra) และยาเซไทไรซีน (cetirizine) (Zyrtec Allergy) ยาเหล่านี้ทำให้เกิดอาการง่วงซึมหรือปากแห้งเล็กน้อยหรือไม่ทำให้เกิดอาการ ยาแก้แพ้แบบเดิม เช่น ยาเคลมาสไทน์ (clemastine) (Tavist-1) ได้ผลเช่นกันแต่สามารถทำให้ง่วงซึม ส่งผลต่อการทำงานและการเรียน และทำให้ปากแห้งได้
สเปรย์พ่นจมูกอาเซลาสไทน์ (azelastine) (Astelin, Astepro) และออโลพาทาไดน์ (olopatadine) (Patanase) สามารถหาได้ตามคำสั่งของแพทย์ ผลข้างเคียงของสเปรย์พ่นจมูกอาจได้แก่ อาการขมปากและจมูกแห้ง
ยารับประทานแก้คัดจมูก (Oral decongestants) ยารับประทานแก้คัดจมูกที่วางจำหย่ายโดยทั่วไป (OTC oral decongestants) ได้แก่ ยาซูดาเฟด (Sudafed) และยาไดรซอรัล (Drixoral) เนื่องจากยารับประทานแก้คัดจมูกสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้นั้น ให้หลีกเลี่ยงยาดังกล่าวหากมีความดันโลหิตสูง (hypertension) ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ ความดันโลหิตสูง นอนไม่หลับ (insomnia) ไม่มีความอยากอาหาร (loss of appetite) ใจสั่น (palpitations) กังวล (anxiety) และกระสับกระส่าย (restlessness)
ยาพ่นจมูกแก้คัดจมูก (Decongestant nasal sprays) ยาเหล่านี้ ได้แก่ ยาอ็อกซีเมทาโซไลน์ (oxymetazoline) (Afrin และอื่นๆ) ห้ามใช้ยาเหล่านี้เป็นเวลามากกว่าสามหรือสี่วันเนื่องจากสามารถทำให้อาการคัดจมูกกลับมาเป็นซ้ำโดยมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นเมื่อหยุดใช้ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้อื่นๆ ได้แก่ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และกระวนกระวาย
ยามอนเทลูคาสท์ (Montelukast) ยามอนเทลูคาสท์ (Singulair) เป็นยาเม็ดที่ใช้ขัดขวางการทำงานของสารลิวโคทรีน (leukotrienes) ซึ่งเป็นสารเคมีในระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น มีเสมหะมากเกินไป ได้รับการพิสูจน์ว่าใช้ได้ผลในการรักษาหอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้ (allergic asthma) และยังใช้ได้ผลในการรักษาภูมิแพ้เชื้อราด้วยเช่นกัน
เช่นเดียวกับยาแก้แพ้นั้น ยานี้ใช้ไม่ได้ผลเท่ากับยาคอร์ติโคสเตียรอยด์แบบพ่นจมูก (inhaled corticosteroids) ยานี้มักใช้เมื่อไม่สามารถใช้สเปรย์พ่นจมูกได้หรือเมื่อมีอาการหอบหืดที่ไม่รุนแรง
ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) การรักษาแบบนี้ ซึ่งเป็นชุดการฉีดสารก่อภูมิแพ้ สามารถใช้ได้ผลเป็นอย่างมากสำหรับภูมิแพ้บางชนิด เช่น ไข้ละอองฟาง (hay fever) การฉีดสารก่อภูมิแพ้ใช้สำหรับการแพ้เชื้อราบางชนิดเท่านั้น
การล้างจมูก (Nasal lavage) เพื่อช่วยเกี่ยวกับอาการจมูกระคายเคืองนั้น แพทย์ที่ทำการรักษาอาจแนะนำให้คุณล้างจมูกทุกวันด้วยน้ำเกลือ ให้ใช้ขวดสำหรับบีบที่ได้รับการออกมาขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น ขวดที่อยู่ในชุดน้ำเกลือ (Sinus Rinse และอื่นๆ) กระบอกฉีดเป็นหลอด หรือถ้วยเพื่อล้างช่องจมูก การรักษาที่บ้านนี้ ซึ่งเรียกว่าการล้างจมูก สามารถช่วยให้จมูกปราศจากสารระคายเคืองได้
ให้ใช้น้ำที่ผ่านการกลั่น ฆ่าเชื้อ ต้มและทำให้เย็นลง หรือกรองโดยใช้เครื่องกรองที่มีขนาดรูกรอง 1 ไมครอนหรือเล็กกว่าเพื่อทำสารละลายสำหรับล้างจมูก นอกจากนี้ ให้ล้างอุปกรณ์ล้างจมูกหลังจากการใช้แต่ละครั้งโดยใช้น้ำที่กลั่น ฆ่าเชื้อ ต้มและทำให้เย็นลง หรือกรองเช่นเดียวกัน และผึ่งไว้ในอากาศที่แห้ง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานดังต่อไปนี้อาจช่วยให้คุณจัดการอาการแพ้เชื้อราได้
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Mold allergy https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/mold-allergy/symptoms-causes/syc-20351519 Accessed February 8, 2018
Mold Allergy http://www.aafa.org/page/mold-allergy.aspx Accessed February 8, 2018
MOLD ALLERGY http://www.aaaai.org/conditions-and-treatments/allergies/mold-allergy Accessed February 8, 2018
เวอร์ชันปัจจุบัน
11/05/2020
เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
อัปเดตโดย: Ploylada Prommate
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