ฝ้าแดด มีสาเหตุหลักมาจากผิวถูกแสงแดดเป็นเวลานาน จนส่งผลให้ผิวหมองคล้ำเป็นปื้นใหญ่ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวแห้งกร้าน ซึ่งมักจะไม่มีอาการรุนแรงแต่ก็อาจลดความมั่นใจเมื่อต้องพบปะผู้คน และบางคนอาจใช้เครื่องสำอางกลบรอยฝ้าตลอดเวลาจนเสี่ยงต่อการเกิดสิวได้ ดังนั้น หากสังเกตว่ามีปัญหาฝ้าแดดควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำการดูแลผิวที่ช่วยป้องกันฝ้าแดด
[embed-health-tool-bmi]
ฝ้าแดด เกิดจากอะไร
ฝ้าแดด เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีจากแสงแดดที่กระตุ้นให้เมลาโซไนต์ (Melanocyte) ซึ่งเป็นเซลล์ผิวหนังผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้สีผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบเป็นฝ้าแดด ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแห้งกร้าน ผิวหมองคล้ำ อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้หากปล่อยแสงแดดทำร้ายผิวเป็นเวลานาน
อาการของฝ้าแดด
อาการของฝ้าแดด มีดังนี้
- ผิวหนังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เช่น ใบหน้า แขน หลัง หน้าอก มีสีคล้ำเป็นปื้นใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากกระที่เป็นจุดดำเล็ก ๆ
- สีผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้าแดดมีสีน้ำตาลหรือสีเทา ที่ดูเข้มกว่าสีผิวปกติ
- ผิวหมองคล้ำ
- ผิวแห้งกร้าน โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นฝ้าแดด
การรักษาฝ้าแดด
การรักษาฝ้าแดด อาจทำได้ดังนี้
- ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) คือครีมทาเฉพาะที่ ใช้เพื่อช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสี ทำให้รอยฝ้าจางลง และช่วยลดจุดด่างดำจากฝ้าแดด โดยควรทาวันละ 2 ครั้ง หรือตามที่คุณหมอแนะนำ หากสังเกตว่ามีอาการคัน ผิวบวม ผิวแดง ควรล้างออกและหยุดใช้ทันทีและควรแจ้งให้คุณหมอทราบ
- เตรทติโนอิน (Tretinoin) มีในรูปแบบครีม เจล และสารละลาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยฝ้าและจุดด่างดำขนาดเล็ก ใช้เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ โดยควรทาผิวที่ได้รับผลกระทบวันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) มีในรูปแบบเจล ใช้เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้รอยฝ้าแดดดูจางลง โดยควรทาบริเวณที่ได้รับผลกระทบวันละ 1-3 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของคุณหมอ
- การลอกผิวด้วยสารเคมี คุณหมอจะใช้สารเคมีสำหรับลอกผิว เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออกและกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งอาจช่วยให้รอยฝ้าแดดจางลง
- การเลเซอร์ คือการใช้ลำแสงที่มีความเข้มข้นสูงยิงเข้าสู่ผิวบริเวณที่ได้รับผลกระทบซึ่งอาจช่วยลดรอยจุดด่างดำ ทำให้รอยฝ้าแดดดูจางลง แต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาบ่อยครั้งและควรดูแลผิวให้เหมาะสมตามคำแนะนำของคุณหมอร่วมด้วย
- การฉีดพลาสมา ทำได้โดยการเจาะเลือดเพื่อนำไปเข้าเครื่องแยกเกล็ดเลือด จากนั้นจะใช้เข็มดูดเกล็ดเลือดที่แยกตัวด้านบนมาฉีดบริเวณที่เป็นฝ้าแดด ซึ่งอาจช่วยลดรอยฝ้าแดดและทำให้สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น
วิธีป้องกันฝ้าแดด
วิธีป้องกันฝ้าแดด อาจทำได้ดังนี้
- สวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมผิว เช่น เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว หมวกปีกกว้าง แว่นตากันแดด รวมถึงควรใช้ร่มกันแดดเมื่อจำเป็นต้องออกไปเผชิญกับแสงแดด
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA+++ สำหรับครีมกันแดดกลุ่ม Chemical Sunscreen ควรทาอย่างน้อย 15 นาที ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการตากแดดหรือการอาบแดด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่แดดจัด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและสบู่ที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม รวมถึงหลีกเลี่ยงการโกนขน การแว็กซ์ขนและการขัดผิวรุนแรง เพราะอาจส่งผลให้ผิวหนังระคายเคือง ผิวอักเสบและอาจส่งผลให้อาการฝ้าแดดที่เป็นอยู่แย่ลง