สาเหตุที่พบได้บ่อยของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อาจเกิดจากต่อมทอนซิล และโรคเนื้องอกในจมูกมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งวิธีการรักษา คือ ให้เด็กสวมหน้ากาก CPAP ในช่วงเวลากลางคืน หรืออาจจะต้องทำการผ่าตัด
เด็กที่นอนกรนจะพบได้ประมาณ 1 ใน 100 ซึ่งการนอนกรนนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล แต่หากพวกเขาได้รับการรักษาจากกุมารแพทย์ ปัญหาการนอนกรนหรือปัญหายใจก็อาจจะหายไป
บางครั้งเด็ก ๆ อาจจะนอนฝันร้าย ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติ และฝันร้ายก็ไม่ได้เป็นอันตรายแต่อย่างใด เมื่อลูกฝันร้ายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ การปลอบประโลมพวกเขาหลังจากฝันร้าย และตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ แต่ถ้าหากพวกเขายังไม่หยุดฝันร้าย การไปพูดคุยกับกุมารแพทย์ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นก็ถือเป็นเรื่องที่ควรทำ
เด็กบางคนอาจจะมีอาการนอนละเมอ ซึ่งนั่นหมายถึงพวกเขายังไม่ตื่น แต่อาจจะมีการเดิน พูดคุย นั่งบนเตียง หรือทำสิ่งอื่น ๆ ในขณะที่ดวงตายังปิดอยู่ และไม่รู้สึกตัว สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ อย่าปลุกให้พวกเขาตื่นจากการละเมอ เพราะมันอาจทำให้พวกเขารู้สึกกลัวได้ ควรจะพยายามค่อย ๆ นำตัวพวกเขากลับไปนอน และควรดูแลรักษาบริเวณที่เขาชอบเดินละเมอให้ปลอดภัย ไม่มีสิ่งของระเกะระกะ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดอันตรายระหว่างเดินละเมอ
ปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น อาการคัดจมูก อาการภูมิแพ้ อาการหวัด โรคหอบหืด อาจทำให้เด็ก ๆ หายใจลำบาก จนอาจทำให้ไม่ยอมนอนได้ นอกจากนั้น อาหารปวดหู และอาการปวดฟัน ก็อาจทำให้ลูกไม่ยอมนอนได้เช่นกัน ดังนั้น การปรึกษากุมารแพทย์ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด
วิธีทำให้ลูกนอนหลับ
สำหรับวิธีที่จะทำให้ลูกนอนหลับได้อย่างสนิท อาจทำได้ดังนี้
- พาลูกออกไปทำกิจกรรมข้างนอก
การให้ลูก ๆ ออกไปทำกิจกรรมข้างนอกบ้าน เช่น วิ่งเล่น ออกกำลังกาย ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาจะได้ใช้พลังงาน และเตรียมความพร้อมก่อนเข้านอน การที่ร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นจากการทำกิจกรรมข้างนอก และอุณหภูมิลดลงเมื่อหยุดทำกิจกรรม อาจช่วยทำให้เด็ก ๆ หลับได้งานขึ้น ระยะเวลาสำหรับการออกกำลังกาย รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับเด็ก คือ 60 นาที
- ตั้งเวลาเข้านอนและตื่นนอน
สำหรับเด็กในวัยเรียนต้องการเวลานอน 9-11 ชั่วโมงทุกคืน แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการนอนไม่หลับมีมากมาย ดังนั้น การตั้งเวลาในการเข้านอนและตื่น เป็นการแก้ไขปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำ เพราะเด็กส่วนใหญ่จะมีรูปแบบการเข้านอนและการตื่นนอนที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก การตั้งเวลาเข้านอนจะทำให้พวกเขารู้ว่าถึงเวลาเข้านอน และการตั้งเวลาตื่นนอน ก็จะทำให้พวกเขารู้สึกสดชื่นหลังจากตื่นนอนอีกด้วย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย