ข้อบ่งใช้
ยา มอทริน (ไอบูโพรเฟน) ใช้สำหรับ
ยา มอทริน (Motrin®) เป็นยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) ยาไอบูโพรเฟนทำงานโดยการลดฮอร์โมน ที่ทำให้เกิดการอักเสบ และอาการปวดภายในร่างกาย
ยามอทรินใช้เพื่อลดไข้ และรักษาอาการปวด หรืออาการอักเสบ ที่เกิดจากสภาวะเนื่องจากอาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลัง ข้ออักเสบ ปวดประจำเดือน หรืออาการบาดเจ็บระดับเบา
ยามอทรินใช้กับผู้ใหญ่ และเด็กที่อายุอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป
วิธีการใช้ยา มอทริน (ไอบูโพรเฟน)
ใช้ยามอทรินตามที่กำหนดบนฉลากยา หรือตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยาในขนาดที่มากกว่า หรือนานกว่าที่กำหนด ควรใช้ยาในขนาดที่น้อยที่สุดเท่าที่มีประสิทธิภาพที่จะรักษาโรค
อย่าใช้ยามากกว่าขนาดที่แนะนำ การใช้ยาไอบูโพรเฟนเกินขนาด สามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ขนาดยาไอบูโพรเฟนสูงสุดสำหรับผู้ใหญ่คือ 800 มก. ต่อครั้ง หรือ 3,200 มก. ต่อวัน (ขนาดยาสูงสุด 4 ครั้ง) ใช้ยาไอบูโพรเฟนในขนาดที่น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรเทาอาการปวด อาการบวม หรือไข้
ขนาดยาไอบูโพรเฟนสำหรับเด็กนั้น ขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักของเด็ก ควรทำตามวิธีการใช้ยามอทรินสำหรับเด็ก ให้เหมาะสมกับอายุและน้ำหนักของเด็ก โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ
รับประทานยามอทรินพร้อมกับอาหารหรือน้ำ เพื่อลดอาการท้องไส้ปั่นป่วน
ควรเขย่าขวดยาน้ำแขวนตะกอน (ยาน้ำ) ให้ดีก่อนตวงยา ควรตวงยาด้วยกระบอกที่แถมมา หรือช้อนหรือถ้วยสำหรับตวงยา หากคุณไม่มีอุปกรณ์สำหรับตวงยาโปรดขอจากเภสัชกร
ยามอทรินรูปแบบยาเม็ดสำหรับเคี้ยวนั้น ควรเคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
หากคุณใช้ยานี้ในระยะยาว คุณอาจจะต้องรับการตรวจทางการแพทย์เป็นประจำ
การเก็บรักษายา มอทริน (ไอบูโพรเฟน)
ยามอทรินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยามอทรินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยามอทรินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา มอทริน (ไอบูโพรเฟน)
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก
- คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
- หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
- หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของยามอทริน หรือยาอื่นๆ
- หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ
ยามอทรินสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง โดยเฉพาะหากคุณใช้ยาในระยะเวลานาน หรือใช้ในขนาดที่สูง แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ หรือมีปัจจัยเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ ก็สามารถที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจวาย ขณะที่กำลังใช้ยานี้ได้
อย่าใช้ยานี้ก่อนทำการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (coronary artery bypass graft, or CABG)
ยา มอทริน ยังอาจทำให้เกิดอาการเลือดออก ที่กระเพาะอาหารหรือลำไส้ได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต สภาวะเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีสัญญาณเตือน ขณะที่คุณกำลังใช้ยาไอบูโพรเฟน โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุ
คุณไม่ควรใช้ยา มอทริน หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้ต่อยาไอบูโพรเฟน หรือจากคุณเคยเป็นโรคหอบกำเริบ หรืออาการแพ้ที่รุนแรง ขณะที่กำลังใช้ยาแอสไพริน หรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานข้อมูลที่เพียงพอ เกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษากับแพทย์เสมอ เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนใช้ยานี้
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยา มอทริน (ไอบูโพรเฟน)
รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
รับการรักษาในทันที หากคุณมีสัญญาณของหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง อย่างเช่นอาการแน่นหน้าอก ที่แพร่กระจายไปยังกรามหรือไหล่ อาการชาหรืออ่อนแรงอย่างกะทันหันที่ด้านหนึ่งของร่างกาย พูดไม่ชัด ขาบวม รู้สึกหายใจลำบาก
หยุดใช้ยา มอทริน และติดต่อแพทย์ในทันที ถ้าหากคุณมีอาการดังนี้
- การมองเห็นเปลี่ยนแปลง
- หายใจลำบาก (แม้แต่จากการออกกำลังกายระดับเบา)
- อาการบวมหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- สัญญาณแรกของผดผื่นผิวหนังใดๆ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
- สัญญาณของอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร อุจจาระเป็นเลือดหรือคล้ายยางมะตอย ไอเป็นเลือดหรืออาเจียนคล้ายกากกาแฟ
- ปัญหาเกี่ยวกับตับ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องส่วนบน คัน รู้สึกเหนื่อยล้า มีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง)
- ปัญหาเกี่ยวกับไต ปัสสาวะน้อยหรือไม่ปัสสาวะเลย อาการบวมที่เท้าหรือข้อเท้า รู้สึกเหนื่อยล้าหรือหายใจลำบาก
- ภาวะโลหิตจาง (anemia) ผิวซีด รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว รวมรวมสมาธิได้ยาก
- ปฏิกิริยาผิวหนังที่รุนแรง เป็นไข้ เจ็บคอ มีอาการบวมที่ใบหน้าหรือลิ้น แสบร้อนที่ดวงตา ปวดผิว ตามด้วยผดผื่นผิวหนังสีแดงหรือสีม่วงที่แพร่กระจาย (โดยเฉพาะใบหน้าหรือร่างกายส่วนบน) และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก
ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้
- ท้องไส้ปั่นป่วน แสบร้อนกลางอกระดับเบา คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องอืด มีแก๊ส ท้องร่วง ท้องผูก
- วิงเวียน ปวดหัว ประหม่า
- คันหรือผดผื่นระดับเบา
- มีเสียงอื้อในหู
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ หรืออาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยา มอทริน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
- ยาลิเทียม (Lithium)
- ยาเมโธเทรกเซท (Methotrexate)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างวาฟาริน (warfarin) คูมาดิน (Coumadin) หรือแจนโทเวน (Jantoven)
- ยาสำหรับหัวใจหรือความดันโลหิต รวมถึงยาขับปัสสาวะหรือยาขับน้ำ
- ยาสเตียรอยด์ (Steroid medicine) เช่น ยาเพรดนิโซน (prednisone)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยามอทรินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยามอทรินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณ ก่อนใช้ยาเสมอ
โรคที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่
- โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคเบาหวาน หรือหากคุณสูบบุหรี่
- เคยเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง หรือลิ่มเลือด
- เคยมีแผลหรือเลือดออกในกระเพาะอาหาร
- โรคหอบหืด
- โรคตับหรือโรคไต
- ภาวะคั่งน้ำ (Fluid retention)
- โรคของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (connective tissue disease) เช่น กลุ่มอาการมาร์แฟน (Marfan syndrome) กลุ่มอาการโจเกร็น (Sjogren’s syndrome) หรือโรคลูปัส (lupus)
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยามอทริน (ไอบูโพรเฟน) สำหรับผู้ใหญ่
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) และโรคข้อเสื่อม (osteoarthritis) รวมถึงโรคเรื้อรังที่ปะทุขึ้นมา
1,200 มก. – 3,200 มก. ต่อวัน (600 มก. วันละ 3 ครั้ง หรือวันละ 4 ครั้ง)
อาการปวดระดับเบาจนถึงปานกลาง
400 มก. ทุก ๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น เพื่อบรรเทาอาหารปวด
ในการทดลองให้ยาระงับอาการปวดทางการแพทย์แบบควบคุม ขนาดยาของยาเม็ดไอบูโพรเฟนที่มากกว่า 400 มก. นั้น ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าขนาดยา 400 มก.
ปวดประจำเดือน
สำหรับการรักษาอาการปวดประจำเดือน ควรเริ่มต้นการรักษาเมื่อเริ่มมีอาการ เช่น อาการปวด ควรใช้ยาเม็ดไอบูโพรเฟนในขนาด 400 มก. ทุก ๆ 4 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็นในการบรรเทาอาการปวด
ขนาดยามอทริน (ไอบูโพรเฟน) สำหรับเด็ก
ลดไข้
สำหรับการลดไข้ในเด็กอายุ 6 เดือน จนถึง 2 ปี ควรปรับขนาดยาโดยขึ้นอยู่กับระดับอุณหภูมิเริ่มต้น ขนาดยาที่แนะนำคือ 5 มก./กก. หากอุณหภูมิเริ่มต้นน้อยกว่า 102.5º ฟาเรนไฮต์ หรือ 10 มก./กก. หากอุณหภูมิเริ่มต้นคือ 102.5º ฟาเรนไฮต์ขึ้นไป ระยะเวลาในการลดไข้นั้นมักจะอยู่ที่ 6 ถึง 8 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดต่อวันที่แนะนำคือ 40 มก./กก.
ระงับการเจ็บปวด
สำหรับการบรรเทาอาการปวดระดับน้อยถึงปานกลาง ในเด็กที่อายุ 6 เดือน จนถึง 2 ปี ขนาดยาที่แนะนำคือ 10 มก./กก. ทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดต่อวันที่แนะนำคือ 40 มก./กก. ควรให้ยาโดยไม่รบกวนรูปแบบการนอนหลับของเด็ก
โรคข้ออักเสบในเด็ก (Juvenile Arthritis)
ขนาดยาที่แนะนำคือ 30 ถึง 40 มก./กก./วัน แบ่งรับประทานวันละสามถึงสี่ครั้ง (ควรอ่านเพิ่มเติมในขนาดยาของแต่ละบุคคล) ผู้ป่วยที่เป็นโรคในระดับเบากว่าอาจจะได้รับการรักษาอย่างเพียงพอที่ขนาดยา 20 มก./กก./วัน
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดไอบูโพรเฟน ขนาด 600 มก.
- ยาแขวนตะกอน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]