backup og meta

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ท่อน้ำตาอุดตัน ทารก

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ ท่อน้ำตาอุดตัน ทารก

ท่อน้ำตาอุดตัน ทารก อาจเกิดขึ้นจากปัญหาด้านพัฒนาการของท่อน้ำตา ความผิดปกติของกระดูกจมูก หรือการติดเชื้อในบริเวณใกล้เคียง เช่น จมูกติดเชื้อ เยื่อบุตาอักเสบ ทำให้มีน้ำตาไหลมาก แสบระคายเคืองตา และอาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตพบอาการดังกล่าว ควรพาลูกเข้ารับการรักษาในทันที

[embed-health-tool-vaccination-tool]

การสร้างน้ำตา

ดวงตาเคลือบด้วยน้ำตา (tear film) ที่มีอยู่ 3 ชั้น เพื่อเป็นการชะล้างฝุ่นละอองและเศษผงต่าง ๆ โดยแต่ละชั้น มีดังนี้

  • ชั้นนอกสุด เป็นชั้นไขมัน (lipid) ที่สร้างมาจากต่อมไขมันมัยโบเมียน (meibomian glands) ซึ่งอยู่บริเวณหนังตา
  • ชั้นกลาง เป็นน้ำที่สร้างมาจากต่อมน้ำตา (lacrimal gland) ซึ่งอยู่ในบริเวณด้านบนของดวงตาทั้งสองข้าง
  • ชั้นสุดท้าย หรือชั้นในสุด เป็นเมือกซึ่งบำรุงกระจกตาและหล่อเลี้ยงพื้นผิวดวงตาด้วยน้ำตา เมื่อกะพริบตา หนังตาจะกระจายน้ำตาไปทั่วผิวตา

ในภาวะปกติ น้ำตามีการระบายลงผ่านทางรูเปิดของท่อน้ำตา (puncta และ canaliculi) ซึ่งอยู่บริเวณเปลือกตาด้านหัวตาทั้งบนและล่าง จากนั้นจะต่อไปยังถุงน้ำตา (tear sac) แล้วค่อยไหลผ่านช่องที่เรียกว่า ท่อน้ำตา (tear duct หรือ nasolacrimal duct) ไปเปิดในช่องจมูกและลงคอไป หากน้ำตาไม่สามารถระบายออกได้ทางระบบท่อดังกล่าว ผู้ป่วยอาจมีภาวะท่อน้ำตาอุดตัน ถึงแม้ว่าภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่ก็พบได้บ่อยที่สุดในทารกแรกคลอด

สาเหตุของ ท่อน้ำตาอุดตัน ใน ทารก

  • สาเหตุที่พบได้มากที่สุด คือ พัฒนาการตามปกติและการเปิดออกของท่อน้ำตาที่ช้าลง เนื่องจากทารกแรกเกิดจำนวน 1 ใน 20 รายมีท่อน้ำตาที่เนื้อเยื่อยังไม่สามารถเปิดออกได้
  • กระดูกจมูกที่ผิดตำแหน่งหรือโค้งงอ (ซึ่งพบได้น้อย) ทำให้ท่อน้ำตาไม่สามารถเปิดออกได้
  • การติดเชื้อต่าง ๆ เช่น เยื่อบุตาอักเสบ (conjunctivitis) หรือจมูกติดเชื้อ (nose infection) เรื้อรัง
  • ระบบท่อน้ำตาที่ตีบตัน

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในทารก ก่อให้เกิดอาการอย่างไร

โดยทั่วไป ทารกมักเริ่มมีอาการภายใน 1 เดือนหลังคลอด อาการเหล่านั้น ได้แก่

  • มีตาแฉะหรือน้ำตาไหลมาก
  • มีหนองสีเหลืองหรือสีขาวที่มุมของดวงตา ตาติดกัน ลืมตายาก
  • มีเมือกแห้งและแข็งตามแนวขนตา
  • รอบดวงตาหรือจมูกเป็นสีแดงเรื่อและมีอาการบวม

การรักษา ท่อน้ำตาอุดตัน ทารก

ภาวะท่อน้ำตาอุดตันในทารก สามารถหายไปได้เอง ราวร้อยละ 90 จะหายภายในอายุ 1 ปี อย่างไรก็ดี การดูแลรักษาเพื่อให้หาย และไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน สามารถทำได้ ดังนี้

  • ทำความสะอาดดวงตาเบา ๆ ด้วยสำลีก้อนหรือผ้าสำหรับเช็ดที่นุ่มและอุ่นให้สะอาด เมื่อมีคราบขี้ตาติดอยู่บริเวณหนังตา
  • นวดถุงน้ำตา หลังจากล้างมือให้สะอาด ผู้ปกครองใช้นิ้วแรงกดบริเวณหัวตา (มุมตาด้านใน) เพื่อรีดน้ำตาที่สะสมอยู่ในถุง
  • ยาปฏิชีวนะหยอดตา (antibiotic eye drop) ใช้เมื่อมีการมีการติดเชื้อ คือมีขี้ตา หรือหนองสีเหลือง
  • ล้างมือให้สะอาดเสมอ ทั้งก่อนและหลังสัมผัสบริเวณดวงตา

หากเด็กอายุ 1 ขวบแล้ว ภาวะท่อน้ำตาอุดตันยังไม่หาย คุณหมออาจแนะนำให้รักษาด้วยการแยงท่อน้ำตา ซึ่งส่วนมากจะทำโดยการดมยาสลบ ดังนั้น หากบุตรหลานของท่านมีภาวะนี้ ควรพยายามนวดหัวตาตามที่คุณหมอแนะนำ จะได้ไม่ต้องถึงขั้นรักษาด้วยการแยงท่อน้ำตา

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Tear Duct Blockage in Babies. https://patient.info/health/tear-duct-blockage-in-babies. Accessed April 18, 2017

Blocked Tear Ducts – Topic Overview. http://www.webmd.com/eye-health/tc/blocked-tear-ducts-topic-overview#1. Accessed April 18, 2017

Blocked tear duct. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/blocked-tear-duct/symptoms-causes/syc-20351369#:~:text=Excess%20fluid%20drains%20through%20the,duct%20is%20common%20in%20newborns.. Accessed October 2022

Blocked tear duct. https://www.mountsinai.org/health-library/diseases-conditions/blocked-tear-duct. Accessed October 2022

Tear-Duct Blockage. https://kidshealth.org/en/parents/tear-duct-blockage.html. Accessed October 2022

Blocked Tear Duct? What to Expect From Treatment. https://www.webmd.com/eye-health/blocked-tear-ducts. Accessed October 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

12/10/2022

เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงประภัสสร ผาติกุลศิลา

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ทารกไม่ชอบนอนเปล เป็นเพราะอะไร แก้ไขอย่างไรดี

ุ6 ปัญหาผิวลูก ที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง


ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงประภัสสร ผาติกุลศิลา

จักษุวิทยา · คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 12/10/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา