backup og meta

ฉีดปากกระจับ ขั้นตอน และความเสี่ยง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงภัทรีวัลย์ โรจนพันธุ์ · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลวิภาวดี



เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 26/10/2022

    ฉีดปากกระจับ ขั้นตอน และความเสี่ยง

    ฉีดปากกระจับ เป็นการฉีดกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก เพื่อทำให้ริมฝีปากเป็นทรงกระจับแลดูอวบอิ่ม เต่งตึง เรียบเนียนและมีขนาดสมมาตรตามที่ต้องการ การฉีดปากกระจับมักใช้เวลาประมาณ 30-120 นาที และการฉีดปากกระจับ 1 ครั้ง มักให้ผลคงอยู่ได้นานราว 8-12 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพและการดูแลตัวเองของแต่ละคน

    ฉีดปากกระจับ คืออะไร

    ฉีดปากกระจับ เป็นการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์ (Filler) เข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณริมฝีปาก เพื่อปรับรูปร่างของริมฝีปากให้เป็นทรงกระจับสวยงาม หรือเพื่อปรับขนาดของริมฝีปากที่มีลักษณะบางหรือเล็ก หรือมีร่องลึกเนื่องจากสูญเสียคอลลาเจนและไขมันเมื่ออายุมากขึ้น ให้กลับมาแลดูอวบอิ่มน่ามองอีกครั้ง

    ปัจจุบัน สารเติมเต็มที่นิยมใช้ฉีดปากกระจับ คือกรดไฮยาลูรอนิคซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้นและอิ่มน้ำ และสามารถย่อยสลายได้เองตามกระบวนการของร่างกายโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย

    ทั้งนี้ สารเติมเต็มอื่น ๆ ที่เคยนำมาใช้สำหรับฉีดปากกระชับ ได้แก่ คอลลาเจนและไขมัน แต่ปัจจุบันเสื่อมความนิยมไปแล้วเพราะไม่ปลอดภัยเท่ากรดไฮยาลูรอนิค

    ผู้ที่ไม่ควรเข้ารับการฉีดปากกระจับมีใครบ้าง

    การฉีดปากกระจับ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่สูบบุหรี่ แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้

    • เป็นโรคเบาหวาน
    • เป็นโรคลูปัส (Lupus) ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
    • มีความผิดปกติเกี่ยวกับลิ่มเลือด
    • แพ้ยาชา เช่น ลิโดเคน (Lidocaine)
    • เป็นโรคติดเชื้อ เช่น โรคเริมที่ปาก

    นอกจากนี้ ก่อนตัดสินใจรับการฉีดปากกระจับ ควรแจ้งคุณหมอให้ชัดเจนเกี่ยวกับยาหรืออาหารเสริมที่กำลังรับประทาน รวมถึงประวัติสุขภาพ การผ่าตัด และโรคประจำตัว

    วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการ ฉีดปากกระจับ

    ก่อนเข้ารับการฉีดปากกระจับ ควรดูแลตัวเองดังนี้

    • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเวลา 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการฉีดปากกระจับ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดจางลงซึ่งอาจส่งผลให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย
    • ก่อนฉีดปากกระจับ 1 สัปดาห์ ควรงดรับประทานยาที่มีฤทธิ์ทำให้เลือดจาง อย่างยาในกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น นูปริน (Nuprin) แอสไพริน (Aspirin) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) รวมถึงอาหารเสริมต่าง ๆ ซึ่งมีกรดไขมันโอเมกา 3 วิตามินอี กระเทียม โสม หรือขิง เป็นส่วนประกอบ

    ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องรับประทานยาใด ๆ ก็ตามก่อนเข้ารับการฉีดปากกระจับ ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

