วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์ เป็นการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง เพื่อตรวจยืนยันว่าตั้งครรภ์อยู่หรือไม่ นอกจากนี้ยังสามารถเข้ารับการตรวจตรวจครรภ์จากคุณหมอได้อีกด้วย สำหรับคนที่ต้องการตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง ควรศึกษาวิธีใช้ที่ตรวจครรภ์อย่างละเอียด เพราะหากตรวจอย่างถูกวิธีตามคู่มือการใช้งาน ผลการทดสอบอาจแม่นยำถึง 99%
[embed-health-tool-ovulation]
ควรตรวจครรภ์เมื่อใด
ควรตรวจครรภ์ทันทีหากมีสัญญาณเตือนทางร่างกาย ดังต่อไปนี้
- ประจำเดือนขาด เป็นอาการแรกเริ่มที่เกิดขึ้นเมื่อไข่ที่ปฏิสนธิแล้วกำลังฝังตัวในเยื่อบุโพรงมดลูก บางคนอาจมีเลือดออกมาจากช่องคลอดเล็กน้อย ปวดท้องเกร็ง หรือมีตกขาว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับตกขาวที่มีสีเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนเป็นสีขาวเขียว เปลี่ยนเป็นสีเหลือง มีกลิ่น ร่วมกับมีอาการแสบร้อนและคันช่องคลอด ควรเข้ารับการตรวจจากคุณหมอทันทีเพราะอาจเป็นสัญญาณจากติดเชื้อที่ช่องคลอด
- คลื่นไส้ อาเจียน อาจเกิดขึ้นได้ทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะตอนเช้า หรือเมื่อได้กลิ่นของอาหารบางชนิด แม้กระทั่งอาหารที่เคยชอบ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนการตั้งครรภ์ อาการอาเจียนอาจบรรเทาลงเมื่อเข้าสู่ช่วงการตั้งครรภ์ในสัปดาห์ที่ 13-14 แต่สำหรับบางคนอาจไม่มีอาการแพ้ท้องคลื่นไส้ อาเจียนใด ๆ
- เหนื่อยล้า เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกายอาจเพิ่มขึ้นสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของทารก ทำให้อาจรู้สึกเหนื่อยล้าง่าย อ่อนเพลีย รวมถึงอาจส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนง่ายอีกด้วย
- ปัสสาวะบ่อย มักเกิดขึ้นในช่วง 6-8 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต ทำให้ปัสสาวะบ่อย และมดลูกเริ่มขยายตัวมากขึ้น
- คัดเต้านม หากสังเกตว่าเต้านมขยาย คัดเต้า เจ็บเต้านม หัวนมมีสีเข้ม ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน อาจเป็นไปได้ว่าฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลงเนื่องจากตั้งครรภ์
- ท้องผูกและกรดไหลย้อน อาจเกิดจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การหดตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ลดลง ทำให้เกิดอาการท้องผูก
วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์
การตรวจครรภ์ด้วยชุดตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง ควรตรวจปัสสาวะแรกของวัน หรือในช่วงเวลาเช้าหลังตื่นนอนทันที เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ปัสสาวะมีความเข้มข้นของฮอร์โมนการตั้งครรภ์ (HCG) สูงสุด อีกทั้งไม่ควรดื่มน้ำก่อนการตรวจเพราะอาจทำให้ปัสสาวะเจือจาง และทำให้ผลคลาดเคลื่อนได้
วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์อาจแตกต่างกันตามรูปแบบของที่ตรวจครรภ์ ดังนี้
1. ชุดทดสอบตั้งครรภ์แบบหยด
ภายในกล่องจะประกอบด้วยตลับทดสอบการตั้งครรภ์ ถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ หลอดหยดสำหรับดูดน้ำปัสสาวะ
วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์
- ปัสสาวะลงในถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ
- นำหลอดดูดน้ำปัสสาวะหยดลงบนตลับการทดสอบที่มีตัวอักษร S ประมาณ 3 หยด สูงสุดไม่เกิน 6 หยด เพื่อเพิ่มความไวให้ตลับทดสอบในการอ่านค่าปัสสาวะ
- วางทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที หรือตามคำแนะนำที่ระบุข้างผลิตภัณฑ์ เพื่อรอผลทดสอบ
2. ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แบบจุ่ม
ในกล่องอาจมีถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ กระดาษ ตลับทดสอบการตั้งครรภ์ หรือเป็นเครื่องพลาสติกที่มีส่วนปลายไว้จุ่มปัสสาวะที่สามารถอ่านผลลัพธ์ได้เลยภายในชิ้นเดียวกัน
วิธีใช้ที่ตรวจครรภ์
- ปัสสาวะลงในถ้วยเก็บตัวอย่างปัสสาวะ
- นำกระดาษทดสอบ หรือถอดฝาอุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์ แล้วนำส่วนปลายของอุปกรณ์จุ่มลงในปัสสาวะไม่เกินขีดที่กำหนด ประมาณ 7-10 วินาที
- ปิดฝาอุปกรณ์หรือวางกระดาษในพื้นที่สะอาด และรอ 5 นาที หรือตามคำแนะนำที่ระบุข้างผลิตภัณฑ์ เพื่อรอผลทดสอบ
ผลทดสอบการตั้งครรภ์
ชุดทดสอบการตั้งครรภ์จะมีตัวอักษรที่แสดงถึงผลลัพธ์การตรวจ คือ ตัว C (Control Line) และ T (Test Line) เมื่อถึงเวลาอ่านค่าผลทดสอบตามกำหนดหลังจากการตรวจปัสสาวะ สามารถอ่านความหมายที่ระบุในคู่มือการใช้ชุดทดสอบหรือข้างกล่อง ดังนี้
-
ตั้งครรภ์
หากเส้นสีแดงปรากฏตรงกับตัวอักษร C และ T ทั้ง 2 ขีดอย่างชัดเจน อาจหมายความว่ากำลังตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม หากขีดที่ตรงกับตัว T มีเส้นสีจาง อาจจำเป็นต้องทำการตรวจสอบใหม่ในเช้าวันถัดไป หรืออีก 1 สัปดาห์ถัดไป
-
ไม่ตั้งครรภ์
หากมีเส้นสีแดงขึ้นตรงกับตัวอักษร C เพียง 1 ขีด มีความหมายว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรือระดับฮอร์โมนการตั้งครรภ์ต่ำ อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันผลทดสอบคลาดเคลื่อนควรซื้อชุดทดสอบอย่างน้อย 2-3 ชุด ต่างยี่ห้อเพื่อนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบ หรือเข้ารับการตรวจกับคุณหมอเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง