แม้เอสโตรเจนจะได้ชื่อว่าเป็นฮอร์โมนเพศหญิง แต่ก็มีความสำคัญกับเพศชายไม่น้อย ผู้ชายที่มีเอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรนสมดุลกัน ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะสามารถทำงานได้ง่ายเต็มประสิทธิภาพ แต่หากฮอร์โมนเพศเสียสมดุล หรือการที่ผู้ชายมี เอสโตรเจนสูง เกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายด้าน ตั้งแต่ภาวะอารมณ์แปรปรวน น้ำหนักขึ้น อวัยวะไม่แข็งตัว ไปจนถึงโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
[embed-health-tool-bmr]
เอสโตรเจนสำคัญกับผู้ชายอย่างไร
ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำหน้าที่สำคัญและอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ชายในหลายด้าน เช่น
- ช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
- ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคกระดูกพรุน
- ช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง
- มีผลกับการทำงานของสมองและอารมณ์ต่าง ๆ
- ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
- ส่งผลต่อสุขภาพผิวหนัง และสุขภาพทางเพศ
หากระดับเอสโตรเจนของผู้ชายอยู่ในระดับปกติ สมดุลกับระดับของเทอโทสเตอโรน ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป สุขภาพของผู้ชายก็จะสมบูรณ์แข็งแรง
สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายมีเอสโตรเจนสูง
สำหรับสาเหตุที่อาจทำให้ผู้ชายมีเอสโตรเจนสูง มีดังนี้
อายุที่มากขึ้น
ความแก่ชรา หรืออายุที่มากขึ้น อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในร่างกายของผู้ชายค่อย ๆ ลดลง ในขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนกลับสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เอนไซม์อะโรมาเทส
เอนไซม์อะโรมาเทส (Aromatase) เป็นเอนไซม์ที่เปลี่ยนฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมาเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยปกติแล้วจะเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ แต่หากมีพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ไม่ออกกำลังกายจนมีไขมันสะสม กินอาหารแปรรูปบ่อย ๆ เครียดง่ายหรือเครียดเรื้อรัง ก็อาจทำให้ระดับเอนไซม์อะโรมาเทสในร่างกายสูงขึ้นไปอีก
ไขมันสะสมในร่างกาย
หากไม่ค่อยออกกำลังกายจนมีไขมันสะสมในร่างกายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไขมันบริเวณหน้าท้อง รอบเอว ก็อาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายยิ่งสูงขึ้น เนื่องจากเซลล์ไขมันมีส่วนช่วยในการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน
ฮอร์โมนสิ่งแวดล้อม
ฮอรโมนสิ่งแวดล้อม บางครั้งเรียกว่า ซีโนเอสโตรเจน (Xenoestrogen) หรือสารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ (Endocrine Disruptor) อาจพบได้ในผลิตภัณฑ์รอบตัวมากมาย เช่น พลาสติก ยาฆ่าแมลง น้ำยาทำความสะอาด เนื้อสัตว์ที่เร่งด้วยฮอร์โมน เครื่องสำอาง รวมไปถึงในสิ่งแวดล้อม เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเลียนแบบและทำปฏิกิริยาเช่นเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล
สัญญาณและอาการที่ควรรู้
ผู้ชายมีเอสโตรเจนสูงเกินไป อาจทำให้เทสโทสเตอโรนในร่างกายลดลง จึงมักมีอาการของภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำควบคู่ไปด้วย ซึ่งอาจสังเกตุได้จากสัญญาณและอาการต่าง ๆ ดังนี้
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หมดพลังงาน
- นอนไม่หลับ เพราะปวดปัสสาวะบ่อย และมีเหงื่อออกตอนกลางคืน
- มวลกล้ามเนื้อลดลง
- มีไขมันหน้าท้อง หรืออ้วนลงพุง
- เต้านมใหญ่ขึ้น หรือที่เรียกว่าเต้านมโตในผู้ชาย (Gynecomastia)
- มีปัญหาสุขภาพทางเพศ เช่น ความต้องการทางเพศลดลง อวัยวะเพศไม่แข็งตัวตอนเช้า หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- มีปัญหาด้านอารมณ์ โดยเฉพาะอาการซึมเศร้า
- เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
- เกิดภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia หรือ BPH) จนทำให้มีปัญหาในการปัสสาวะ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ด้วย
เอสโตรเจนสูง ลดและควบคุมได้อย่างไร
เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงขึ้น ผู้ชายที่เอสโตรเจนสูงอาจลดระดับเอสโตรเจนในร่างกาย และควบคุมฮอร์โมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สมดุลกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้
กินผักตระกูลกะหล่ำ (Cruciferous vegetables)
เช่น กะหล่ำปลี บร็อคโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำดาว บ็อกชอย หรือผักฉ่อย ที่อุดมไปด้วย สารประกอบกำมะถัน ที่เรียกว่า กลูโคซิโนเลต (Glucosinolates) หนึ่งในสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Compound) ที่ช่วยลดเอสโตรเจน และขจัดเอสโตรเจนส่วนเกินออกจากร่างกาย
เพิ่มโฟเลต วิตามินบี 12 บีเทน และโคลีนให้กับร่างกาย
เนื่องจากสารอาหารกลุ่มนี้จัดอยู่ในสารกลุ่มที่ให้เมทิลแก่สารอื่น (Methyl Donor) ซึ่งจะไปช่วยให้กระบวนการทางชีวเคมีที่เรียกว่า การเติมหมู่เมทิล (methylation) มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจช่วยส่งเสริมการเผาผลาญของเอสโตรเจน และการขจัดเอสโตรเจนส่วนเกิน
กินอาหารเสริมที่มีสารสกัด Indole-3-Carbinol (I3C) และ Diindolylmethane (DIM)
ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่พบได้ในผักตระกูลกะหล่ำ เพื่อช่วยลดระดับเอสโตรเจนในร่างกาย และปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
เพิ่มไฟเบอร์ ออกกำลังเป็นประจำ และลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี
วิธีเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดอาการเอสโตรเจนสูงเกินไปในผู้ชายได้แล้ว ยังอาจส่งผลให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้นได้ด้วย
ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เพราะอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเลือดสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์บางชนิดยังมีแคลอรี่สูง การดื่มบ่อย ๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวขึ้น จนส่งผลให้ฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอโรนลดลงด้วย
หากควบคุมและลดฮอร์โมนเอสโตรเจนด้วยตัวเองตามวิธีเหล่านี้แล้วไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องตรงจุด