เขียนโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงฉันทกา สุปิยพันธุ์ · จักษุวิทยา · คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลัน (Acute conjunctivitis) หรือ “โรคตาแดง (red eye)” เป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ตาแดงอาจมีสาเหตุมาจากภูมิแพ้ การบาดเจ็บตา หรือ
การใช้ยาหยอดตาบางประเภท ในบทความนี้จะเน้นถึง โรคตาแดงที่เกิดจากไวรัส (adenovirus) ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อสู่ผู้ใกล้ชิด เช่น คนในครอบครัวสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ โดยมากจะหายได้เองซึ่งแตกต่างจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรก็ตามในคนไข้บางรายไวรัสกระจายตัวจากเยื่อบุตา เข้าไปที่กระจกตาทำให้ การมองเห็นลดลง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ ระคายเคืองตามากขึ้น แม้ว่าอาการตาแดงและมีขี้ตาลดลงก็ตาม อย่างไรก็ตามโรคไวรัสเยื่อบุตาอักเสบสามารถรักษาให้หายขาดได้ และไม่พบว่ามีการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
เยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลันจากไวรัสพบได้บ่อย ในหน้าระบาดเช่นในฤดูฝน
เยื่อบุตาอักเสบจากแบคทีเรีย พบในเด็กได้บ่อยมากกว่าในผู้ใหญ่
เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ มักพบในผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ง่าย และเกิดร่วมกับระบบอื่นในร่างกาย เช่นภูมิแพ้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือได้รับตัวก่อภูมิแพ้ เช่นฝุ่น เกสรดอกไม้ ดอกหญ้าบางชนิดที่ผู้ป่วยแพ้
โปรดปรึกษากับหมอของคุณ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการที่พบเห็นบ่อยของเยื่อตาอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่
อาจมีอาการบางประเภทที่ไม่ได้ปรากฏอยู่ข้างบน ถ้าคุณมีความกังวลเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาจักษุแพทย์
หากคุณมีสัญญาณหรืออาการอะไรก็ตามที่เหมือนอาการตามด้านบน หรือ หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษานัดตรวจตากับจักษุแพทย์
เยื่อบุตาอักเสบเกิดได้จากแบคทีเรียหลายชนิด โดยแบคทีเรียที่พบบ่อยในการก่อโรคคือ สแตฟิโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เสตร็ปโทโคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae) แฮโมฟิลัส เอสพี (Haemophilus sp) คลามีเดีย (Chlamydia trachomatis เชื้อที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงตา) และไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhoeae) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเยื่อบุตาอักเสบจากเชื้อหนองใน ซึ่งเป็นผลมาจากการติอต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือทารกที่ผ่านการคลอดโดยวิธีธรรมชาติผ่านช่องคลอดที่มารดามีเชื้อหนองใน ก็จะทำให้ทารกแรกคลอดเกิดเยื่อบุตาอักเสบ (neonatal conjunctivitis) นอกจากเชื้อ Neisseris gonorrhoeae แล้วเชื้อ chlamydia ก็เป็นสาเหตุร่วมได้เช่นกันร้อยละ20-40
มีปัจจัยเสี่ยงมากมายของการเป็นเยื่อตาอักเสบ ได้แก่
ข้อมูลในที่นี้ไม่สามารถทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ กรุณาปรึกษากับหมอของคุณทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติม
โดยมากแพทย์จะวินิจฉัยจาก ประวัติและอาการที่ซักถามจะผู้ป่วย ร่วมกับอาการแสดงที่ได้จากการตรวจตาผ่านกล้อง slit-lamp biomicroscopy ก็จะสามารถแยกได้ว่าเกิดจากเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรีย เพราะฉะนั้นการน้ำขี้ตาไปป้ายลงแผ่น slideเพื่อวิเคราะห์ผ่านทางกล้องจุลทรรศน์ และย้อมสีด้วยแกรม (Gram) เพื่อระบุชนิดแบคทีเรีย และ/หรือย้อมสีด้วยเกียมซา (Giemsa) เพื่อระบุลักษณะของเซลล์เยื่อบุผิวของไซโตพลาสซึมของเม็ดเลือดขาว ในกรณีที่แทพย์คากว่าเกิดจากเชื้อคลามีเดีย หรือเพาะเชื้อเพื่อแยกว่าเป็นแบคทีเรียชนิดใดเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ยกเว้นในบางกรณีเช่น
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้จะช่วยรับมือกับเยื่อบุตาอักเสบเฉียบพลันได้
หากมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษากับหมอของคุณ เพื่อเข้าใจวิธีแก้ปัญหาที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับตัวคุณเอง
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
เขียนโดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงฉันทกา สุปิยพันธุ์
จักษุวิทยา · คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย