การเป็นมะเร็ง อาจจะเป็นฝันร้ายของใครหลาย ๆ คน ยิ่งในช่วงเวลาแห่งความกังวล ที่จะต้องรอฟังผลตรวจจากคุณหมอว่าเราเป็นมะเร็งหรือไม่นั้น อาจจะทำให้หลายคนวิตกกังวล จิตตก กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนทำให้สุขภาพย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิม วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำวิธีการรับมือกับความกังวล ก่อนการ ฟังผลตรวจมะเร็ง เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถรับมือกับความรู้สึกของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นกันค่ะ
ผลของความกังวล ก่อน ฟังผลตรวจมะเร็ง
ความรู้สึกเป็นกังวลก่อนการฟังผลตรวจโรคนั้นเป็นเรื่องปกติ ยิ่งโดยเฉพาะหากโรคที่ว่านั้นหมายถึงโรคมะเร็ง ไม่ว่าใครก็คงจะต้องรู้สึกกลัวไม่ต่างกัน เพราะเราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า โรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็งนั้น อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต ทั้งต่อสุขภาพทางกาย และสุขภาพทางการเงินกันเลยทีเดียว
ความรู้สึกกังวลก่อนการฟังผลตรวจมะเร็งเหล่านี้ บางครั้งอาจจะเรียกว่า Scanxiety (Scan + Anxiety) คำนี้มักจะใช้เพื่ออธิบายถึงอาการความวิตกจริตที่เกิดขึ้นขณะกำลังรอฟังผลตรวจชิ้นเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ซึ่งอาการของความวิตกจริตนี้อาจจะแสดงออกมาให้เห็นได้ทั้งทางจิตใจและทางร่างกาย
อาการทางจิตใจ
อาการทางจิตใจที่พบได้บ่อยสำหรับผู้ที่ต้องรอฟังผลมะเร็ง มีดังต่อไปนี้
- วิตกกังวล
- เครียด
- โศกเศร้า
- โกรธ
- หวาดกลัว
- ตื่นตระหนก
- รู้สึกเหนื่อยล้า
- หมดอาลัยตายอยาก
อาการทางร่างกาย
ในบางครั้ง ผลจากความวิตกกังวลเมื่อรอฟังผลตรวจมะเร็ง อาจแสดงออกมาในรูปแบบของอาการทางกาย เช่น
- นอนไม่หลับ เนื่องจากร่างกายอาจจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) ออกมามากเพราะความรู้สึกเครียด ทำให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
- ใจสั่น หัวใจเต้นผิดปกติ
- เหงื่อออกมาก
- รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเนื่องจากความเครียดสูง
อาการเหล่านี้ หากไม่มีการรับมือที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย ทำให้ร่างกายทรุดโทรม และอ่อนแอลงมากขึ้น และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการป่วยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
แนวทางในการรับมือกับความกังวล
ยอมรับว่าตัวเองกลัว
บ่อยครั้งที่คนเราอาจจะไม่ทันสังเกตว่าตัวเองกำลังรู้สึกหวาดกลัว หรือกำลังโศกเศร้า จุดเริ่มต้นที่ดีที่จะหาทางรับมือกับความรู้สึกกังวลเมื่อรอฟังผลตรวจมะเร็งนั้น คือการตระหนักรู้และยอมรับว่าตัวเองกำลังกลัว และเมื่อเรารับรู้ได้ว่าเรากลัวแล้ว เราก็จะสามารถหาหนทางในการจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
ไม่จมอยู่กับความกลัว
อย่าปล่อยให้ความรู้สึกกังวลครอบงำเรา จนทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หรือทำให้ร่างกายของเรามีอาการทรุดโทรมลงไปได้ การกังวลต่ออนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นนั้นไม่มีประโยชน์อะไร อีกทั้งยังอาจทำให้เราสูญเสียเวลาอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกด้วย ทางที่ดีจึงควรพยายามหาสิ่งอื่นมาช่วยดึงดูดความสนใจ เช่น ทำงานอดิเรก หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง จะช่วยดึงตัวเราออกมาจากความวิตกจริตเหล่านั้นได้
มองโลกในแง่ดี
เราควรพยายามมองโลกในแง่ดี ไม่ตีตนไปก่อนไข้ เพราะเนื้องอกนั้นไม่จำเป็นจะต้องกลายเป็นมะเร็งเสมอไป บางทีสิ่งที่เรากังวลอยู่อาจจะไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยก็ได้ แต่การมองโลกในแง่ดีนั้นไม่ได้หมายความว่าให้เรามองข้ามความเป็นจริง แต่หมายถึงยิ้มรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น และพยายามมองหาทางออกของปัญหาอย่างมีความหวังนั่นเอง
ฝึกสมาธิ
การฝึกสมาธิ เช่น นั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจ หรือการเล่นโยคะ จะช่วยให้เรารู้สึกสงบลง และช่วยจัดการกับความรู้สึกวิตกกังวล ว้าวุ่น ให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้น และเมื่อใจเราสงบ เราก็จะสามารถมองปัญหาได้อย่างชัดเจน สามารถยอมรับกับปัญหานั้นได้ และสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้นอีกด้วย
ปรึกษาคุณหมอ
การพูดคุยและขอคำปรึกษาจากคุณหมอ อาจทำให้เราได้รับรู้เกี่ยวกับธรรมชาติของโรคมะเร็งมากขึ้น และอาจช่วยให้เราสามารถรับมือหากพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งได้ดียิ่งขึ้น