โรคเบาหวาน จัดเป็นภาวะเรื้อรัง ที่เกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง จนส่งผลเสียต่อร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ รวมถึงเลือกรับประทานผลไม้ที่อาจมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลได้ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ล เเละ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
[embed-health-tool-bmi]
โรคเบาหวาน เป็นอย่างไร
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป เนื่องจากตับอ่อนผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลดลง หรือร่างกายมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้มีระดับในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ และหากไม่รีบควบคุมอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อันตรายเช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นตา
ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดภาะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ผู้ที่เป็นเบาหวานเเล้ว หรือผู้ทีมีความเสี่ยงในการเป็นเบาหวาน/ภาวะก่อนเบาหวาน เควรปรับพฤติกรรมสุขภาพ โดยออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมปริมาณอาหารจำพวกคาร์โปไฮเดนตที่บริโภคในแต่ละวัน เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี และรับประทานผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ
ค่าดัชนีน้ำตาลคืออะไร
ค่าดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index หรือ GI) เป็นค่าที่ระบุว่า อาหารแต่ละชนิด เมือรับประทานเเล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วหรือช้า โดยจะเทียบกับน้ำตาลกลูโคสที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงสุด หรือเท่ากับ 100
ในกรณีของผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อเบาหวาน/ก่อนเบาหวาน หรือ ผู้ที่ต้องการดูเเลสุขภาพ ผลไม้ที่เหมาะสม คือผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ คือมีค่าดัชนีน้ำตาลไม่เกิน 55 ซึ่งจะไม่ทำให้ระดับน้ำในเลือดสูงขึ้นเร็วเกินไปหลังรับประทาน อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะเเม้จะเป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ เเต่หากรับประทานมากเกินไป ก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงได้เช่นกัน
โดยที่สมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐอเมริกา (American Diabetes Association) แนะนำว่า ในผู้ป่วยเบาหวาน ระดับน้ำในเลือดหลังจากรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง ไม่ควรมากกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ผลไม้สําหรับคนเป็นเบาหวาน มีอะไรบ้าง
ผลไม้ที่มีสารพฤกษเคมีที่อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ อาทิเช่น
1. เชอรี่
เชอรี่มีค่าดัชนีน้ำตาล 22 และมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นผลดีต่อโรคเบาหวานหลายประการ เช่นกระตุ้นการตอบสนองต่ออินซูลินของเซลล์ ซึ่งทำให้เซลล์ใช้น้ำตาลได้ดีขึ้น และอาจช่วยลดน้ำตาลในเลือดที่สะสมอยู่ด้วย
มีการศึกษาหนึ่ง เกี่ยวกับผลของแอนโทไซยานิน ในการป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งทำการศึกษาทั้งในสัตว์ทดลอง เเละ มนุษย์ ตีพิมพ์ในวารสาร Advances in Clinical and Experimental Medicine ปี พ.ศ. 2561 พบว่า แอนโทไซยานิน อาจมีคุณสมบัติเชิงบวกต่อโรคเบาหวานดังนี้
- กระตุ้นการหลั่งอินซูลินทำให้สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ส่งเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตของร่างกาย
- ลดการเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน
- ผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานิน จึงอาจเหมาะเป็นหนึ่งในผลไม้สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
2. แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลมีค่าดัชนีน้ำตาล 39 และอุดมไปด้วยสารพฤกษเคมีหลายชนิด ที่เป็นผลดีกับโรคเบาหวาน เช่น
- ฟีเควอซิทิน (Fequercetin) มีคุณสมบัติกระตุ้นการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่เซลล์ และกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญน้ำตาลของร่างกายจึงมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้
- คาเทชิน (Catechin) มีคุณสมบัติในการลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ของโรคเบาหวาน อาทิเช่น กระบวนการออกซิเดชัน ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเครียดของเซลล์ ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน รวมถึงช่วยกระตุ้นการตอบสนองต่ออินซูลินของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายด้วย
- กรดคลอโรจีนิก (Chlorogenic Acid) มีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากไปยั้งการทำงานของเอนไซม์กลูโคส 6-ฟอสเฟต (Glucose 6-Phosphate หรือ G6P) ในกระบวนการเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลกลูโคส จึงทำให้ระดับน้ำตาลลดลงได้
ได้มีการศึกษารวบรวมผล เกี่ยวกับการบริโภคแอปเปิ้ลและลูกแพร์ ต่อความเสี่ยงของโรคเบาหวาน ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Functional Foods ปี พ.ศ. 2560 โดยรวบรวมผลจากการศึกษา 5 ฉบับ มีอาสาสมัครที่เข้าร่วมการศึกษาทั้งสิ้น 228,315 ราย โดยที่มีผํู้ที่เป็นเบาหวานมากถึง 14,120 ราย พบว่า แอปเปิ้ลและลูกแพร์ อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ 18 เปอร์เซ็นต์
3. สตรอว์เบอร์รี่
สตรอว์เบอรร์รี่มีค่าดัชนีน้ำตาล 41 และมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร โดยช่วยเพิ่มการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย รวมถึงปกป้องเบต้าเซลล์ (β Cells) ของตับอ่อนซึ่งมีหน้าที่ผลิตและหลั่งอินซูลิน
มีการศึกษา ว่าด้วยความสัมพันธ์ของการบริโภคผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ต่อภาวะดื้ออินซูลินและโรคเบาหวานชิดที่ 2 ตีพิมพ์ในวารสาร Food & Function Journal ปี พ.ศ. 2563 ทำการศึกษาในกลุ่มอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่ที่เป็นโรคอ้วน โดยให้บริโภคผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่เพียงอย่างเดียว พบว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสพ์เบอร์รี่ ซึ่งมีสารโพลีฟีนอล อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ รวมถึงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากเบาหวานได้
4. องุ่นแดง
องุ่นมีค่าดัชนีน้ำตาล 43 และในเปลือกขององุ่นเเดงจะมีสารเรสเวอรเทรอล (Resveratrol) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ควบคุมระดับระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด รวมถึงช่วยป้องโรคความดันโลหิตสูง ที่มักพบร่วมกันในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานได้
การศึกษาหนึ่ง ว่าด้วยคุณสมบัติขององุ่นและผลิตภัณฑ์จากองุ่นที่มีต่อระดับน้ำตาลในร่างกาย ตีพิมพ์ในวารสาร Phytotherapy Research ปี พ.ศ. 2564 พบว่า องุ่นและผลิตภัณฑ์จากองุ่น อาจมีคุณสมบัติช่วยลดภาวะการดื้ออินซูลินได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่มีผลต่อระดับอินซูลินในร่างกายขณะอดอาหาร รวมถึงระดับน้ำตาลสะสมฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hemoglobin A1C หรือ HbA1c)
ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยง
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือ ผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควรจำกัดปริมาณการรับประทานผลไม้บางชนิด โดยเฉพาะผลไม้ที่มีดัชนีน้ำตาลสูง ได้แก่ สับปะรด เเตงโม อินทผาลัมเ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรงดผลไม้ เพราะในผลไม้มีวิตามิน แร่ธาตุ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน