ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า เป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้เกิดอาการอักเสบ เป็นแผลพุพอง และคันบริเวณขาส่วนล่าง มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีระบบไหลเวียนเลือดผิดปกติ ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โรคนี้อาจสร้างปัญหาให้กับผิวหนังและสุขภาพในระยะยาวได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-heart-rate]
คำจำกัดความ
ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า คืออะไร
ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า (Stasis dermatitis) มักเกิดในผู้ป่วยที่ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณขาส่วนล่างผิดปกติ พบมากบริเวณข้อเท้าและเท้า เมื่อเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีนักมักส่งผลให้เกิดแรงดันภายในหลอดเลือดดำมากขึ้น และเกิดภาวะหลอดเลือดรั่ว จนเลือดกระจายเข้าสู่ผิวหนัง
อาการ
อาการของ ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
อาการข้อเท้าบวมเป็นอาการแรกที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่เป็นผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- ผิวหนังบริเวณข้อเท้ามีสีแดง สีน้ำตาล หรือสีเหลือง
- มีแผลพุพอง เป็นสะเก็ดหรือเป็นขุย
- ผิวหนังบริเวณขาส่วนล่างแข็งและหนาขึ้น
- มีเส้นเลือดขอด ลักษณะโป่ง บวม มีสีคล้ำ
- ผิวแห้ง เจ็บปวดและคัน
- ขนบริเวณข้อเท้าหรือหน้าแข้งหลุดร่วง
- ปวดและบวมมากขึ้นเมื่อยืนหรือเดิน
อาการบวมที่ขาจะดีขึ้นเมื่อหยุดทำกิจวัตรประจำวันและนอนพักผ่อน แต่จะกลับมาเป็นซ้ำอีกเมื่อเริ่มยืนหรือเดินเป็นเวลานาน
สาเหตุ
สาเหตุของผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้ามักพบในผู้ที่มีระบบไหลเวียดเลือดผิดปกติ โดยเฉพาะที่หลอดเลือดดำบริเวณขาส่วนล่าง ทำให้ไม่สามารถส่งเลือดกลับสู่หัวใจได้ ส่งผลให้เลือดไหลย้อนกลับ และเกิดแรงดันในหลอดเลือดดำเพิ่มขึ้นจนหลอดเลือดบวม และเกิดโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
ภาวะที่อาจส่งผลต่อความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดที่ข้อเท้าและเท้า ได้แก่
- การผ่าตัดที่ขา
- อาการบาดเจ็บที่ขาส่วนล่าง
- อาการบวมที่ขาเป็นเวลานาน
- ภาวะเส้นเลือดขอด
- ภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
- ภาวะความดันโลหิตสูง
- การตั้งครรภ์หลายครั้ง
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- ภาวะไตวาย
นอกจากนี้ หากยืนและเดินมากเกินไป หรือออกกำลังกายเป็นเวลานาน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้าได้เช่นกัน
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า อาจมีดังนี้
- มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
- น้ำหนักเกินมาตรฐาน
- ยืนหรือนั่งนาน ๆ
- ออกกำลังกายไม่เพียงพอ
- มีภาวะที่ส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด
- เพิ่งคลอดบุตร
- เป็นโรคไต
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
การวินิจฉัยโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า คุณหมอจะซักประวัติการเกิดโรค อาการ หรือประวัติการรักษาอื่น ๆ เช่น สอบถามถึงอาการบาดเจ็บที่ขา การผ่าตัด ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือการไหลเวียนเลือด และคุณหมออาจตรวจผิวหนังโดยการอัลตราซาวด์เพื่อหาสัญญาณของโรคและดูการไหลเวียนเลือด และอาจตรวจการทำงานของหัวใจ ความดันโลหิต รวมถึงอาการแพ้อื่น ๆ ด้วย
การรักษาผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
การรักษาผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำ ดังนี้
- ใช้ยาปฏิชีวนะและผ้าปิดแผลพิเศษเพื่อรักษาแผลติดเชื้อ
- ใช้สารให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิว
- ใช้ยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาอาการคัน
- ใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือ ยาทากลุ่มแคลซินูริน (Calcineurin inhibitors) เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดอาการบวม
- สวมถุงน่องที่กระชับขาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและลดอาการบวม
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่ช่วยจัดการกับโรคผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้า
วิธีดูแลตัวเองเพื่อควบคุมโรคและป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง มีดังนี้
- หยุดพักเป็นระยะเมื่อเดินนาน ๆ และกลับมาเดินเร็วเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อน่อง
- นอนยกขาสูง 15 นาที ทุก 2 ชั่วโมง
- ใช้ชุดรัดกล้ามเนื้อตามคำสั่งของคุณหมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ป้องกันแผลเปิด และลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำ
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผื่นผิวหนังอักเสบที่ข้อเท้าระคายเคือง เช่น ขนสัตว์เลี้ยง หญ้า น้ำหอม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- อาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวสูตรอ่อนโยน หลังอาบน้ำให้ซับผิวหนังเบา ๆ ด้วยผ้าสะอาด และทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อลดอาการบวมและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
- จำกัดปริมาณเกลือที่กินในแต่ละวัน เพราะเกลืออาจส่งผลต่อการไหลเวียนเลือด
- ควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสม
- ตรวจสุขภาพร่างกายและผิวหนังเป็นประจำ