ยาเบนโซไดอะซีปีน บางชนิดเป็นยาที่แพทย์ในสหรัฐอเมริกาสั่งจ่ายให้ผู้ป่วยมากที่สุด เมื่อผู้ป่วยได้รับและใช้ยาเหล่านี้สำหรับการออกฤทธิ์ระงับประสาทโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง จะถือเป็น การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
คำจำกัดความ
การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด คืออะไร
เบนโซไดอะซีปีน (Benzodiazepines) เป็นยาประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “ยาระงับประสาท (tranquilizers)’ ชื่อที่คุ้นเคย ได้แก่ แวเลียม (Valium) ซาแน็กซ์ (Xanax) ยาเบนโซไดอะซีปีน บางชนิดเป็นยาที่แพทย์ในสหรัฐอเมริกาสั่งจ่ายให้ผู้ป่วยมากที่สุด เมื่อผู้ป่วยได้รับและใช้ยาเหล่านี้สำหรับการออกฤทธิ์ระงับประสาทโดยที่แพทย์ไม่ได้สั่ง จะถือเป็น การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
แพทย์อาจสั่งยาเบนโซไดอะซีปีนสำหรับอาการทางร่างกายที่ไม่ผิดกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- ภาวะวิตกกังวล
- โรคนอนไม่หลับ
- ภาวะถอนพิษสุรา
- การรักษาอาการชัก
- การคลายกล้ามเนื้อ
- รักษาภาวะความจำเสื่อม (amnesia)
- ใช้ก่อนการให้ยาระงับความรู้สึก เช่น ก่อนการผ่าตัด
เบนโซไดอะซีปีนออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ก่อให้เกิดการระงับประสาท และการคลายกล้ามเนื้อ และลดระดับความวิตกกังวล
แม้จะมีการผลิตเบนโซไดอะซีปีนมากกว่า 2,000 ชนิด แต่ในปัจจุบัน ก็มีเพียง 15 ชนิดเท่านั้นที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยาชนิดนี้มักจำแนกโดยระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์
- ยาที่มีฤทธิ์ระยะสั้นมาก เช่น ยาไมดาโซแลม (Midazolam) อย่างเวอร์เซด (Versed) ยาทรัยอาโซแลม (triazolam) อย่างฮาลซิออน (Halcion)
- ยาที่มีฤทธิ์ระยะสั้น เช่น ยาอัลปราโซแลม (Alprazolam) อย่างซาแนกซ์ ( Xanax) ยาลอราซีแพม (lorazepam) อย่างอะทีแวน (Ativan)
- ยาที่มีฤทธิ์ระยะยาว เช่น ยาคลอร์ดีอาเซพ็อกไซด์ (Chlordiazepoxide) อย่างลิเบรียม (Librium) ยาไดอาซีแพม (diazepam) อย่างแวเลียม (Valium)
เบนโซไดอะซีปีน มักถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดอยู่บ่อยครั้ง สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะยาเบนโซไดอะซีปีนมีฤทธิ์ทำให้มึนเมา และหาได้ค่อนข้างง่าย รวมถึงการที่ยานี้หาได้ค่อนข้างง่าย ผู้ป่วยที่ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินจากการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดนั้นมีทั้งเกิดจากความตั้งใจและความบังเอิญ
การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดเพียงอย่างเดียว มักไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง หรือทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต แต่การใช้ร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาชนิดอื่น โดยเฉพาะการใช้ร่วมกับการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
นอกจากนี้ เบนโซไดอะซีปีนยังมีการนำมาใช้เป็นยาเพื่อการ “ล่วงละเมิดทางเพศ’ เนื่องจากยาดังกล่าว สามารถทำให้ร่างกายไม่มีแรง หรือไม่สามารถต่อสู้กับการล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคลอื่นได้ ยาชนิดนี้ในรูปผงหรือของเหลว มักนำไปผสมในเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือแม้แต่น้ำอัดลม โดยที่ผู้ดื่มแทบจะไม่รับรู้รสชาติที่เปลี่ยนไปเลยด้วยซ้ำ
การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดพบได้บ่อยแค่ไหน
การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดพบได้ทั่วไป โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการ
อาการของการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
หากใช้ยาเบนโซไดอะซีปีนในขนาดยาปกติ ยากลุ่มนี้จะช่วยลดอาการวิตกกังวลและบรรเทาอาการของโรคนอนไม่หลับได้ แต่ผลข้างเคียงของการใช้ยากลุ่มนี้ คือ ผู้ใช้อาจเกิดอาการง่วงซึม หรือวิงเวียนศีรษะได้ ยิ่งขนาดยาสูงเท่าไหร่ ผลข้างเคียงเหล่านี้ก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น
แต่หากใช้ยาในกลุ่มเบนโซไดอะซีปีนในขนาดยาสูงๆ สามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรงขึ้น โดยสัญญาณและอาการของการใช้ยาเกินขนาด หรือความเป็นพิษเฉียบพลัน ได้แก่
