ผื่นแพ้อากาศหนาว หรือลมพิษจากการสัมผัสความเย็น เป็นภาวะภูมิแพ้ผิวหนังที่เกิดจากการผิวหนังสัมผัสกับความเย็น เช่น น้ำเย็นจัด อากาศหนาว จนทำให้มีผื่นแดงและคันผิวหนัง ร่วมกับมีอาการอื่น ๆ เช่น ปากบวม คอบวม ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ ปวดแสบบริเวณที่สัมผัสกับความเย็น อาการแพ้อาจหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือบางกรณีอาจใช้เวลา 1-2 วัน ผื่นแพ้อากาศหนาวอาจรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้แพ้ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการแพ้
[embed-health-tool-bmi]
ผื่นแพ้อากาศหนาว เกิดจากอะไร
ผื่นแพ้อากาศหนาวหรือลมพิษจากการสัมผัสความเย็น (Cold urticaria หรือ Hives) เป็นภาวะผิวหนังที่ทำให้เกิดผื่นแดงคันบนผิวหนัง อาจเกิดจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้อย่างอากาศที่เย็นกว่าปกติ สัมผัสกับน้ำเย็นจัดอย่างกะทันหัน หยิบจับวัตถุที่มีความเย็น หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นและมีลมแรงก็อาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นได้
นอกจากนี้ ผื่นแพ้อากาศหนาวยังอาจเกิดร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ แมลงกัดต่อย พันธุกรรม โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งเม็ดเลือด หากผิวหนังความเย็นสัมผัสกับผิวหนังอย่างเต็มที่ อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้รุนแรง และส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพหรืออุบัติเหตุได้ เช่น เกิดผื่นแพ้อาการหนาวตอนว่ายน้ำเย็นจัด อาจทำให้หมดสติและจมน้ำได้
ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดผื่นลมพิษได้ อาจมีดังนี้
- การออกกำลังกายหรือการทำกิจกรรมทางกาย
- ความเครียดและความวิตกกังวล
- การสัมผัสกับแสงแดด
- ไข้หวัด
- การเกาผิวหนัง
- การสัมผัสกับสารเคมี
- การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสรดอกไม้ ขนสัตว์ อาหาร
- พฤติกรรมที่สร้างแรงกดบริเวณผิวหนัง เช่น การนั่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน
ประเภทของผื่นแพ้อากาศหนาว
ผื่นแพ้อากาศหนาวอาจแบ่งประเภทได้ดังนี้
- Essential cold urticaria ผื่นแพ้อากาศหนาวที่เกิดขึ้นได้ในทันทีหรือภายใน 2-5 นาทีหลังสัมผัสความเย็น และอาการมักหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง
- Familial cold urticaria ผื่นแพ้อากาศหนาวที่เกิดขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังสัมผัสความเย็น ส่วนใหญ่อาการมักหายไปภายใน 24 ชั่วโมง แต่บางครั้งก็อาจมีอาการนานถึง 48 ชั่วโมง
อาการของผื่นแพ้อากาศหนาว
อาการของผื่นแพ้อากาศหนาวอาจแตกต่างไปในแต่ละคน โดยอาการที่พบบ่อย มีดังนี้
- มีผื่นคันหรือลมพิษขึ้นตามผิวหนังหลังผิวหนังสัมผัสความเย็น
- ผิวหนังที่สัมผัสกับความเย็นบวมขึ้น
- ปากบวมจากการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มเย็น ๆ
- ปวดศีรษะหรือวิงเวียนศีรษะ
- ปวดแสบผิวหนังบริเวณที่สัมผัสความเย็น
อาการผื่นแพ้อากาศหนาวรุนแรง อาจมีดังนี้
- เกิดภาวะภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เนื่องจากระบบภายในร่างกายมากกว่า 1 ระบบมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้อย่างอากาศที่หนาวเย็น จนอาจทำให้เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว แขนขาหรือลำตัวบวม อาจถึงขั้นมีอาการช็อก หรือร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
- มีอาการหายใจลำบากเนื่องจากลิ้นและคอบวม
วิธีรักษา ผื่นแพ้อากาศหนาว
คุณหมออาจรักษาผื่นแพ้อากาศหนาวด้วยการให้ใช้ยาแก้แพ้ (Antihistamine) เช่น ไซโปรเฮปทาดีน (Cyproheptadine) อาจช่วยลดอาการทางผิวหนังอย่างผื่นแดงคันที่เกิดจากการสัมผัสความเย็นได้ และคุณหมอยังอาจสั่งจ่ายยา เช่น เพรดนิโซโลน (Prednisolone) โอมาลิซูแมบ (Omalizumab) ให้เพิ่มเติม ในกรณีที่ใช้ยาชนิดอื่นแล้วอาการไม่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องสัมผัสกับความเย็นเป็นประจำ อาจเสี่ยงเกิดภาวะภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลันที่เป็นอันตรายต่อชีวิต คุณหมออาจแนะนำให้พกยาฉีดอะดรีนาลีนหรืออีพิเพ็น (Adrenaline/Epipen) ติดตัวไว้เสมอ หากเกิดอาการให้รีบปฐมพยาบาลด้วยการฉีดอะดรีนาลีนหรืออีพิเพ็น แล้วรีบไปพบคุณหมอ
วิธีป้องกัน ผื่นแพ้อากาศหนาว
วิธีป้องกันผื่นแพ้อากาศหนาว อาจทำได้ดังนี้
- หากเคยมีอาการผื่นแพ้อากาศหนาวมาก่อน ควรรับประทานยาแก้แพ้ที่สั่งจ่ายโดยคุณหมอหรือที่มีจำหน่ายตามร้านขายยาก่อนไปสัมผัสความเย็น
- ควรตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำก่อนว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ และไม่ควรไปว่ายน้ำเพียงลำพัง
- ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกจนเกิดอาการคัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน เพราะอาจกระตุ้นให้อาการคันแย่ลง
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำให้ผิวหนังสัมผัสกับความเย็นจนเกิดเสี่ยงอาการแพ้ เช่น การรับประทานอาหารเย็น ๆ อย่างอาหารแช่เย็น ไอศกรีม เครื่องดื่มใส่น้ำแข็ง การใช้แผ่นมาสก์หน้าที่เย็นจัด
- หากต้องไปในพื้นที่หนาวเย็น ควรสวมเสื้อผ้าที่มิดชิด สวมหมวก และผ้าพันคอ เพื่อไม่ให้ความเย็นสัมผัสร่างกายมากเกินไป