การปล่อยให้ผิวโดน แสงแดด เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีการป้องกัน อาจทำให้ผิวถูกทำร้ายได้ เช่น สีผิวคล้ำขึ้น ผิวไหม้ สีผิวไม่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง รวมถึงทำให้ผิวแก่ก่อนวัยอันควร ดังนั้น เมื่อต้องออกนอกบ้าน ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ก่อนออกจากบ้าน 20 นาที เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง
แสงแดด ทำร้ายผิวอย่างไร
การเผชิญกับแสงแดดมากเกินไป โดยขาดการป้องกัน อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง และผิวแก่ก่อนวัย อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ดังนี้
ผิวคล้ำขึ้นและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
ผิวจะเพิ่มการผลิตเม็ดสี หรือที่เรียกกว่า เมลานิน (Melanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่มีสีน้ำตาลเข้มอยู่ในผิวหนังอิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวหนังชั้นนอกสุด เมื่อเมลานินเพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้ผิวมีสีคล้ำขึ้น แต่เมลานินก็อาจมีส่วนช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด แต่หากเมลานินถูกผลิตมากเกินไปอาจทำให้ผิวดูคล้ำขึ้นหรือผิวเป็นสีแทน ในบางกรณีแสงแดดอาจทำให้การผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นอย่างไม่สม่ำเสมอ จนส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ แสงยังอาจทำให้เส้นเลือดฝอยขยายออกอย่างถาวร อาจส่งผลให้ผิวมีรอยด่าง และมีรอยแดงปรากฏขึ้น
ผิวแห้ง
การเผชิญกับแสงแดดอาจทำให้ผิวค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื้น และน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง ขาดน้ำจนลอกเป็นขุย และอาจมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร
ผิวไหม้แดด
ผิวไหม้แดด (Sunburn) คือ อาการบาดเจ็บผิวหนังที่อาจเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ผิวเผชิญกับรังสียูวี อาการผิวไหม้แดดที่ไม่รุนแรง อาจทำให้ผิวแดงและเจ็บปวดเล็กน้อย แต่อาการไหม้แดดที่รุนแรงอาจทำให้เกิดเม็ดพุพอง (Vesicles) หรือเกิดตุ่มพองขนาดใหญ่
การเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของคอลลาเจนผิวหนัง
โฟโตเอจจิง (Photoaging) คือ ภาวะผิวแก่ก่อนวัย อาจมีสาเหตุมาจากการเผชิญกับรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (Dermis)
นอกจากนี้ รอยช้ำห้อเลือด (Senile Purpura) อาจเกิดจากการที่ผิวโดนแสงแดดมากเกินไปได้เช่นกัน โดยเกิดขึ้นเนื่องจากรังสียูวีทำร้ายโครงสร้างของคอลลาเจนที่รองรับผนังของเส้นเลือดฝอยของผิวหนัง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ซึ่งอาจส่งผลทำให้หลอดเลือดมีความเปราะบางมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะแตกออกหากถูกกระทบเล็กน้อย
ผู้ที่ต้องระวังแสงแดดเป็นพิเศษ
ทุกคนอาจได้รับผลกระทบจากการได้รับแสงยูวีมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่ต้องอยู่กลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน ๆ ควรป้องกันผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ ยังอาจมีคนบางกลุ่มที่ต้องระวังแสงแดดเป็นพิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ ดังนี้
- ผู้ที่มีผิวสีซีด
- ผู้ที่มีผมสีบลอนด์ สีแดง หรือสีน้ำตาลอ่อน
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
- ผู้ที่สมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง
การป้องกันผิวจาก แสงแดด
สำหรับวิธีการป้องกันผิวจากแสงแดดอาจทำได้ ดังนี้
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ โดยควรเลือกครีมกันแดดที่กันน้ำ และมีค่า SPF 50 นอกจากนี้ ยังควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี รวมถึงควรทาครีมกันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมง
- ควรใช้ลิปสติกที่มีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด เพื่อป้องกันแสงแดดทำร้ายผิวริมฝีปาก
- จำกัดเวลาที่อยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะในช่วงที่แดดจัดในเวลาประมาณ 10.00-14.00 น.
- สวมแว่นตา ที่สามารถป้องกันรังสียูวี
- สวมกางเกงขายาว เสื้อแขนยาว และหมวก เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดด
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวเสียหายจากแสงแดดเพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดแอลฟาไฮดรอกซี (Alpha-Hydroxy Acids หรือ AHA) ซึ่งอาจทำให้ผิวได้รับผลกระทบจากแสงแดดได้ง่าย
เมื่อไหร่ที่ควรไปพบคุณหมอ
ควรไปพบคุณหมอผิวหนังทันที หากมีอาการเหล่านี้
- ผิวแห้ง และไม่มีปฏิกิริยาเวลาใช้ครีมบำรุง
- ผิวไหม้แดดอย่างรุนแรงจนเกิดความเจ็บปวด และไม่สามารถนอนหลับได้หรือไม่สามารถใส่เสื้อผ้าได้
- ไฝเกิดการเปลี่ยนแปลง
- มีเลือดออกผิดปกติบนผิวหนัง หรือผิวฟกช้ำได้ง่าย
[embed-health-tool-heart-rate]