- ง่วงซึม
- สับสน
- เวียนศีรษะ
- ตาพร่ามัว
- อ่อนแรง
- ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
- พูดไม่ชัด
- หายใจลำบาก
- อาการโคม่า (หมดสติหรือไม่รู้สึกตัวนานกว่า 6 สัปดาห์)
- เสียชีวิตจากภาวะหยุดหายใจ
สัญญาณและอาการของการใช้ยาในทางที่ผิดติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเรื้อรังนั้นไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน การใช้ยาในทางที่ผิดเป็นระยะเวลานานอาจทำให้รูปร่างหน้าตา รวมถึงพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป จนส่งผลต่อความสัมพันธ์และประสิทธิภาพในการทำงานด้วย หากเป็นเด็กอาจสังเกตได้จากอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน หรือผลการเรียนย่ำแย่ลง
การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดเป็นระยะเวลานาน อาจนำไปสู่อาการที่คล้ายคลึงกับอาการของโรคหรือสภาวะทางการแพทย์ ที่ทำให้ผู้ป่วยต้องรักษาด้วยเบนโซไดอะซีปีนตั้งแต่แรก
อาการเหล่านั้นได้แก่
- ภาวะวิตกกังวล
- โรคนอนไม่หลับ
- โรคอะนอเร็กเซีย หรือโรคคลั่งผอม
- อาการปวดศีรษะ
- อาการอ่อนเพลีย หมดแรง
- อาการสั่น
- ปัญหาด้านความจำ
สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่าง ๆ โปรดปรึกษาคุณหมอ
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ หรือข้อมูลการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ แต่หากคุณสงสัยว่าตัวเองใช้ยานี้เกินขนาด หรือพบว่ามีใครต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉิน เนื่องจากการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด ควรรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที และควรพกบรรจุภัณฑ์ยาไปด้วย เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถระบุชนิดและปริมาณยาได้ง่ายขึ้น
ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
ถึงแม้ว่าบางคนอาจมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะมีอาการติดยา แต่ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมที่อาจนำไปสู่การใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด เช่น สถานะทางสังคมต่ำ การว่างงาน อิทธิพลจากคนรอบข้าง
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงในการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
ปัจจัยเสี่ยงทางชีววิทยาบางประการ สำหรับการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด ได้แก่ การเป็นเพศหญิง และกลุ่มผู้สูงอายุ ตัวเลขทางสถิติที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดเผยว่า
ผู้หญิงมีแนวโน้มได้รับการสั่งยานี้จากแพทย์มากกว่าผู้ชาย จึงมีการใช้เบนโซไดอะซีปีนมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ชาย การเป็นผู้สูงอายุก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดด้วยเช่นกัน เนื่องจากแพทย์อาจมีการสั่งยาอย่างไม่เหมาะสม สำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการซึมเศร้า
การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
การวินิจฉัยขึ้นอยู่กับข้อมูลจากประวัติสุขภาพ การตรวจ และการทดสอบในห้องปฏิบัติการ
ในการใช้ยาเฉียบพลัน การวินิจฉัยมักมีความชัดเจน เนื่องจากคุณหรือครอบครัวของคุณ สามารถแจ้งแพทย์ได้อย่างแน่ชัดว่า ใช้ยาอะไรบ้าง
การวินิจฉัยการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดเรื้อรัง อาจเป็นสิ่งที่ยากมากกว่า เนื่องจากผู้ใช้และครอบครัวของผู้ใช้ มักพยายามปิดบัง หรือไม่เปิดเผยสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
การดำเนินการของแผนกฉุกเฉินสำหรับการใช้ยาเกินขนาด ประกอบด้วยขั้นตอนการประเมินในเบื้องต้น แพทย์จะประเมินการหายใจ การดำเนินการส่วนที่เหลือ ขึ้นอยู่กับตัวคุณและอาการของคุณ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับสิ่งบ่งชี้และอาการต่างๆ หากคุณไม่ได้ตั้งใจจะยอมรับว่า มีการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด หรือสมาชิกในครอบครัวไม่ได้อยู่ด้วย เพื่อช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับประวัติการใช้ยา ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะปกปิดเกี่ยวกับการใช้ยาในทางที่ผิด
การเฝ้าระวังอาการและการทดสอบ
ส่วนใหญ่ที่ผู้เข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินเนื่องจากการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด จะถูกนำตัวไปวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต และการตรวจวัดออกซิเจนในเลือด (การวัดปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด) ก่อนจะเริ่มติดตั้งสารให้ยาทางหลอดเลือด และหากหายใจลำบาก หรือมีระดับความรู้สึกตัวลดลง ก็จะต้องให้ออกซิเจนด้วย
ในบางครั้งอาจมีการตรวจหายาในปัสสาวะ การทดสอบในห้องปฏิบัติการดังกล่าวนี้ สามารถตรวจจับการใช้ยาในทางที่ผิดที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ เบนโซไดอะซีปีน แต่ก็ยังไม่สามารถตรวจหาได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การตรวจหายาในปัสสาวะ ไม่สามารถบ่งชี้ได้ถึงระดับหรือปริมาณยาที่ใช้ได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ มักมีการตรวจปัสสาวะสำหรับการตั้งครรภ์ด้วย สำหรับผู้หญิงทั้งหมดที่อยู่ในช่วงอายุของการมีบุตร
หากแพทย์มีข้อกังวลว่าคุณอาจได้ใช้ยาอันตรายอื่นๆ ก็อาจมีการตรวจเลือด การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจเอ็กซเรย์หน้าอกร่วมด้วย
การรักษาการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
ภาวะพิษเฉียบพลัน
การรักษาที่จำเป็นมักขึ้นอยู่กับยาที่ใช้และปริมาณการใช้ ส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาประเมินในแผนกฉุกเฉินเพียงไม่นานเท่านั้น
หากมีการใช้ยาภายใน 1-2 ชั่วโมงที่ผ่านมา แพทย์อาจใช้วิธีการล้างท้อง (gastric lavage) ด้วยการสอดหลอดขนาดใหญ่ผ่านทางปากหรือจมูกเข้าไปในกระเพาะอาหาร ก่อนจะดันน้ำในปริมาณมากเข้าไปยังกระเพาะอาหาร เพื่อให้แรงดันน้ำชะล้างเศษยาออกไป วิธีการนี้มักไม่ใช้บ่อยนัก และจะใช้เฉพาะเมื่อทราบว่า คุณได้กลืนกินยาอันตรายไปแล้วเท่านั้น
สำหรับผู้ที่มาถึงห้องฉุกเฉินภายในเวลา 4 ชั่วโมงหลังจากใช้ยา แพทย์อาจรักษาด้วยการใช้ถ่านกัมมันต์ เพื่อป้องกันการดูดซึมตัวยา ถ่านกัมมันต์เป็นผงสีดำที่ผสมกับน้ำ ใช้สำหรับรับประทาน ผลข้างเคียง ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน และมีอาการปวดบีบที่ท้อง
มียาแก้พิษเพื่อต้านฤทธิ์ของเบนโซไดอะซีปีน ที่เรียกว่า ยาฟลูมาเซนิล (flumazenil) ยาดังกล่าวช่วยถอนฤทธิ์ระงับประสาทของเบนโซไดอะซีปีน อย่างไรก็ตาม ยานี้มักใช้สำหรับภาวะพิษรุนแรง เนื่องจากส่งผลให้เกิดการหยุดยา และอาการชัก ในผู้ที่ใช้ยาเบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิดแบบเรื้อรัง และยังอาจต้องมีการใช้ยาซ้ำ พร้อมทั้งมีการเฝ้าระวังอาการอย่างระมัดระวัง อันเป็นผลมาจากระยะเวลาการออกฤทธิ์ยาที่สั้น
การใช้ยาในทางที่ผิดแบบเรื้อรัง
การรักษาการใช้ยาในทางที่ผิดแบบเรื้อรัง มักดำเนินการที่บ้าน โดยอาศัยความช่วยเหลือจากแพทย์ หรือดำเนินการในศูนย์ฟื้นฟูอาการจากการใช้ยาโดยเฉพาะ ขั้นตอนแรก เป็นการลดการใช้ยาเบนโซไดอะซีปีนทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการลงแดงและอาการชัก
วิธีการนี้มักดำเนินการได้ง่ายกว่าการฟื้นฟูที่ใช้เวลานาน ซึ่งผู้ป่วยต้องพยายามกำจัดยาออกจากร่างกาย นอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ผู้ที่ใช้ยาในทางที่ผิด มักต้องการการสนับสนุนทางสังคม และความช่วยเหลือในการหาที่อยู่อาศัย และการทำงาน การมีส่วนร่วมของครอบครัวและเพื่อนมีส่วนช่วยอย่างยิ่งในระยะที่ยากลำบากนี้
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์หรือการเยียวยาตนเองที่จะช่วยจัดการกับการใช้เบนโซไดอะซีปีนในทางที่ผิด
หากคุณมีคำถาม คุณสามารถปรึกษาแพทย์ได้ แต่หากคุณสงสัยว่า มีผู้ที่ต้องได้รับการรักษาโดยทันที คุณควรไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลโดยตรง
หากคุณกังวลว่า คุณหรือบุคคลอื่นใช้ยาเกินขนาด สิ่งสำคัญคือต้องเข้ารับการรักษาทันทีที่แผนกฉุกเฉินหรือโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด หรือโทรไปขอความช่วยเหลือที่หมายเลขฉุกเฉินก็ได้ เนื่องจากหลังจากที่ใช้ยาเกินขนาด ฤทธิ์ยาอาจไม่เห็นผลได้ทันที
หากคุณนำภาชนะบรรจุยาติดตัวไปด้วย ก็จะช่วยแพทย์ได้มาก แพทย์จะได้สามารถระบุปริมาณ และประเภทของยาที่ใช้ได้ จึงทำให้การรักษารวดเร็วและตรงจุดขึ้น
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้ดีขึ้น
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด