ภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงของการตั้งครรภ์ เนื่องจากช่วงตั้งครรภ์นั้นเป็นช่วงเวลาที่มีอารมณ์หลากหลายมากมาย จนคุณแม่อาจจะรับมือไม่ทัน สาเหตุของอารมณ์ที่หลากหลาย อาจจะมากจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน แต่ถ้าหากเป็นอารมณ์แบบนี้นาน ๆ อาจจะดีต่อสุขภาพจิต ดังนั้น ลองมาดูกันว่าภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์มีอาการอย่างไร
[embed-health-tool-due-date]
คำจำกัดความ
ภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ คืออะไร
ภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ คือ ภาวะที่ส่งต่อทางอารมณ์ อาจทำให้รู้สึกเศร้า หดหู่ มีการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไปในทางด้านลบ อารมณ์ที่มีการแปรปรวน อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน
ซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ พบได้บ่อยแค่ไหน
ช่วงเวลาการตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข แต่ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่มีความเครียดเหมือนกัน ซึ่งมีการวิจัยเผยว่า ผู้หญิงระหว่างตั้งครรภ์ประมาณ 7% นั้นมีภาวะซึมเศร้า โดยอาจมีอัตราสูงขึ้นตามแต่ละภูมิภาค หรือประเทศที่อยู่อาศัย
อาการ
อาการของ ภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ หรือแม้แต่คนในครอบครัวที่ควรสังเกตุอาการหรือสัญญาณ ดังต่อไปนี้
- รู้สึกหดหู่ เศร้าหมองตลอดเวลา เกือบทุกวัน หรือเกือบทุกสัปดาห์
- รู้สึกหงุดหงิด โกรธ วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน
- รู้สึกอยากร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลที่แน่ชัด
- เริ่มมีปัญหากับการนอน เช่น การนอนเยอะ หรือน้อยเกินไป รวมไปถึงการรับประทานอาหารก็เช่นกัน
- กังวลไปก่อนว่าจะเลี้ยงลูกน้อยอย่างไร จะปกป้องได้หรือไม่ จะเป็นแม่ที่ดีได้หรือเปล่า และอื่น ๆ
- มีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งใด สิ่งหนึ่งได้ไม่นาน หรือสมาธิสั้นลง
- รู้สึกว่ากิจกรรมที่เคยทำ เคยชอบ ไม่สนุกสนานเหมือนเมื่อก่อน
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากมีอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีอาการที่แตกต่างออกไปและมีความกังวล ควรไปหาคุณหมอ เพื่อตรวจสอบ และปรึกษาเกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้น
ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ
สาเหตุ
สาเหตุของ ซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
สาเหตุของ ภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ อาจมีหลายสิ่งเป็นตัวกระตุ้น ได้แก่
- ครอบครัวมีประวัติการเป็นโรคซึมเศร้า หรือสุขภาพจิตอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ตัวคุณแม่ตั้งครรภ์เคยมีภาวะซึมเศร้ามาก่อน
- เคยสูญเสีย หรือแท้งจากการตั้งครรภ์ครั้งก่อน
- ภาวะมีบุตรยาก
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของ ซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ เช่น
- อยู่ในสภาวะแวดล้อมที่กดดัน มีคนคาดหวังจากตัวคุณสูง
- สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควร
- มีความวิตกกังวลในเรื่องต่าง ๆ
- มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
- การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม หรือไม่พึงประสงค์
- มีปัญหาชีวิตคู่ เช่น การแยกกันอยู่
- ความเครียดสะสมจากการทำงาน หรืออื่น ๆ ที่ทำให้เป็นกังวล
- อายุอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ยิ่งถ้าหากคุณแม่อายุน้อย ความเสี่ยงอาจยิ่งสูงขึ้น
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในนี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย ซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
แพทย์จะมีการสอบถามจากแบบสอบถามการตรวจคัดกรองที่มีมาตรฐานและน่าเชื่อถือ โดยจะประกอบไปด้วยคำถามที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ และความวิตกกังวล ซึ่งเมื่อตอบคำถามเสร็จทั้งหมด การประเมินจะออกมาในรูปแบบของคะแนนที่มีการแบ่งแยกชัดเจนว่าคุณแม่มีอาการ ไม่มีอาการ หรือเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงที่จะเริ่มเป็น
การรักษาซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
การรักษาภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์อาจจะต้องดูหลาย ๆ ปัจจัยรวมไปถึงอาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยว่าอยู่ในระดับไหน โดยทางที่ดีคุณแม่จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษา โดยวิธีการรักษา ได้แก่
- การใช้ยา การใช้ยาต้านอาการซึมเศร้าระหว่างการตั้งครรภ์ ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ว่า ยาอาจส่งกระทบระยะยาวของทารกหรือไม่ แต่การรักษาภาวะซึมเศร้าก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น แพทย์จะดูแลอย่างใกล้ชิด
- จิตบำบัด เป็นการรักษากับคุณแม่ที่มีอาการภาวะซึมเศร้าเล็กน้อยจนถึงปานกลาง ซึ่งอาจสามารถจัดการกับอาการได้ด้วยวิธีนี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจและร่างกายของแต่ละคน
การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยรับมือภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองดังต่อไปนี้ จะช่วยให้คุณรับมือกับภาวะซึมเศร้าระหว่างตั้งครรภ์ได้
- ลดการทำงานบ้านให้น้อยลง โดยให้คู่ชีวิต หรือเพื่อน ๆ หากเขาเสนอมา คุณก็ไม่ควรปฎิเสธ
- หาอะไรทำที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น เช่น การหางานอดิเรกที่อาจไม่เคยทำมาก่อน
- พยายามพูดคุยมากขึ้น เมื่อคุณเริ่มรู้สึกเครียด หรือกังวลใจ ที่คุณไม่ควรเก็บไว้เพียงคนเดียว
- การออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มระดับเซโรโทนินและลดระดับคอร์ติซอล ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพร่างกายเหมือนกัน แต่ก็ควรดูด้วยว่าประเภทกีฬานั้นปลอดภัยหรือไม่
- การเปลี่ยนแปลงนิสัยด้านการกิน เนื่องจากอาหารบางอย่างอาจมีคุณประโยชน์ต่อคนตั้งครรภ์
ที่สำคัญ คือ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ไม่นอนมากหรือน้อยเกินไป หากคุณแม่สามารถจัดตารางเวลาการนอนได้อาจเป็นสิ่งที่ดี รวมไปถึงการไปหาคุณหมอตามเวลานัด เพื่อติดตามอาการ