กรดโฟลิก (Folic Acid) ใช้เพื่อป้องกันและรักษาภาวะขาดโฟเลต อาการแทรกซ้อนอื่น ๆ รวมทั้งโลหิตจาง และอาการที่ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญสำหรับผู้ตั้งครรภ์ด้วย
[embed-health-tool-ovulation]
ข้อบ่งใช้
กรดโฟลิก ใช้สำหรับ
กรดโฟลิก (Folic Acid) ใช้เพื่อป้องกันและรักษาภาวะขาดโฟเลต (Folate Deficiency) และอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ รวมทั้งโรคโลหิตจาง (Anemia) และอาการที่ลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเหมาะสม
กรดโฟลิกยังใช้กับอาการอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาวะการขาดโฟเลต ทั้งโรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative Colitis) โรคตับ (Liver Disease) โรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) และการฟอกไต (Kidney Dialysis)
ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออาจตั้งครรภ์ควรรับประทานกรดโฟลิกให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการแท้งบุตร และภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (Neural Tube Defects) รวมถึงความบกพร่องแต่กำเนิด เช่น ความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina Bifida)
บางคนอาจใช้กรดโฟลิกเพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer) มะเร็งปากมดลูก (Cervical Cancer) โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และใช้เพื่อลดระดับของสารโฮโมซีสทีน (Homocysteine) ในเลือด เนื่องจากสารโฮโมซีสทีนที่มีปริมาณสูงเกินไปจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
กรดโฟลิกยังใช้เพื่อรักษาอาการอื่น ๆ อีกด้วย เช่น
- การสูญเสียความทรงจำ เช่น โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
- การสูญเสียการได้ยินที่เกี่ยวข้องกับอายุ
- ป้องกันโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular Degeneration) ที่เกี่ยวข้องกับอายุ ชะลอความแก่
- กระดูกพรุน (Osteoporosis)
- กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome)
- ปัญหากับการนอนหลับ
- ภาวะซึมเศร้า
- อาการปวดเส้นประสาท ปวดกล้ามเนื้อ
- การติดเชื้อเอชไอวี
- โรคด่างขาว (Vitiligo)
- โรคทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Fragile-X Syndrome
- ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงรุนแรงจากการใช้ยาโลมีเทร็กซ์โซล (Lometrexol) และเมโธเทรกเซท (Methotrexate)
- ใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่เหงือก
กรดโฟลิกมักใช้ร่วมกับวิตามินบีอื่น ๆ ด้วย
การทำงานของ กรดโฟลิก
ยังไม่มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการทำงานของกรดโฟลิกที่เพียงพอ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า กรดโฟลิกจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายมนุษย์ มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตสารพันธุกรรมที่เรียกว่าดีเอ็นเอ (DNA) และในการทำงานอื่น ๆ ของร่างกายอีกมากมาย
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ กรดโฟลิก
ปรึกษาแพทย์หรึอเภสัชกรหาก
- คุณอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากในขณะที่คุณกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร คุณควรจะได้รับยาตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- คุณได้รับยาชนิดอื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น
- คุณมีอาการแพ้กรดโฟลิก หรือแพ้ยาชนิดอื่น หรือแพ้สมุนไพรชนิดอื่น
- คุณมีอาการเจ็บป่วย มีอาการผิดปกติ หรือภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคจิตเภท ระดับไตรกลีเซอไรด์ของเลือดสูง (ไขมันในเลือดสูง) มะเร็งต่อมลูกหมาก
- คุณมีอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด เนื้อสัตว์
กฎระเบียบสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายารักษาโรค คุณจึงควรศึกษาข้อมูลให้มาก เพื่อความปลอดภัยในการใช้ และการบริโภคอาหารเสริมกรดโฟลิก ควรมีคุณประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
กรดโฟลิกจะปลอดภัยหากรับประทานอย่างเหมาะสม ขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร การรับประทานกรดโฟลิก 300-400 ไมโครกรัมต่อวัน เพื่อป้องกันความบกพร่องแต่กำเนิดในทารก
ความปลอดภัยสำหรับสภาวะอื่น ๆ
กรดโฟลิกปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ เมื่อรับประทานหรือฉีดเข้าสู่ร่างกาย แต่อาจจะไม่ปลอดภัย หากรับประทานในปริมาณที่มากในระยะยาว
การผ่าตัดขยายเส้นเลือด (Angioplasty)
การใช้กรดโฟลิก วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 ฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือรับประทาน อาจทำให้อาการหลอดเลือดตีบแย่ลงไปอีก ไม่ควรใช้กรดโฟลิกกับผู้ที่กำลังพักฟื้นหลังจากผ่านกระบวนการนี้
โรคมะเร็ง
งานวิจัยช่วงแรก ๆ ชี้ว่า การบริโภคกรดโฟลิก 800-1,000 ไมโครกรัมต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งได้ ผู้ที่มีประวัติเกี่ยวกับการเป็นโรคมะเร็ง จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้กรดโฟลิกในปริมาณมากจนกว่าจะงานศึกษาวิจัยในเรื่องนี้มากขึ้น
โรคหัวใจ
งานวิจัยช่วงแรก ๆ ได้แนะนำว่าการบริโภคกรดโฟลิกร่วมกับวิตามินบี 6 อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดฉับพลัน ในผู้ที่มีประวัติการเป็นโรคหัวใจ
โลหิตจางที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12
การรับประทานกรดโฟลิก อาจบดบังการวินิจฉัยโรคโลหิตจางที่เกิดจากการขาดวิตามินบี 12 และทำให้การรักษาที่เหมาะสมเป็นไปได้ช้า
อาการชัก
การรับประทานอาหารเสริมกรดโฟลิก อาจทำให้อาการชักแย่ลง ในผู้ที่เป็นโรคชัก โดยเฉพาะการรับประทานในปริมาณมาก
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากการใช้กรดโฟลิก
ผู้ใหญ่ที่ใช้กรดโฟลิกส่วนใหญ๋ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เมื่อใช้ในขนาดยาที่ต่ำกว่า 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน กรดโฟลิกในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง ผดผื่น นอนไม่หลับ ระคายเคือง สับสน คลื่นไส้ ท้องไส้ปั่นป่วน พฤติกรรมเปลี่ยนไป มีปฏิกิริยาที่ผิวหนัง ชัก มีแก๊สในกระเพาะอาหาร ตื่นเต้นง่าย
แต่อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาต่อยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
กรดโฟลิกอาจทำปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ และอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณกำลังใช้ยาเหล่านี้
- ยาฟอสฟินิโทอิน (Fosphenytoin)
ยาฟอสฟินิโทอินใช้สำหรับอาการชัก ร่างกายจะย่อยสลายยาฟอสฟินิโทอิน เพื่อกำจัดออกจากร่างกาย กรดโฟลิกอาจเพิ่มความเร็วในการสลายยานี้ การรับประทานกรดโฟลิกคู่กับยานี้ อาจลดประสิทธิภาพของยาฟอสฟินิโทอินในการป้องกันอาการชัก
- ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate)
ยาเมโธเทรกเซททำงานโดยการลดประสิทธิภาพของกรดโฟลิกในเซลล์ของร่างกาย การรับประทานกรดโฟลิกคู่กับยานี้ อาจลดประสิทธิภาพของยาได้
- ยาฟีโนบาร์บิทัล (Phenobarbital)
ยาฟีโนบาร์บิทัลใช้สำหรับอาการชัก การรับประทานกรดโฟลิกสามารถลดประสิทธิภาพของยานี้ในการป้องกันการชักได้
- ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin)
ร่างกายย่อยสลายยาเฟนิโทอิน เพื่อกำจัดออกจากร่างกาย กรดโฟลิกอาจเพิ่มความเร็วในการย่อยสลายยานี้ การรับประทานกรดโฟลิกคู่กับยาเฟนิโทอิน อาจลดประสิทธิภาพของยาและเพิ่มโอกาสในการชัก
- ยาไพรมิโดน (Primidone)
ยาไพรมิโดนใช้สำหรับอาการชัก กรดโฟลิกอาจทำให้เกิดอาการชักในผู้ป่วยบางราย การรับประทานกรดโฟลิกคู่กับยานี้อาจลดประสิทธิภาพของยาในการป้องกันการชัก
- ยาไพริเมทามีน (Pyrimethamine)
ยาไพริเมทามีนใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อปรสิต กรดโคลิคอาจลดประสิทธิภาพของยานี้ในการรักษาอาการติดเชื้อปรสิต
เพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาของกรดโฟลิก
ขนาดยาต่อไปนี้ได้รับการศึกษาในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีความเหมาะสมในการใช้
สำหรับอาการขาดกรดโฟลิก
ขนาดยาปกติคือ 250-1000 ไมโครกรัมต่อวัน
สำหรับการป้องกันภาวะหลอดประสาทไม่ปิด
ผู้หญิงที่แนวโน้มตั้งครรภ์ และต่อเนื่องมาจนถึงเดือนแรกของการตั้งครรภ์ ควรรับประทานกรดโฟลิกขั้นต่ำ 400 ไมโครกรัมต่อวัน จากอาหารเสริม ผู้หญิงที่เคยมีอาการแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด ปกติแล้วจะรับประทาน 4 มก. ต่อวัน เริ่มต้นหนึ่งเดือนก่อนตั้งครรภ์ และรับประทานต่อเนื่องมาจากถึง 3 เดือนหลังตั้งครรภ์
สำหรับการลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
รับประทาน 400 ไมโครกรัมต่อวัน
สำหรับการรักษาระดับสารโฮโมซีสทีนในเลือดสูง
ใช้ในขนาด 5-5 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคไตระยะสุดท้าย
การรักษาระดับสารโฮโมซีสทีนในเลือดสูงนั้น เป็นไปได้ยาก และมีการใช้ยาในขนาด 0.8-15 มก. ต่อวัน ขนาดยาแบบอื่น เช่น 2.5-5 มก. 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ขนาดยาที่สูกว่า 15 มก. ต่อวัน อาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
สำหรับการส่งเสริมการตอบสนองต่อยารักษาโรคซึมเศร้า
ใช้ปริมาณ 200-500 ไมโครกรัมต่อวัน
สำหรับโรคด่างขาว
โดยปกติแล้วคือ 5 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้ง
สำหรับการลดพิษที่เกี่ยวข้องกับการรักษาด้วยยาเมโธเทรกเซทสำหรับโรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)หรือโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)
ใช้ปริมาณ 1 มิลลิกรัมต่อวัน มากสุดคือ 5 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับการป้องกันโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม
กรดโฟลิก 2.5 มิลลิกรัม วิตามินบี 12 หรือโคบาลามิน (Cyanocobalamin) 1000 ไมโครกรัม และวิตามินบี 6 หรือไพริดอกซีน (Pyridoxine) 50 มิลลิกรัมต่อวัน
ปริมาณสารที่ควรได้รับคือ 65 ไมโครกรัม สำหรับทารก 0-6 เดือนและ 80 ไมโครกรัมสำหรับทารก 7-12 เดือน
ปริมาณสารอาหารที่แนะนำให้ได้รับในแต่ละวันสำหรับโฟเลตในอาหารเทียบเท่าโฟเลต (Dietary Folate Equivalent) ทั้งอาหารโฟเลตและกรดโฟลิกที่มาจากอาหารเสริมคือ
- เด็ก 1-3 ปี 150 ไมโครกรัม
- เด็ก 4-8 ปี 200 ไมโครกรัม
- เด็ก 9-13 ปี 300 ไมโครกรัม
- ผู้ใหญอายุมากกว่า 13 ปี 400 ไมโครกรัม
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ 600 ไมโครกรัม
- ผู้ให้นมบุตร 500 ไมโครกรัม
ปริมาณสารอาหารสูงสุดที่สามารถบริโภคได้ในแต่ละวันของโฟเลต คือ
- 300 ไมโครกรัมสำหรับเด็ก 1-3 ปี
- 400 ไมโครกรัมสำหรับเด็ก 4-8 ปี
- 600 ไมโครกรัมสำหรับเด็ก 9-13 ปี
- 800 ไมโครกรัมสำหรับวัยรุ่น 14-18 ปี
- 1000 ไมโครกรัมสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 18 ปี
ขนาดในการใช้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่น ๆ การใช้ยาเสริมนั้นอาจไม่ได้มีความปลอดภัยเสมอ จึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรในเรื่องปริมาณที่เหมาะสม
รูปแบบของกรดโฟลิก
รูปแบบของกรดโฟลิก มีดังนี้
- ยาแคปซูลกรดโฟลิก