backup og meta

ช่วยตัวเอง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 04/07/2022

    ช่วยตัวเอง ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

    การช่วยตัวเอง หรือการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง (Masturbation) หมายถึง การสัมผัสหรือลูบไล้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายตนเอง เช่น อวัยวะเพศชาย อวัยวะเพศหญิง หน้าอก ทวารหนัก เพื่อให้เกิดความสุขทางเพศ การ ช่วยตัวเอง ถือเป็นกิจกรรมทางเพศที่ค่อนข้างปลอดภัย และการรู้ความต้องการทางเพศของตนเอง อาจทำให้สามารถสื่อสารกับคู่รักได้ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อชีวิตคู่หรือความสัมพันธ์ด้วย

    ข้อดีของการช่วยตัวเอง

    การช่วยตัวเองนอกจากจะดีต่อสุขภาพทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตแล้ว ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเพศที่ถือได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย เพราะอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นโรคหนองใน โรคเอดส์ โรคเริม เป็นต้น

    การกระตุ้นทางเพศ รวมไปถึงการช่วยตัวเองนั้นอาจให้ประโยชน์ดังต่อไปนี้

  • ช่วยบรรเทาความเครียดสะสม
  • ทำให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น
  • ทำให้อารมณ์ดีขึ้น
  • ทำให้การมีเซ็กซ์ดียิ่งขึ้น
  • ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ
  • ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
  • การช่วยตัวเองยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการปลดปล่อยอารมณ์ หากไม่สะดวกจะมีเพศสัมพันธ์ เช่น เวลาตั้งครรภ์ ซึ่งหลายคนอาจไม่กล้ามีเซ็กซ์ในช่วงนี้ การช่วยตัวเองจึงอาจเป็นหนทางในการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศในช่วงตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยที่สุดทั้งกับแม่และทารกในครรภ์

    นอกจากนี้ การช่วยตัวเองยังช่วยให้รู้จักตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้รู้ว่าตัวเองมีความต้องการแบบไหน ชอบการกระตุ้นแบบไหน และต้องทำอย่างไร ร่างกายจึงจะรู้สึกดีที่สุด ถึงจุดสุดยอดได้ดีที่สุด ทั้งยังทำให้รู้สึกคุ้นเคยและสบายใจกับการมีเพศสัมพันธ์ได้มากขึ้น

    คู่รักหลาย ๆ คู่ใช้การช่วยตัวเองเป็นเครื่องมือในการเพิ่มรสชาติเซ็กซ์ และเป็นแนวทางบอกคนรักว่าต้องทำอย่างไร ตัวเองถึงจะรู้สึกดี ทำให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดี และพึงพอใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายมากยิ่งขึ้น

    ช่วยตัวเอง ถือเป็นเรื่องผิดปกติหรือไม่

    การช่วยตัวเองถือเป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย เพราะไม่ทำให้เสี่ยงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมักไม่ทำให้บาดเจ็บแต่อย่างใด

    ช่วยตัวเองบ่อยแค่ไหนถึงจะถือว่ามากไป

    การช่วยตัวเองเป็นประจำ ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ หรือทุกวันนั้นยังนับได้ว่าเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่การช่วยตัวเองของยังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แต่เมื่อไหร่ที่การช่วยตัวเองทำให้อาการดังต่อไปนี้ อาจถือได้ว่ากำลัง เสพติดการช่วยตัวเอง

    • โดดงานหรือโดดเรียน
    • ไม่มีสมาธิตลอดวัน
    • หมกหมุ่นอยู่แต่กับความคิดเรื่องเพศ
    • ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

    การเสพติดการช่วยตัวเองสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ และการใช้ชีวิต เพราะนอกจากจะทำให้ไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันตามปกติแล้ว ยังอาจทำให้ละเลยหรือไม่สนใจคนรัก และทำให้ความสัมพันธ์หรือชีวิตคู่มีปัญหาได้

    หากกังวลว่าตัวเองจะเสพติดการช่วยตัวเอง สามารถปรึกษาคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีลดความถี่ในการช่วยตัวเอง หรืออาจเบี่ยงเบนความสนใจไปทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การออกกำลังกาย ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำงานอดิเรก แทนการช่วยตัวเองก็ได้เช่นกัน

    การช่วยตัวเอง ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงจริงหรือเปล่า

    สำหรับผู้หญิงนั้น การช่วยตัวเองนอกจากจะไม่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงแล้ว ยังอาจเป็นตัวช่วยให้สมรรถภาพทางเพศในผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกด้วย มีงานวิจัยที่พบว่า ผู้หญิงทำการช่วยตัวเองด้วยการใช้ไวเบรเตอร์ (Vibrator) จะมีความต้องการทางเพศ อารมณ์ทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศเพิ่มมากขึ้น ผู้หญิงบางคนที่ช่องคลอดแห้งก็อาจจะมีน้ำหล่อลื่นเพิ่มมากขึ้น

    ในขณะเดียวกัน ผู้ชายที่ทำการช่วยตัวเองด้วยไวเบรเตอร์ ก็อาจจะมีสมรรถภาพทางเพศที่เพิ่มมากขึ้น และช่วยแก้ปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวได้ แต่ด้วยเทคนิคบางอย่าง เช่น การบีบอวัยวะเพศชายขณะช่วยตัวเองแรงเกินไป อาจส่งผลกระทบให้ความต้องการทางเพศ ให้ผู้ชายที่ช่วยตัวเองนั้นมีสมรรถภาพทางเพศลดลงได้ จึงควรเปลี่ยนเทคนิคการช่วยตัวเองให้เหมาะสม เพื่อทำให้สมรรถภาพทางเพศกลับมาเป็นปกติดังเดิม

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 04/07/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา