ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยาเคพไซตาบีน (Capecitabine) ใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ทำงานโดยการชะลอหรือยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
รับประทานยานี้ตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือ วันละ 2 ครั้ง ครั้งแรกในตอนเช้า และอีกครั้งในตอนเย็น กลืนยาทั้งเม็ดพร้อมกับดื่มน้ำเต็มแก้ว (8 ออนซ์/ 24 มล.) ภายใน 30 นาทีหลังมื้ออาหาร อย่าบดหรือแบ่งเม็ดยา หากคุณมีปัญหาในการกลืนยาทั้งเม็ด ควรขอคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร แพทย์อาจแนะนำให้คุณใช้ยานี้ตามรอบการรักษา ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ ขนาดตัว และการตอบสนองต่อการรักษา อย่าเพิ่มขนาดยา ใช้ยาบ่อยหรือนานกว่าที่กำหนด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้อาการของคุณหายไวขึ้นแล้ว ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงด้วย
ยานี้สามารถดูดซึมผ่านทางผิวหนังและปอด และอาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออาจจะตั้งครรภ์ จึงไม่ควรสัมผัส หรือสูดหายใจละอองจากยานี้
ยาเคพไซตาบีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาเคพไซตาบีนบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาเคพไซตาบีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ก่อนใช้ยาเคพไซตาบีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยานี้ หรือแพ้ยา 5-ฟลูออโรยูราซิล (5-fluorouracil) หรือหากคุณมีโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษา ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรือปัญหาอื่นได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาเภสัชกร
ก่อนใช้ยานี้ โปรดแจ้งประวัติทางการแพทย์ของคุณให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วย โดยเฉพาะโรคหรือภาวะต่อไปนี้
ยาเคพไซตาบีนสามารถทำให้คุณติดเชื้อ หรือทำให้อาการติดเชื้อที่เป็นอยู่แย่ลงได้ ควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่ติดเชื้อซึ่งอาจแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ เช่น โรคอีสุกอีใส โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ หรือหากคุณเคยสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ หรือสงสัยว่าอาจได้รับเชื้อ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์
อย่าสร้างภูมิคุ้มกัน (immunizations) หรือฉีดวัคซีนโดยไม่ปรึกษาแพทย์และควรหลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่เพิ่งผ่านการฉีดวัคซีน เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ให้ผ่านทางจมูก
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลบาด รอยช้ำ หรือบาดเจ็บ ควรระมัดระวังในการใช้ของมีคม เช่น ใบมีดโกน กรรไกรตัดเล็บ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือกีฬาที่ต้องปะทะกัน
ยานี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง จึงควรจำกัดเวลาในการอยู่ได้รับแสงแดด หลีกเลี่ยงการอาบแดด ทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน หากคุณมีแผลพุพอง หรือรอยแดง ควรเข้ารับการรักษาทันที
ยานี้สามารถทำให้คุณรู้สึกมึนงงได้ และหากได้รับแอลกอฮอล์หรือกัญชาก็จะยิ่งทำให้อาการมึนงงแย่ลงได้ ฉะนั้น อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว จนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ควรจำกัดปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค
ก่อนการผ่าตัด โปรดแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้ ทั้งยาตามใบสั่ง ยาที่หาซื้อได้เอง และสมุนไพร
ผู้สูงอายุอาจไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ โดยเฉพาะอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และกลุ่มอาการมือและเท้าบวมแดง (hand-foot syndrome)
แจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ คุณไม่ควรตั้งครรภ์ขณะใช้ยานี้ เนื่องจากอาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ควรสอบถามแพทย์ถึงวิธีการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้
ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ขณะใช้ยานี้ และภายในช่วง 6 เดือนหลังจากใช้ยาครั้งสุดท้าย ผู้ชายที่มีคู่นอนเป็นหญิงสาวในวัยเจริญพันธุ์ควรใช้การคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ขณะใช้ยานี้ และภายในช่วง 3 เดือนหลังจากใช้ยาครั้งสุดท้าย หากคุณหรือคู่ของคุณตั้งครรภ์ ควรปรึกษาเรื่องความเสี่ยงและประโยชน์ของยานี้กับแพทย์ทันที
เนื่องจากยานี้สามารถดูดซึมผ่านทางผิวหนังและปอด และอาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรืออาจจะตั้งครรภ์ไม่ควรสัมผัส หรือสูดหายใจละอองจากยานี้
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถไหลผ่านน้ำนมแม่ได้หรือไม่ จึงไม่แนะนำให้คุณแม่ให้นมบุตรระหว่างใช้ยานี้ และภายในช่วง 2 สัปดาห์หลังจากใช้ยาครั้งสุดท้าย เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อทารก โปรดปรึกษากับแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยานี้ ยาเคพไซตาบีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องผูก เหนื่อยล้า อ่อนแรง ปวดหัว มึนงง นอนไม่หลับ หรือการรับรสเปลี่ยน อาการคลื่นไส้และอาเจียนนั้นอาจจะรุนแรง ในบางกรณีแพทย์อาจสั่งยาเพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนให้ การรับประทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ หลายๆ มื้อ ไม่รับประทานอาหารก่อนใช้ยา หรือจำกัดการทำกิจกรรมบางอย่างอาจช่วยให้ผลข้างเคียงเหล่านี้น้อยลงได้ หากผลข้างเคียงเหล่านี้ไม่หายไปหรือแย่ลงโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
