ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยา คีโตโรแลค (Ketorolac) ใช้เพื่อรักษาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรงในผู้ใหญ่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยปกติจะใช้ก่อนหรือหลังจากการผ่าตัด การลดอาการปวดจะช่วยให้คุณพักฟื้นได้สบายมากขึ้น และสามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้
ยานี้เป็นยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ทำงานโดยปิดกั้นการสร้างสารตามธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย ผลของยานี้จะช่วยลดอาการบวม อาการปวด และลดไข้
ไม่ควรใช้ยา คีโตโรแลค สำหรับอาการปวดในระดับเบา หรืออาการปวดในระยะยาว เช่น อาการข้ออักเสบ
รับประทานยานี้ โดยปกติคือทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง พร้อมกับน้ำเปล่าเต็มแก้ว (8 ออนซ์ หรือ 240 มล.) หรือตามที่แพทย์กำหนด หลังจากรับประทานยาคีโตโรแลคแล้ว ควรรออย่างน้อย 10 นาทีจึงค่อยเอนตัวลงนอน หากเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนขณะใช้ยานี้ อาจรับประทานพร้อมกับอาหาร นม หรือยาลดกรด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร และผลข้างเคียงอื่นๆ ควรรับประทานยานี้ในขนาดยาต่ำที่สุด และในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
อย่าเพิ่มขนาดยา รับประทานยาบ่อย หรือนานกว่า 5 วัน หากคุณยังมีอาการปวดหลังจากผ่านไป 5 วัน โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่ควรใช้ และอย่ารับประทานยามากกว่า 40 มล. ภายใน 24 ชั่วโมง
หากคุณใช้ยานี้ “เท่าที่จำเป็น” (ไม่ใช่ตามตารางยาปกติ) โปรดจำไว้ว่า ยาแก้ปวดนั้นจะได้ผลดีที่สุด หากใช้เมื่อเริ่มมีสัญญาณของอาการปวด หากคุณรอจนอาการปวดรุนแรง ยานี้อาจจะได้ผลไม่ดีนัก
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการแย่ลง หรือหากอาการปวดนั้นไม่ลดลง
ยาคีโตโรแลคควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาคีโตโรแลคบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาคีโตโรแลคลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ก่อนใช้ยาคีโตโรแลค แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือยาแอสไพริน หรือยาในกลุ่มยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์อื่นๆ เช่น ไอบูโปรเฟน (ibuprofen) นาพรอกเซน (naproxen) เซเลโคซิบ (celecoxib) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีสารไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ
ในบางครั้ง การใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ รวมถึงยาคีโตโรแลคอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับไตได้ ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นได้ หากคุณมีภาวะขาดน้ำ มีอาการหัวใจล้มเหลว หรือเป็นโรคไต เป็นผู้สูงอายุ หรือหากกำลังใช้ยาบางชนิด (อ่านเพิ่มเติมในส่วนปฏิกิริยาของยา) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ คุณจึงควรดื่มน้ำให้มากๆ ตามที่แพทย์กำหนด และแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม ฉะนั้น อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย
ยานี้สามารถทำให้เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ได้ การดื่มสุราและสุบบุหรี่เป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับยานี้ สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ควรจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหยุดสูบบุหรี่ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยานี้อาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงแดดได้ จึงควรจำกัดเวลาในการโดนแดด ควรทาครีมกันแดด และสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากคุณเกิดอาการแดดเผา หรือมีแผลพุพอง หรือรอยแดงที่ผิวหนัง
ก่อนการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าน ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ เป็นต้น
ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลของยานี้มากกว่า โดยเฉพาะอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ หรือปัญหาเกี่ยวกับไต การใช้ยานี้ในขนาดยาที่สูงเป็นเวลานาน ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์ หรือวางแผนตั้งครรภ์ เพราะหากอยู่ระหว่างตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในไตรมาสแรก และไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อทารก และส่งผลกระทบต่อการคลอดตามปกติ
ยานี้สามารถเข้าสู่น้ำนมแม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยานี้
ยาคีโตโรแลคจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
อาจเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก ท้องร่วง มีแก๊ส วิงเวียนศีรษะ หรือง่วงซึม หากอาการเหล่านี้ไม่หายไป หรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
ยานี้อาจเพิ่มระดับความดันโลหิต จึงควรทำการตรวจสอบระดับความดันโลหิตเป็นประจำ และหากมีความดันโลหิตสูง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
แจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น แต่รุนแรง ได้แก่
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายาก แต่รุนแรง ได้แก่
ในกรณีหายากยานี้ อาจทำให้เกิดโรคไตที่รุนแรง ซึ่งอาจถึงแก่ชีวิต ฉะนั้น หากเกิดอาการของตับเสียหาย เช่น ปัสสาวะสีคล้ำ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนบ่อยครั้ง ดวงตาและผิวเป็นสีเหลือง ควรเข้ารับการรักษาพยาบาลทันที
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรง ได้แก่
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาคีโตโรแลคอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยาคีโตโรแลค ได้แก่
ยาคีโตโรแลคอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออก เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่น เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด (anti-platelet) อย่างโคลพิโดเกรล (clopidogrel) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างดาบิกาทราน (dabigatran) อีนอกซาพาริน (enoxaparin) วาฟาริน (warfarin)
ควรตรวจสอบฉลากของยาทั้งหมดที่คุณใช้อย่างระมัดระวัง ทั้งยาตามใบสั่งยา และยาที่หาซื้อเอง เนื่องจากยาจำนวนมากมักจะมีส่วนประกอบของยาบรรเทาอาการปวด หรือยาลดไข้ เช่น แอสไพริน ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ อย่างไอบูโพรเฟน หรือนาพรอกเซน
ยาข้างต้นมีความคล้ายคลึงกับยาคีโตโรแลค และอาจเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงได้หากใช้ร่วมกัน แต่หากแพทย์สั่งให้คุณใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำ เพื่อป้องกันอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือโรคหลอดเลือดสมอง (โดยปกติคือขนาด 81-325 มก.) คุณควรใช้ยาแอสไพรินต่อไป เว้นแต่แพทย์จะสั่งอย่างอื่น สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาคีโตโรแลคอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาคีโตโรแลคอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการปวด
ระยะเวลาโดยรวมของการใช้ยาคีโตโรแลคโดยการฉีดยา การรับประทาน หรือการพ่นทางจมูกไม่ควรเกิน 5 วัน ยาในรูปแบบรับประทานนั้นต้องใช้ร่วมกับการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเท่านั้น
ยาพ่นจมูก
ยาฉีด
การรักษาด้วยการให้ยาหนึ่งครั้ง
การรักษาด้วยการให้ยาหลายครั้ง
การรับประทานยาต่อเนื่องมาจากการรักษาด้วยการฉีดยา
คำแนะนำ
การใช้งาน
ขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรักษาอาการปวด
ระยะเวลาโดยรวมของการใช้ยาคีโตโรแลคโดยการฉีดยา การรับประทาน หรือการพ่นทางจมูกไม่ควรเกิน 5 วัน ยาในรูปแบบรับประทานนั้นต้องใช้ร่วมกับการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเท่านั้น
ยาพ่นจมูก
ยาฉีด
การรับประทานยาต่อเนื่องมาจากการรักษาด้วยการฉีดยา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อการรักษาในระยะสั้น (ไม่เกิน 5 วัน) เพื่อจัดการอาการปวดเฉียบพลันระดับปานกลางถึงรุนแรงที่จำเป็นต้องมีการใช้ยาระงับความรู้สึกระดับยาโอปิออยด์ (opioid) โดยปกติจะใช้ช่วงหลังผ่าตัด
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ยาพ่นจมูก
ยาฉีด
การรับประทานยาต่อเนื่องมาจากการรักษาด้วยการฉีดยา
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
หากมีสัญญาณหรืออาการของตับบกพร่องเกิดขึ้นหรือตรวจพบว่าตับผิดปกติ การประเมินความเป็นพิษต่อตับ ควรใช้อย่างความระมัดระวัง และควรหยุดใช้ยานี้หากมีสัญญาณและอาการของโรคตับหรือมีอาการทั่วร่างกาย (systemic manifestation) เช่น อีโอซิโนซิฟิเลีย (eosinophilia) ผดผื่น
การปรับขนาดยา
อย่าใช้ยาเกินขนาด 60 มก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ป่วยที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่น้ำหนัก 50 กก. (110 ปอนด์) หรือน้อยกว่านั้น และในผู้ป่วยที่มีครีอะตินินซีรั่มสูงในระดับปานกลาง
การฟอกไต
ห้ามใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีไตบกพร่องระดับปานกลางถึงรุนแรง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
ยาพ่นจมูก
รับประทาน
ยาฉีด
การเก็บรักษา
ยาสำหรับฉีด
ยาพ่นจมูก
เทคนิคการคืนรูปหรือการเตรียมตัว
ความเข้ากันของการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาอาการปวด
ระยะเวลาโดยรวมของการใช้ยาคีโตโรแลคโดยการฉีดยา การรับประทาน หรือการพ่นทางจมูกไม่ควรเกิน 5 วัน ยาในรูปแบบรับประทานนั้นต้องใช้ร่วมกับการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำหรือการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อเท่านั้น
ยาพ่นจมูก
อายุมากกว่า 17 ปี
การรับประทานยาต่อเนื่องมาจากการรักษาด้วยการฉีดยา
อายุมากกว่า 17 ปี
ยาฉีด
อายุมากกว่า 17 ปี
การรักษาด้วยการให้ยาหนึ่งครั้ง
การรักษาด้วยการให้ยาหลายครั้ง
อายุ 2-16 ปี
การรักษาด้วยการให้ยาหนึ่งครั้ง
คำแนะนำ
การใช้งาน
ข้อควรระวัง
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย