ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์อาจทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนกังวลเกี่ยวกับภาวะนี้ จึงอาจมีคำถามว่า ค่าเบาหวานคนท้องปกติ ควรอยู่ในระดับใด เพื่อควบคุมและป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้น การดูแลตัวเองให้ดีและควบคุมรวมไปถึงเลือกรับประทานอาหารในระหว่างตั้งครรภ์ให้เหมาะสม จึงเป็นวิธีที่จะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ได้
[embed-health-tool-bmi]
ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คืออะไร
เบาหวานขณะตั้งครรภ์ คือ โรคเบาหวานชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในขณะตั้งท้อง เกิดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่อสมดุลการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กล่าวคือ ร่างกายมีฮอร์โมนที่มีฤทธิ์ต้านกับอินซูลินมากขึ้น จึงทำให้คุณแม่บางรายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง นำไปสู่ภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบางประการที่ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น
- กรรมพันธุ์
- มีภาวะก่อนเบาหวาน/ระดับน้ำตาลเกินเกณฑ์
- เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ในการตั้งท้องครั้งก่อน ๆ
- มีภาวะน้ำหนักเกิน/โรคอ้วน
ทั้งนี้ระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ อาจส่งผลต่อการสุขภาพของคุฯแม่และสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ค่าเบาหวานคนท้องปกติ ควรมีค่าเท่าไหร่
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ระดับน้ำตาลในเลือดเป้าหมายในระหว่างตั้งครรภ์ มีดังนี้
- ก่อนรับประทานอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 60 – 95 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือน้อยกว่า
- 1 ชั่วโมงหลังอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
- 2 ชั่วโมงหลังอาหาร ควรมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงไม่เกิน 120 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
การรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเป้าหมายจำเป็นต้องวางแผนการเลือกรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม รวมทั้งการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลเสียต่อทั้งสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์
คุณแม่ที่เป็นเบาหวานควรดูแลตัวเองอย่างไรระหว่างตั้งครรภ์
สำหรับคุณแม่ที่เป็นเบาหวานสามารถดูแลตนเองเบื้องต้นด้วยวิธีต่อไปนี้ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในขณะตั้งครรภ์
- ควบคุมและวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะสมและหลากหลาย เน้นรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง ไขมันและแคลอรี่ต่ำ ได้แก่ ผัก ผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และธัญพืชไม่ขัดสี รวมทั้งโปรตีนคุณภาพดี เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน/หนัง เช่น ไก่ ปลา ไข่ นม ผลิตภัณฑ์จากนม และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาล โซเดียม และไขมันอิ่มตัวสูง เช่น อาหารแปรรูป ข้าว-แป้งขัดขาว เบเกอรี่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมกรุบกรอบ ขนมหวาน น้ำหวาน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ดีและมากขึ้น จึงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยแนะนำให้คุณแม่ออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ (Lower Impact Cardio Exercise) เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยานอยู่กับที่ เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อทารกในครรภ์ โดยควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์
- ควบคุมน้ำหนักก่อนตั้งท้องและขณะตั้งทัอง ผู้ที่จะวางแผนมีบุตร ควรควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ คือ มีค่าดัชนีมวลกาย 18.5 – 22.9 และในระหว่างตั้งครรภ์น้ำหนักควรขึ้นไม่เกิน 10-15 กิโลกรัม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีต่อสุขภาพ เช่น หลีกเลี่ยงอาหารมัน ๆ ทอด ๆ อาหารที่มีส่วนประกอบของแป้งและน้ำตาลสูง เลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำให้มากขึ้น ออกกำลังกายเป็นประจำ ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เลิกสูบบุหรี่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการช่วยควบคุมน้ำหนักและน้ำตาลในเลือดแบบสุขภาพดี แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ด้วย
- ตรวจระดับน้ำตาลในเป็นประจำ เพื่อให้ทราบระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ได้ดียิ่งขึ้น