อาการท้องร่วงคือผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยานี้ ควรดื่มน้ำให้มาก เว้นแต่แพทย์จะสั่งอย่างอื่น แพทย์อาจจะสั่งยาอื่น เช่น ยาโลเพอราไมด์ (loperamide) เชื่อช่วยลดอาการท้องร่วง อาเจียน หรือท้องร่วงไม่หยุด ที่อาจทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำอย่างมาก หรือเกิดภาวะขาดน้ำ (Dehydration) หากคุณสังเกตเห็นอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อยลง ปากแห้งหรือกระหายน้ำผิดปกติ มึนงง วิงเวียน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
อาจเกิดอาการผมร่วงชั่วคราว โดยปกติแล้วเส้นผมจะกลับมาเติบโตตามปกติหลังจากหยุดใช้ยา และยานี้อาจทำให้เล็บเกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวได้ด้วย
ผู้ที่ใช้ยานี้อาจเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ แต่การที่แพทย์ได้สั่งให้ใช้ยานี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่า ยาเป็นประโยชน์ต่อคุณมากกว่าความเสี่ยงของผลข้างเคียง การที่แพทย์เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อาจช่วยลดความเสี่ยงไปได้
หยุดใช้ยานี้และแจ้งแพทย์ทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่
ยาเคพไซตาบีนอาจทำให้เกิดปัญหาที่ผิวหนัง เรียกว่ากลุ่มอาการมือและเท้าบวมแดง (Hand-Foot Syndrome) เพื่อป้องกันอาการนี้ ควรป้องกันมือและเท้าของคุณจากความร้อนหรือแรงดันที่เพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงกิจกรรมใช้น้ำร้อนล้างจาน แช่ตัวในอ่างอาบน้ำ วิ่งจ็อกกิ้ง เดินไกล ใช้เครื่องมือทำสวน หรือซ่อมบ้าน
อาการมือและเท้าบวมแดง (Hand-Foot Syndrome) อาจมีทั้งอาการปวด บวม รอยแดง แผลพุพอง หรืออาการชาที่มือ ชาที่เท้า แพทย์อาจจะสั่งยา เช่น บาล์ม (balm) เพื่อช่วยจัดการกับอาการที่เกิดขึ้น หากอาการนี้ส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมตามปกติของคุณ ควรรับการรักษาในทันที
สำหรับชายหญิงในวัยเจริญพันธุ์ ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการมีบุตร สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์
ยานี้อาจลดความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค จึงอาจทำให้อาการติดเชื้อที่เป็นอยู่แย่ลง หรือทำให้คุณเสี่ยงเกิดการติดเชื้อที่รุนแรงจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ หากคุณมีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น เจ็บคอไม่ยอมหาย เป็นไข้ หนาวสั่น ไอ ควรเข้ารับการรักษาทันที
หากคุณพบผลข้างเคียงที่รุนแรงดังนี้ ควรแจ้งแพทย์ทันที
รับการรักษาในทันที หากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก เช่น
อาการแพ้ที่รุนแรงมากของยานี้พบได้ยาก แต่ควรรับการรักษาในทันที อาการของอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาเคพไซตาบีนนั้นคล้ายคลึงกับยาฟลูออโรยูราซิล (fluorouracil) อย่าใช้ยาที่มีส่วนประกอบของฟลูออโรยูราซิล ขณะที่กำลังใช้ยานี้
ยาเคพไซตาบีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ และเพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาเคพไซตาบีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาเคพไซตาบีนอาจทำให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งสภาวะโรคของคุณให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก (Colorectal Cancer)
ยารักษาชนิดเดียว (MONOTHERAPY)
สำหรับการรักษาครั้งแรกของผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในระยะลุกลาม ที่เหมาะจะรักษาด้วยฟลูออโรไพริมิดีน (fluoropyrimidine therapy) เพียงอย่างเดียว
การรักษาเสริมสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3
คำแนะนำ
ควรกลืนยาทั้งเม็ดพร้อมดื่มน้ำ ภายในเวลา 30 นาทีหลังมื้ออาหาร
การใช้
มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษามะเร็งเต้านม (Breast Cancer)
ยารักษาชนิดเดียว (MONOTHERAPY)
ใช้ร่วมกับยาโดซีแทคเซล
คำแนะนำ
การใช้
มะเร็งเต้านม
การปรับขนาดยาสำหรับไต
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
การปรับขนาดยา
ให้เป็นยาชนิดเดียว เพื่อรักษาโรคมะเร็งลำไส้และทวารหนักระยะลุกลาม การเสริมการรักษาโรคมะเร็งลำไส้และทวารหนัก และโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 1 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 2 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 3 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 4:
ใช้ร่วมกับยาโดซีแทคเซล เพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม
การปรับขนาดยาเคพไซตาบีนสำหรับการเป็นพิษ ควรทำให้สอดคล้องกับตารางการใช้เป็นยาชนิดเดียวด้านบน เมื่อเริ่มต้นรอบการรักษา หากมีความล่าช้าในการรักษาที่บ่งชี้ถึงยาเคพไซตาบีนหรือยาโดซีแทคเซล ก็ควรจะชะลอการการให้ยาทั้งสอง จนกว่าจะมีความต้องการในการเริ่มใช้ยาทั้งสองอีกครั้ง
การปรับขนาดยาโดซีแทคเซล (ใช้ร่วมกับยาเคพไซตาบีน)
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 1 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 2 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 3 :
เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ระดับ 4 :
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้
การเฝ้าสังเกต
ความเข้ากันของการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (IV compatibility)
ทั่วไป
ผู้ป่วยที่รับการรักษาควรได้รับการเฝ้าระวังจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้สารสำหรับทำเคมีบำบัดเพื่อรักษามะเร็ง
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านทันที
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย