backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

วัคซีนโควิด-19 ฉีดให้เด็กทารกกับเด็กเล็กได้หรือไม่

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 13/02/2022

วัคซีนโควิด-19 ฉีดให้เด็กทารกกับเด็กเล็กได้หรือไม่

วัคซีนโควิด-19 สามารถฉีดให้เด็กทารกกับเด็กเล็กได้หรือไม่ อาจเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนสงสัย เนื่องจาก ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย ได้อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี และอาจฉีดวัคซีนกระตุ้นได้เมื่อเด็กมีอายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปและต่ำกว่า 5 ปี ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

ความเสี่ยงในการเกิดโรคโควิด-19 ในเด็ก

โดยปกติแล้ว เด็กอาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคโควิด-19 ในระดับรุนแรงน้อยกว่าผู้ใหญ่ เด็กที่ป่วยเป็นโควิด-19 มักมีอาการอย่างอ่อน หรือไม่แสดงอาการเลย และบางรายอาจมีภาวะที่เรียกว่า กลุ่มอาการอักเสบของอวัยวะหลายระบบ (Multisystem Inflammatory Syndrome หรือ MIS) ที่ทำให้มีไข้ เกิดการอักเสบในอวัยวะหลายส่วน และทำให้อวัยวะล้มเหลวได้ในที่สุด แต่ก็ถือเป็นกรณีที่พบได้ยาก

วัคซีนโควิด-19 กับทารกและเด็กเล็ก

นักวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่า ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กต่างจากของผู้ใหญ่มาก ฉะนั้น จึงต้องมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนโควิด-19 ในเด็กเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นด้านความแรงของวัคซีน ขนาดการให้วัคซีน และระยะในการให้วัคซีน ดังนั้น อาจจะยังไม่เหมาะที่จะฉีดวัคซีนโคิด-19 ให้กับเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปและต่ำกว่า 5 ปี ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์เพื่อป้องกันโควิด-19 ในเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี โดยขนาดยาจะต่ำกว่าที่แนะนำสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ 

สำหรับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย ได้อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5-11 ปี เพื่อป้องกันเด็ก ๆ จากการติดเชื้อโควิด-19 และความเสี่ยงต่าง ๆ โดยเด็กจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ปริมาณ 0.2 มิลลิลิตร โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ซึ่งปัจจุบัน หลายประเทศอนุญาตให้เด็กอายุ 5-11 ปี ฉีดวัคซีนฉีดไฟเซอร์แล้ว

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรดูแลสุขภาพของตัวเองและลูกให้ดี ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงควรรักษาสุขอนามัยส่วนตัว เช่น ล้างมือเป็นประจำ อาบน้ำทันทีที่กลับจากนอกบ้าน และควรปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เช่น อยู่ให้ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร งดนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือมีผู้คนแออัด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนในผู้ใหญ่ยังอาจช่วยการลดการแพร่เชื้อสู่เด็ก รวมถึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 13/02/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา