พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

โรคเด็กและอาการทั่วไป

ทารกเป็นแผลในปาก เกิดจากการที่ผู้ใหญ่หอมแก้มได้หรือไม่

ทารกเป็นแผลในปาก คือ อาการที่ทารกมีแผลอยู่ในปาก แผลอาจจะมีลักษณะเป็นวงกลม หรือเป็นตุ่มขาว และทำให้ทารกรู้สึกเจ็บปวด จนบางไม่สามารถรับประทานอาหารหรือดื่มนมได้ มักเกิดจาการติดเชื้อไวรัสบางชนิดอย่างไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) หรือไวรัสเริม โดยมาจากการที่ผู้ใหญ่ซึ่งมีเชื้อมาหอมแก้มหรือสัมผัสทารก คุณพ่อคุณแม่ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากได้ สัญญาณและอาการแผลในปากของทารก แผลในปากของทารก มักจะมีลักษณะเป็นวงกลม เป็นตุ่มขาวภายในช่องปาก รวมทั้งเป็นแผลบนริมฝีปาก ภายในกระพุ้งแก้ม หรือเป็นแผลภายในช่องปาก บนเหงือกและบนลิ้น ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเจ็บปวด โดยเฉพาะเวลาดื่มนมหรือรับประทานอาหารที่มีรสจัดเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลให้รู้สึกเจ็บหรือแสบบริเวณแผลได้ ทำให้ในบางครั้งทารกไม่ยอมดื่มนมและร้องไห้ไม่หยุดเพราะความเจ็บปวด หากพบว่าทารกมีแผลในปากควรพาไปพบคุณหมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไข้ร่วมด้วย ควรรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน สาเหตุที่ทำให้ ทารกเป็นแผลในปาก แผลในปากของเด็กทารกสามารถเกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) หรือไวรัสเริมได้ ซึ่งอาจติดเชื้อมาจากการที่ผู้ใหญ่ซึ่งมีเชื้อไวรัสชนิดนี้หอมแก้มหรือมาสัมผัสผิวหนัง นอกจากนั้น การที่ทารกเป็นแผลในปาก อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ ได้แก่ ความเหนื่อยล้า หากทารกนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือรับประทานอาหารโดยได้สารอาหารไม่ครบถ้วนอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จนเกิดเป็นแผลในปากได้ง่าย ความเครียดและความกังวล การเคี้ยวหรือกัดกระพุ้งแก้มตัวเองโดยไม่ตั้งใจ อาจทำให้เกิดเป็นแผลในปากได้ด้วย ใช้แปรงสีฟันที่ไม่เหมาะกับวัย จนทำให้เนื้อเยื่อภายในช่องปากของทารกเกิดความเสียหาย บาดเจ็บเนื่องจากนำวัตถุบางอย่างที่มีคมหรือเป็นอันตรายเข้าปาก แผลในปากของเด็ก ๆ คล้ายของผู้ใหญ่ ที่เมื่อเป็นแล้วก็จะหายได้ภายในเวลาไม่นาน แต่ทั้งนี้ ทารกควรได้รับการรักษาจากคุณหมอเนื่องจากผิวที่บอบบางและภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงดีนักอาจติดเชื้อหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เลือกโรงเรียนอนุบาล ให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลใจว่าควรเลือกอย่างไร ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนให้มากที่สุดเพื่อการตัดสินใจ เพราะการเลือกโรงเรียนอนุบาลนับเป็นก้าวสำคัญต่อเด็ก ครูและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลย่อมส่งผลต่อพัฒนาการ การเติบโต ทัศนคติ การหล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมา หากทราบว่าปัจจัยในการเลือกโรงเรียนอนุบาลมีอะไรบ้าง อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] การ เลือกโรงเรียนอนุบาล ดูจากอะไรบ้าง เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก อันดับแรกควรทราบข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนที่สนใจโดยสามารถเข้าเว็บไซต์ของโรงเรียน เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล หรือจะโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ไปเยี่ยมชมโรงเรียนเพื่อไปเห็นสถานที่จริง และคุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจน ได้แก่ แผนการเรียนการสอน ช่องทางการติดต่อสื่อสาร ค่าธรรมเนียม ค่าเทอม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รายชื่อบุคคลที่สามารถติดต่อได้ ในกรณีที่ข้อร้องเรียน หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียน ความปลอดภัยในด้านร่างกายและทรัพย์สินของเด็กนักเรียนมีมากน้อยแค่ไหน จำนวนบุคลากรเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนหรือไม่ โรงเรียนมีความสะอาดดีพอได้มาตรฐานหรือไม่ สถานที่ บรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปเหมาะสมกับเด็กหรือไม่ คำถามที่ควรถามเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล มีคำถามมากมายที่ควรตอบให้ได้ ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก โดยแบ่งคำถามออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ 1. ประเภทของโรงเรียน โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนรัฐบาล แล้วแต่ละโรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบหรือเปล่า รวมถึงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงอีกไหม เช่น ค่าใช้จ่ายในแต่ละเทอม โรงเรียนเดียวกับที่พ่อแม่เคยเรียน หรือโรงเรียนอื่น เป็นโรงเรียนประจำ หรือเป็นโรงเรียนที่เกี่ยวกับทางศาสนาหรือเปล่า จะให้เรียนแบบโฮมสคูล หรือเรียนที่โรงเรียน 2. ความสะดวกในการไปโรงเรียน […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

แผลในปาก เกิดจากอะไร และวิธีดูแลเมื่อ ลูกเป็นแผลในปาก

แผลในปาก เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป อาจเกิดจากการกัดริมฝีปาก การแปรงฟันและเหงือกแรงเกินไปจนทำให้เนื้อเยื่อในปากเสียหาย หรืออาจเกิดจากปัญหาสุขภาพ เช่น โรคมือเท้าปาก การติดเชื้อราในปาก แผลในปากอาจมีลักษณะเป็นแผลเปื่อย บวมนูนแดง และมีอาการเจ็บ จนอาจทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว เจ็บปวด จนร้องไห้ออกมา หากพบว่าเด็กมีแผลในปาก ควรรีบดูแลรักษาให้หายโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพร้ายแรง [embed-health-tool-vaccination-tool] แผลในปาก คืออะไร แผลในปาก คือ อาการที่เนื้อเยื่อเสียหายจนมักมีสีผิดปกติ อาจมีลักษณะเป็นแผลเปื่อย บวมนูนแดง มีอาการเจ็บแสบ จนอาจทำให้เด็กมีอาการไม่สบายตัว เจ็บปวด จนร้องไห้ออกมา หรืออาจทำให้กินอาหารลำบาก หากปล่อยไว้นาน อาจทำให้เด็กกินอาหารได้น้อยลงจนเสี่ยงขาดสารอาหารได้ แผลในปาก เกิดจากอะไร แผลในปากเด็กอาจมีสาเหตุมาจากการกัดริมฝีปาก หรือการแปรงฟันและเหงือกแรงเกินไป จนทำให้เนื้อเยื่อในปากเสียหาย การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราก็สามารถทำให้เกิดแผลในปากได้ นอกจากนี้ แผลในปากอาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาเพนิซิลลามิน (Penicillamine) ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin) รวมถึงเกิดจากการวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินบี 12 วิตามินบี 9 หรือโฟเลต สำหรับเด็กที่ฟันเพิ่งขึ้น เวลาเด็กดูดนมหรือรับประทานอาหาร อาจทำให้ฟันที่เพิ่งขึ้นใหม่ไปขบกับริมฝีปากจนทำให้มีแผลในปากได้เช่นกัน อาการของแผลในปากชนิดต่าง ๆ ที่ควรรู้ ปัญหาสุขภาพในเด็กที่อาจทำให้เด็กมีแผลในปาก […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 40 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 40 ลูกน้อยจะเริ่มแสดงออกถึงนิสัยส่วนตัวในช่วงนี้ และจะเริ่มชอบเข้าสังคม ยิ้มกว้างให้กับคนที่พบเจอ หรืออาจจะมีอาการเขินอายมากขึ้นเล็กน้อย หลบหน้าเมื่อเจอคนแปลกหน้า นอกจากนั้น เริ่มพูดเป็นคำ ๆ ได้บ้าง เด็กบางคนอาจมีพัฒนาเร็ว จึงอาจเรียกพ่อหรือแม่ได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการเร็วช้าต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเร่งรัดลูกจนเกินไป [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรม และ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 40 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 40 ลูกน้อยจะเริ่มแสดงออกว่าต้องการความสนใจจากพ่อแม่ และอาจจะรู้จักการโบกมือบ๊ายบาย  ทั้งนี้ พัฒนาการด้านต่างๆ ในสัปดาห์ที่ 40 ของลูกน้อย ได้แก่ เล่นลูกบอลและกลิ้งลูกบอลกลับมาให้ ดื่มน้ำจากแก้วได้ด้วยตัวเอง หยิบของเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ ดังนั้น พ่อแม่ควรเก็บของที่อาจเป็นอันตรายไว้ให้ห่างมือลูกน้อย ยืนนิ่งๆ ได้ด้วยตัวเองสักครู่หนึ่ง ยืนเองได้แล้ว พูดคำว่า “พ่อ” หรือ “แม่” ได้ชัดเจน พูดคำอื่น ๆ นอกเหนือจากคำว่า “แม่” หรือ “พ่อ” […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 39 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 39 หรือประมาณ 9 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ทารกเริ่มมีพัฒนาการในการพูด สามารถออกเสียงคล้ายเสียงพูดเป็นประโยคหรือเป็นวลีได้ และอาจเริ่มเดินได้เล็กน้อย ในช่วงนี้อาจจำเป็นต้องระวังอาการป่วยบางอย่าง เช่น คออักเสบ เท้าแบน การบาดเจ็บจากการหกล้ม อีกทั้งยังควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับวัคซีนให้เหมาะสมกับช่วงอายุอีกด้วย [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 39 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร พัฒนาการด้านต่างๆ ในสัปดาห์ที่ 39 ของลูกน้อย เล่นตบแปะ หรือโบกมือบ๊ายบายได้ บ่นพึมพำ หรือทำเสียงคล้ายๆ จะเป็นคำพูด วลี และ ประโยค เดินโดยการเกาะเฟอร์นิเจอร์ไปเรื่อยๆ เข้าใจคำว่า “ไม่” แต่ก็ไม่ได้เชื่อฟังทุกครั้ง ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร ลูกยังคงเข้าใจในน้ำเสียงมากกว่าความหมายของคำพูด ลูกสามารถเข้าใจได้เมื่อคุณพ่อคุณแม่พอใจ ดังนั้น ควรพูดชมลูกเมื่อเขาทำสิ่งต่างๆ ได้ดี เช่น “หนูทำดีมากเลยนะคะที่หยิบของเล่นที่ตกขึ้นมา” ยิ่งพูดกับลูกมากเท่าไหร่ ลูกก็จะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการสื่อสารได้มากเท่านั้น ลูกจะเริ่มเข้าใจคำว่า “ไม่” ถึงแม้อาจจะยังไม่เชื่อฟังในตอนนี้ แต่ก็สามารถทำให้ลูกรับรู้ได้ว่าสิ่งใดควรทำ และไม่ควรทำ เช่น เมื่อพยายามไปจับต้องสิ่งของบางอย่างที่ก่อให้เกิดอันตราย หลังจากที่บอกไปแล้วว่า อย่าจับ ฉะนั้นจะเป็นการดีที่สุดที่จะใช้คำว่า “ไม่” เฉพาะเวลาที่จำเป็น และเมื่อบอกว่าไม่ คุณพ่อคุณแม่ต้องตามไปอุ้มเขาออกมาจากสิ่งนั้น เพื่อให้ลูกเข้าใจมากขึ้นว่าสิ่งที่บอกเป็นสิ่งที่ห้ามทำ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 17 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 17 หรือประมาณ 4 เดือน ในช่วงนี้ลูกอาจเริ่มมีพัฒนาการด้านการสื่อสารมากขึ้น อาจพยายามเปร่งเสียงเลียนแบบคำง่าย ๆ สั้น ๆ เช่น แม่ พ่อ รวมถึงอาจพยายามอ้อแอ้เพื่อสื่อสารกับพ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่อาจลองพยายามพูดคุยกับลูกให้มาก ๆ เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการด้านการสื่อสารเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังควรดูแลและเฝ้าระวังโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อในหู ที่อาจส่งผลให้เด็กมีอาการเบื่ออาการ มีไข้ หูหนวก และร้องไห้งอแงได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 17 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร นักวิจัยเชื่อว่าลูกน้อยสามารถเข้าใจเสียงพื้นฐานในภาษาพูดแล้ว ซึ่งตั้งแต่ตอนนี้จนถึงอายุ 6 เดือน ลูกจะพัฒนาความสามารถในการใช้เสียงได้ ซึ่งก็หมายความว่าจะได้ยินลูกน้อยพูดคำว่า ‘คุณแม่’ และ ‘พ่อ’ ได้ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาการของเด็กกล่าวว่า นี่ยังเร็วเกินไปที่ลูกน้อยจะรู้จักความหมายที่แท้จริงของคำพวกนั้น อาจกระตุ้นให้ลูกพยายามที่จะสื่อสารออกมา ด้วยการลอกเลียนแบบการแสดงออกและเลียนเสียงของลูก ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยพยายามเลียนแบบเช่นกัน เช่น พูดคำว่า “บา” และลูกอาจจะพยายามพูดเลียนเสียงกลับมา การโต้ตอบเมื่อลูกทำเสียงหรือพยายามพูดอะไรออกมา จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ถึงความสำคัญของภาษา และเข้าใจเหตุและผลได้ดีขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มความยอมรับนับถือในตัวเองให้ลูกด้วย เมื่อลูกเริ่มสังเกตว่าพูดอะไรออกไปแล้วใคร ๆ ก็ให้ความสนใจ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 17 ยกศีรษะขึ้น 90 […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 16 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 16 หรือทารก 4 เดือน โดยทั่วไป ทารกช่วงวัยนี้อาจสนใจในสิ่งต่าง ๆ รอบข้างมากเป็นพิเศา พยายามหัดคว้าสิ่งของรอบตัว รวมถึงอาจมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงมากขึ้นจนสามารถกลิ้งตัวไปมาได้ คุณพ่อคุณแม่ควรลองสังเกตขนาดตัว น้ำหนักตัว รอบศีรษะ และดูพัฒนาการอื่น ๆ โดยรวม ว่าเหมาะสมกับวัยหรือไม่ หากพบว่าลูกมีพัฒนาการไม่เป็นไปตามวัย ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและวิธีรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 16 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร เมื่อคุณพ่อคุณแม่วางมือไว้ที่ท้องของลูก ลูกอาจยกหัวและไหล่ขึ้นโดยใช้มือดันขึ้นไป วิธีนี้จะช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อของลูกอายุ 16 สัปดาห์ให้แข็งแรง และช่วยให้ลูกมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ดีขึ้น และลูกอาจตื่นเต้นมากจนกลิ้งไปมาบ่อย ๆ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 16 ทิ้งน้ำหนักลงบนขาทั้งสองข้างเมื่อยืนตัวตรง คว้าหรือจับสิ่งของต่าง ๆ เกร็งตัวเมื่อจับให้ลุกนั่ง ให้ความสนใจกับเสียง โดยเฉพาะเสียงของคุณแม่ พูดเป็นคำ ๆ ได้แล้ว ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร อาจช่วยเพิ่มทักษะการหมุนตัวให้ลูกผ่านการเล่น โดยขยับของเล่นไปมา เพื่อทำให้ลูกน้อยสนใจ ควรตบมือและยิ้มให้ลูกเมื่อลูกหมุนตัวได้ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ และช่วยให้ลูกอยากแสดงออกและขยับร่างกายมากขึ้น สุขภาพและความปลอดภัย ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร การทดสอบทางกายภาพ และการตรวจสุขภาพของเด็กอายุ 16 สัปดาห์แต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามสภาวะร่างกายของเด็ก โดยทั่วไป คุณหมออาจทำการตรวจ ดังนี้ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 38 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 38 หรือเด็ก 9 เดือน ในช่วงนี้ลูกอาจสามารถเริ่มลุกขึ้นยืนได้ด้วยตัวเอง สามารถคลานและเดินได้เล็กน้อยโดยจับสิ่งของเพื่อช่วยพยุง อีกทั้งยังอาจเริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบคนรอบข้าง คุณพ่อคุณแม่ควรระมัดระวังและเก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย เช่น มีด ยา ของมีคม ของชิ้นเล็ก ๆ ให้พ้นมือลูก เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกกลืนหรือเกิดอุบัติเหตุ [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 38 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร พัฒนาการในสัปดาห์ที่ 38 ของลูกน้อย ที่พบได้ทั่วไป อาจมีดังนี้ ยันตัวขึ้นยืนจากท่านั่งได้ ไถตัวหรือคลาน ลุกขึ้นนั่งโดยใช้หน้าท้อง ทักท้วงเมื่อพยายามนำของเล่นออกจากมือหรือปาก ยืนได้ด้วยการจับคนหรือสิ่งของ ใช้นิ้วหยิบของชิ้นเล็ก ๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเก็บของอันตรายให้พ้นมือลูก พูด “มาม๊า” หรือ “ปะป๊า” ซ้ำไปมา เล่นเกมจ๊ะเอ๋ จำข้อมูลเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น เช่น ของเล่นของตัวเอง รู้ว่าตัเวองอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน เลียนแบบการกระทำที่เคยเห็น ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร ตอนนี้ลูกน้อยสามารถนำของใส่ในกล่องและเอาออกมาจากกล่องได้ ดังนั้นควรมีถังพลาสติก และตัวต่อหลากสีไว้ให้ลูกได้หยิบจับและฝึกฝนทักษะ โดยต้องดูให้แน่ใจว่า ของเล่นมีขนาดพอดี ไม่เล็กเกินไปจนลูกอาจกลืนเข้าปากไปได้ นอกจากนี้ ลูกยังอาจชอบหรือสนใจสิ่งของต่าง ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมา […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 36 ของลูกน้อย

ถ้าคุณเป็นคุณแม่ที่เพิ่งคลอดได้ไม่นาน และอยากจะรู้ถึงพัฒนาการของลูกน้อยในแต่ละช่วงเวลา นี่คือข้อมูลของ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 36 ที่คุณแม่ควรรู้เอาไว้ [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 36 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร พัฒนาการในสัปดาห์ที่ 36 ของลูกน้อย เล่นตบแผละหรือโบกมือบ๊ายบายได้ เดินโดยใช้มือจับ ยึดเฟอร์นิเจอร์เอาไว้ ยืนโดยลำพังได้เพียงชั่วครู่ เข้าใจคำว่า “ไม่” แต่อาจจะไม่เชื่อฟังก็ได้ ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร เมื่อลูกน้อยเริ่มยืนหรือเดินสะเปะสะปะได้แล้ว คุณก็อาจสงสัยว่ารองเท้ามีความจำเป็นหรือเปล่า แพทย์รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กคิดว่า เด็กยังไม่ต้องการใช้รองเท้า จนกว่าจะถึงวัยที่สามารถออกไปเดินเล่นข้างนอกเป็นประจำได้ ตอนนี้ถือเป็นเรื่องปกติที่ลูกน้อยเดินเท้าเปล่า การเดินเท้าเปล่าจะช่วยให้กล้ามเนื้อขาเกิดความแข็งแรง และความรู้สึกถึงพื้นผิวที่กำลังเหยียบย่ำอยู่ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยรักษาการทรงตัวได้ มีวิธีช่วยลูกน้อยหัดเดินอยู่หลายวิธี คุณอาจคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเขา แล้วช่วยเขาเดินเข้าหาคุณ โดยจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้ ซึ่งจะช่วยทั้งพยุงและพาเขาเคลื่อนไหวได้ สิ่งที่คุณควรต้องระวังก็คือการใส่กลอนประตู นอกจากนี้ก็ควรย้ายอุปกรณ์ทำความสะอาด และอุปกรณ์หรือน้ำยาต่างๆ ที่มีสารพิษ ขึ้นไปไว้ในตู้เก็บของสูงๆ และที่นอนในเปลเด็กก็ควรตั้งระดับให้อยู่ต่ำที่สุด สุขภาพและความปลอดภัย ควรปรึกษาแพทย์อย่างไร แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่นัดตรวจสุขภาพเด็กในช่วงเดือนนี้ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่จะไม่ชอบไปโรงพยาบาล ถ้ามีเรื่องกังวลใจที่ไม่สามารถรอให้ถึงการนัดครั้งต่อไปได้ ก็ไปปรึกษาแพทย์ก่อนการนัดหมายได้  สิ่งที่ควรรู้ หัวชนอย่างรุนแรง ถ้าลูกน้อยเอาหัวไปชนอะไรอย่างรุนแรง ก็ควรปลอบโยนเขา แต่ไม่ต้องโอ๋อะไรมากเกินไป การเอาหัวชนอะไรถือเป็นเรื่องปกติของเด็ก ในการเรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบตัว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะมีอาการเล็กน้อย ไม่ได้บาดเจ็บรุนแรงอะไร คุณอาจทำการประคบเย็นเป็นเวลา 20 นาที เพื่อลดอาการบวม รวมทั้งลองป้อนอาหารหรือเบี่ยงเบนความสนใจของลูกน้อย เพื่อที่เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าการประคบเย็นนั้นทำให้เขารู้สึกเย็นเกินไป ถ้าลูกน้อยของคุณหมดสติ ก็ควรโทรหาหน่วยฉุกเฉินหรือรีบพาไปหาคุณหมอ  ถ้าลูกน้อยไม่หายใจ ก็ควรปฐมพยาบาลเพื่อช่วยเด็กหายใจ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 35 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 35 หรือประมาณ 9 เดือน เป็นช่วงที่การมองเห็นของลูกน้อยมีพัฒนาการเทียบเท่ากับวัยผู้ใหญ่ อาจสามารถมองเห็นระยะไกลได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเริ่มจดจำสิ่งของและผู้คนรอบตัวได้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อาจลองอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เพื่อช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ให้ลูกน้อย [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 35 ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร ตอนนี้สายตาของลูกน้อยมีความทัดเทียมกับของผู้ใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมองเห็นได้ในระยะใกล้ ๆ ได้ดีกว่า แต่การมองเห็นในระยะไกลก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นลูกน้อยในวัยนี้ลูกจะเริ่มจำผู้คนและสิ่งของที่อยู่อีกฝากหนึ่งของห้องได้ ลูกอาจจะเห็นของเล่นที่อยู่อีกฟาก จึงพยายามคลานไปหามัน ตอนนี้ลูกน้อยอาจมีสีของดวงตาที่จะอยู่กับลูกไปตลอดชีวิตแล้ว ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในภายหลังก็ตาม พัฒนาการในด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยในช่วงสัปดาห์ที่ 35 มองเห็นได้เกือบเหมือนผู้ใหญ่ ไถตัวหรือคลาน ยันตัวขึ้นยืนจากท่านั่งได้ หยิบของชิ้นเล็กด้วยนิ้วหัวคุณแม่มือและนิ้วมือได้ จึงควรเก็บของที่เป็นอันตรายให้พ้นมือเด็ก เริ่มหัดพูดคำง่าย ๆ อย่าง “มาม๊า” หรือ “ปะป๊า” ซ้ำไปมา ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร บางครั้งลูกน้อยก็มีอาการกลัวอะไรที่ลูกไม่เข้าใจ รวมทั้งอะไรที่ไม่เคยรบกวนลูกมาก่อน อย่างเช่น เสียงกริ่งประตู หรือเสียงกาน้ำเดือด ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น สิ่งที่ทำได้ในฐานะพ่อคุณแม่คือปลอบโยน และทำให้ลูกรับรู้มีอยู่ข้าง ๆ เสมอ แล้วลูกก็จะหายกลัว สิ่งที่ลูกอาจต้องการมากที่สุดก็คือการสวมกอดจาก สุขภาพและความปลอดภัย ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร คุณหมอส่วนใหญ่จะไม่นัดตรวจสุขภาพในช่วงเดือนนี้ ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะเด็กในวัยนี้ส่วนใหญ่จะไม่ชอบไปโรงพยาบาล ถ้ามีเรื่องกังวลใจที่ไม่สามารถรอให้ถึงการนัดครั้งต่อไปได้ ก็ควรโทรปรึกษาคุณหมอก่อน หรือจะไปปรึกษาหมอเลยก็ได้ สิ่งที่ควรรู้ การไอ แม้แต่เด็กที่มีสุขภาพดีก็สามารถไอได้ทุกวัน เนื่องจากการไอช่วยให้เด็กหายใจได้ดีขึ้น […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน