หน้าโทรม เป็นลักษณะของผิวหนังบริเวณใบหน้าที่มีสภาพหมองคล้ำ ไม่สดใส และเต็มไปด้วยริ้วรอย มักเกิดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น หรือเมื่อละเลยสุขภาพตัวเอง เช่น การนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง/คืน ดื่มน้ำน้อยกว่าที่ควร หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ อย่างไรก็ตาม หน้าโทรมอาจฟื้นฟูให้ดีขึ้นได้ ด้วยการดื่มน้ำในปริมาณมาก นอนหลับให้เพียงพอ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมทั้งเข้ารับการฉายแสงเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ในผิวหนัง ซึ่งอาจช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงดูสดใสขึ้นและลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ให้แลดูจางลง
[embed-health-tool-ovulation]
หน้าโทรมเกิดจากสาเหตุใด
การมีผิวหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส เต็มไปด้วยริ้วรอย หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า หน้าโทรม นั้นมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี (Ultraviolet หรือ UV) หากผิวหนังโดนรังสียูวีที่อยู่ในแสงอาทิตย์เป็นเวลานาน อาจทำให้หน้าโทรมหรือดูแก่กว่าวัยได้ เนื่องจากรังสียูวีจะทำลายโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน (Elastin) ซึ่งเป็นโปรตีนในผิวหนังที่ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ชุ่มชื้น หรือดูอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ รังสียูวียังมีคุณสมบัติกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซท์ (Melanocytes) ในผิวหนังกำพร้าให้สร้างเมลานิน (Melanin) หรือเซลล์เม็ดสีผิว จนผิวหนังบริเวณหน้าผาก จมูก หรือแก้ม มีสีเข้มขึ้นหรือเป็นฝ้าได้
- การขาดความชุ่มชื้น การดื่มน้ำปริมาณน้อยกว่าที่ร่างกายเสียไป เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง หมองคล้ำ โทนสีไม่สม่ำเสมอ และเห็นริ้วรอยต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น
- การพักผ่อนน้อย ร่างกายของมนุษย์จะสร้างคอลลาเจนขณะหลับ การนอนไม่เพียงพอหรือการนอนหลับเพียง 5 ชั่วโมง/คืน ทำให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อย ผิวหนังไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ เพิ่มโอกาสให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้มากกว่าการนอนหลับยาว 7 ชั่วโมง/คืนถึง 2 เท่า
- การสูบบุหรี่ สารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่ออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดแคบลง ส่งผลให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดน้อยกว่าปกติ ผิวหน้าจึงหมองคล้ำและแห้งลง นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ยังทำลายโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าสูญเสียความหยืดหยุ่น มีริ้วรอยต่าง ๆ มากขึ้น และดูแก่กว่าวัย งานวิจัยชินหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และสภาพผิวหนังเสื่อมโทรมก่อนวัย ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Dermatological Science ปี พ.ศ. 2550 อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยต่าง ๆ ได้ข้อสรุปว่า การสูบบุหรี่จะทำให้ผิวหนังเสื่อมโทรมเร็วขึ้นกว่าปกติ รวมทั้งเป็นสาเหตุของอาการแผลหายช้าและเสี่ยงโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด
- อายุที่มากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง ผิวหนังจึงสูญเสียความยืดหยุ่นและแห้งกร้านกว่าเดิม นอกจากนี้ การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง ยังทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาและร่องแก้มหย่อนคล้อยจนเห็นได้ชัดขึ้น
- ความเครียด ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำลายคอลลาเจนได้เร็วขึ้น
หน้าโทรม ฟื้นฟูได้อย่างไร
เมื่อรู้สึกว่าหน้าโทรม ควรดูแลตัวเองเพื่อช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส ไม่หมองคล้ำ และริ้วรอยดูจางลงด้วยวิธีการต่อไปนี้
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อรักษาสมดุลของปริมาณน้ำที่ร่างกายเสียไปขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ และช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะการอาบน้ำร้อนจะทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำมันจากต่อมใต้ผิวหนัง ควรอาบน้ำอุณหภูมิปกติเพื่อช่วยคงความชุ่มชื้นของผิวหนัง และป้องกันผิวแห้ง
- บำรุงผิวหน้าด้วยเซรั่มและมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ที่อุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวหน้า อย่างวิตามินซี วิตามินอี ไบคาเลน (Baicalein) หรือเรสเวอราทรอล (Resveratrol) งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับคุณสมบัติของวิตามินอี ไบคาเลน และเรสเวอราทรอล ต่อความเสียหายของผิวหนังที่เกิดจากแสงอาทิตย์ เผยแพร่ในวารสาร Journal of Drugs in Dermatology ปี พ.ศ. 2556 ระบุว่า เรสเวอราทรอลมีคุณสมบัติต้านการเสื่อมโทรมของผิวหนัง ด้วยการส่งเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และช่วยลดอันตรายของอนุมูลอิสระต่อผิวหนัง นอกจากนี้ งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นยังสนับสนุนว่า เรสเวอราทรอล รวมทั้งวิตามินอีและไบคาเลน มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวหนังที่เสียหายจากแสงอาทิตย์
- ฉายแสงเลเซอร์บริเวณใบหน้า เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น โดยทั่วไป ผลลัพธ์จากการฉายแสงเลเซอร์จะคงอยู่ราว ๆ 1-2 เดือน และควรได้รับการฉายแสงเลเซอร์อย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลชัดเจน
- ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน เพื่อป้องกันผิวหนังเสียหายหรือเสื่อมโทรมจากรังสียูวีในแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ ควรเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ด้วยการนอนหลับให้เต็มอิ่มหรือคืนละ 7-9 ชั่วโมง
- เลิกสูบบุหรี่ เพื่อฟื้นฟูการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกายและป้องกันหลอดเลือดอุดตันจนทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ แก่กว่าวัย