    ขั้นตอนการฉีดปากกระจับ

    ขั้นตอนการฉีดปากกระจับมักใช้เวลาประมาณ 30-120 นาที โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญทายาชาที่ริมฝีปากของผู้ที่ต้องการฉีดปากกระจับ โดยยาจะออกฤทธิ์ภายใน 15-30 นาที ตัวยาที่ใช้อาจเป็นลิโดเคน เบนโซเคน (Benzocaine) หรือเตตระเคน (Tetracaine) อย่างไรก็ตาม หากแพ้ยาชา คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจะเลือกฉีดยาบล็อกเส้นประสาทให้แทน
  • คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญจะฉีดสารเติมเต็มเข้าไปในริมฝีปาก โดยจะฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังลึกไม่เกิน 2.5 มิลลิเมตร
  • หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการฉีดปากแล้ว คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญอาจนวดริมฝีปากให้เบา ๆ เพื่อกระตุ้นการดูดซึมสารเติมเต็มให้เข้าสู่ผิวหนังบริเวณริมฝีปากได้ดีขึ้น

    ก่อนอนุญาตให้กลับบ้าน คุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญมักขอสังเกตอาการของผู้ที่เข้ารับการฉีดปากเป็นเวลา 15 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอาการข้างเคียงอย่างมึนงง คลื่นไส้ หรือมีเลือดออก เป็นต้น

    ทั้งนี้ ยาชาที่ใช้ในการฉีดปากกระจับไม่มีฤทธิ์ทำให้มึนงง หรือทำให้สมรรถภาพในการขับขี่ยานพาหนะลดลง ดังนั้น หากคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญอนุญาตให้กลับบ้านได้ ผู้ที่เข้ารับการฉีดปากสามารถขับรถได้ตามปกติ

    การดูแลตัวเองหลังฉีดปากกระจับ

    หลังฉีดปากกระจับ ริมฝีปากอาจบวมและช้ำ แต่อาการเหล่านี้มักหายไปเองภายใน 24-48 ชั่วโมง (ในบางกรณีอาจใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน) และระหว่างรอริมฝีปากหายเป็นปกติ ควรดูแลตัวเองตามคำแนะนำต่อไปนี้

    • ประคบริมฝีปากด้วยน้ำแข็งเป็นเวลาประมาณ 10 นาที เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ บวม หรือปวด
    • หลีกเลี่ยงการทาลิปสติก ลิปมัน หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ บนริมฝีปากเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปาก รวมถึงการใช้ริมฝีปากทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจูบ การดูดน้ำจากหลอด
    • งดการออกกำลังกายอย่างหนักเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพราะอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นระหว่างออกกำลังกาย จะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณริมฝีปาก ซึ่งอาจส่งผลให้ริมฝีปากบวมหรือช้ำมากขึ้น

    ฉีดปากกระจับ ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างไร

    โดยปกติ การฉีดปากกระจับโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลหรือคลินิกที่สะอาดปลอดภัยและได้มาตรฐาน มักไม่เป็นอันตราย แต่หากฉีดปากกระจับโดยผู้ที่ไม่มีประสบการณ์หรือใช้ฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ผ่านการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา อาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือเสี่ยงต่อสุขภาพได้ ดังนี้

    • อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น ริมฝีปากบวม ช้ำ แดง คัน
    • ทำให้ริมฝีปากไม่ได้ขนาดหรือรูปทรงตามที่ต้องการ
    • ทำให้ริมฝีปากแข็ง ผิวไม่เรียบเนียน หรือเป็นแผล
    • เพิ่มโอกาสติดเชื้อบริเวณริมฝีปาก เป็นหนอง เสี่ยงเป็นโรคเริมที่ริมฝีปาก
    • อาจทำให้ตาบอดได้หากเกิดการฉีดผิดพลาดเข้าเส้นเลือด
    • ทั้งนี้ หากพบอาการผิดปกติบริเวณริมฝีปาก เช่น ปากบวมมากพร้อมมีอาการไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบคุณหมอในทันที

    ฉีดปากกระจับ ให้ผลนานแค่ไหน

    ปกติแล้ว การฉีดปากกระจับจะให้ผลนาน 8-12 เดือน โดยขึ้นอยู่กับสุขภาพและการดูแลตัวเองของแต่ละคน หากต้องการให้ริมฝีปากคงรูปสวย อวบอิ่ม อย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอเข้ารับการฉีดปากกระจับอย่างต่อเนื่องที่สถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงภัทรีวัลย์ โรจนพันธุ์

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลวิภาวดี



    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 26/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา