ผื่นกุหลาบ เป็นโรคทางผิวหนังที่ไม่รุนแรงนัก ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ผื่นที่เกิดขึ้นมักปรากฏให้เห็นหลังจากติดเชื้อประมาณ 6-12 สัปดาห์ โดยจะเริ่มจากมีจุดวงกลมหรือวงรีขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณหน้าอก หน้าท้อง หลัง ต้นแขน ต้นขา และคอ ก่อนจะมีผื่นกลมเล็ก ๆ ขึ้นกระจายที่ลำตัว โดยทั่วไปอาจเกิดขึ้นระหว่างช่วงอายุ 10-35 ปี โดยปกติอาจหายไปเองภายใน 1-3 เดือน
[embed-health-tool-bmr]
ผื่นกุหลาบ คืออะไร
ผื่นกุหลาบ เป็นโรคผิวหนังที่ไม่ค่อยรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลให้เกิดผื่นขึ้นบริเวณหน้าอก หลัง ต้นแขน ต้นขา และคอ โดยผื่นจะปรากฏขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป 6-12 สัปดาห์ และอาจหายไปเองภายใน 1-3 เดือน โดยไม่ต้องเข้ารับการรักษา ทั้งยังไม่สามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นโดยการสัมผัส ผื่นกุหลาบมักส่งผลกระทบต่อเด็ก ผู้ใหญ่ และวัยรุ่นในช่วงอายุ 10-35 ปี แต่สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วมักจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
สำหรับสตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์แล้วเป็นผื่นกุหลาบ อาจประสบปัญหาตามบริเวณหน้าอก และขาหนีบเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งอาจลุกลามไปยังภายในบริเวณช่องปาก จนเกิดอาการคันอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด หรือเพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตรได้มากขึ้น คุณแม่ควรตรวจสุขภาพร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และรีบเข้าขอคำปรึกษาจากคุณหมอทันที
อาการของผื่นกุหลาบ
บางคนอาจรู้สึกไม่สบาย เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดข้อ ไม่กี่วันก่อนผื่นขึ้น จากนั้น ผื่นจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ดังนี้
- ระยะแรก ผิวหนังจะตกสะเก็ดเป็นรูปวงรีสีชมพูหรือแดง ที่เรียกว่า ผื่นแจ้งข่าว หรือ ผื่นแจ้งโรค (Herald Patch) ขนาดประมาณ 2-10 เซนติเมตร โดยจะปรากฏอย่างน้อย 2 วัน ก่อนจะเกิดผื่นกระจายเป็นวงกว้าง ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณท้อง หน้าอก คอ หลัง
- ระยะที่ 2 ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผื่นจะมีลักษณะเป็นขุยเล็ก ๆ จำนวนมาก ขนาดไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร แพร่กระจายเป็นวงกว้างบริเวณหน้าอก หลัง ท้อง คอ ต้นแขน ต้นขา และอาจมีอาการคัน ระคายเคืองร่วมด้วย
โดยผื่นทั้ง 2 ระยะจะปรากฏอยู่ 2-12 สัปดาห์ แต่ในผู้ป่วยบางรายผื่นอาจจะปรากฏอยู่นานถึง 5 เดือน แล้วค่อย ๆ หายไปเอง
สาเหตุของผื่นกุหลาบ
ผื่นกุหลายยังไม่พบสาเหตุของการเกิดที่แน่ชัด แต่หลักฐานบางอย่างบ่งชี้ว่า ผื่นกุหลาบอาจเกิดจากไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes Virus) แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม ซึ่งผื่นกุหลาบไม่ใช่โรคติดต่อผ่านการสัมผัส
วิธีรักษาผื่นกุหลาบ
ก่อนทำการรักษา คุณหมอมักจะวินิจฉัยได้ด้วยการมองเห็น นอกจากนั้น ยังอาจให้ตรวจเลือด ขูด หรือตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งการทดสอบเหล่านี้อาจขจัดปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น กลาก โรคสะเก็ดเงิน ซิฟิลิส ผื่นกุหลาบอาจหายไปเองใน 8-10 สัปดาห์ หรืออาจมากน้อยกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล นอกจากนั้น คุณหมออาจบรรเทาอาการคันด้วยวิธีเหล่านี้
- ยาต้านฮีสตามีน ซึ่งมักใช้รักษาอาการแพ้
- ยาเฉพาะที่ที่จำหน่ายตามร้านขายยา เช่น คาลาไมน์ (Calamine) ซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide)
- ผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวนุ่มและชุ่มชื้น ซึ่งบางตัวสามารถใช้แทนสบู่ได้ เพราะสบู่ธรรมดาอาจทำให้ผื่นเกิดอาการระคายเคืองได้
- ยาแก้แพ้ หากมีปัญหาในการนอนหลับ คุณหมออาจสั่งจ่ายยาแก้แพ้ เช่น ไฮดรอกซีไซน์ (Hydroxyzine) คลอเฟนิรามีน (Chlorpheniramine)
- ครีมหรือขี้ผึ้งสเตียรอยด์ เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Hydrocortisone) เบตาเมทาโซน (Betamethasone) ซึ่งช่วยลดอาการคันและบวม
- การบำบัดด้วยแสง UVB หากการรักษาอื่น ๆ ไม่ได้ผล คุณหมออาจแนะนำให้รักษาด้วยการบำบัดด้วยแสง UVB
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา ควรผ่านการอนุญาตโดยแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ ดังนั้น จำเป็นต้องบอกถึงลักษณะอาการที่กำลังเป็น รวมถึงส่วนประกอบของยาที่แพ้ให้ทางผู้เชี่ยวชาญได้ทราบ เพื่อการจัดยาที่เหมาะสมแก่ผิวหนัง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การดูแลตัวเองอาจช่วยบรรเทาอาการคันของผื่นกุหลาบได้
- ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ คาลาไมน์ หรือคอร์ติโคสเตียรอยด์ ซึ่งช่วยลดอาการคันและบวม
- รับประทานยาแก้แพ้ เช่น เดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine)
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน