เวลาที่ร่างกายอยู่ในสภาวะกดดันหรือเครียด ร่างกายจะหลั่งสารที่เรียกว่า คอร์ติซอล ออกมารับมือกับความเครียด แต่ความจริงแล้ว คอร์ติซอลไม่ได้เกี่ยวข้องแค่กับความเครียด แต่ส่งผลกับร่างกายในหลายด้าน การเรียนรู้หน้าที่ต่างๆ ของคอร์ติซอล จึงอาจช่วยให้เราควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงได้ง่ายขึ้น
คอร์ติซอล ฮอร์โมนความเครียดมาจากไหน
คอร์ติซอล คือสเตียรอยด์ฮอร์โมน (Steroid hormone) จัดเป็นฮอร์โมนกลุ่มกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoids) ที่ผลิตจากต่อมหมวกไตชั้นนอก และส่งผ่านไปยังอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายผ่านกระแสเลือด เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายหลั่งออกมา เพื่อตอบสนองต่อสภาวะเครียดหรือกดดันต่างๆ จึงมักเรียกกันว่า “ฮอร์โมนความเครียด”
หลากหลายหน้าที่ของคอร์ติซอล
เนื่องจากเซลล์ส่วนใหญ่ในร่างกายมีตัวรับคอร์ติซอล (cortisol receptor) ฮอร์โมนตัวนี้จึงไม่ได้หยุดอยู่แค่ความเครียด แต่ส่งผลกับการทำงานของร่างกายในหลายด้าน ขึ้นอยู่กับประเภทของเซลล์ เช่น
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยให้กระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) หรือการเผาผลาญพลังงานในร่างกายคงที่ ทำหน้าที่เป็นสารต้านการอักเสบ ช่วยเรื่องความจำ ควบคุมความสมดุลของโซเดียมและของเหลวในร่างกาย ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยให้ทารกในครรภ์มีพัฒนาการเป็นปกติ มากไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่ได้
การหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยสมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ต่อมใต้สมอง (Pituitary Gland) และต่อมหมวกไต หรือที่เรียกรวมกันว่า แกนไฮโปทาลามัส-พิทูอิทารี-อะดรีนัล (Hypothalamic–pituitary–adrenal axis / HPA axis) โดยในแต่ละวัน ระดับคอร์ติซอลในร่างกายของเราจะขึ้นลงหลายครั้ง ปกติจะต่ำสุดในช่วงประมาณเที่ยงคืน และจะค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้น จนถึงระดับสูงที่สุดในช่วงประมาณ 9 โมงเช้า
อย่างไรก็ตาม การใช้ชีวิตที่ผิดปกติ เช่น การทำงานเป็นกะ การนอนกลางวันมากเกินไป รวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บ อย่างโรคเกี่ยวกับต่อมหมวกไต ก็สามารถส่งผลกระทบให้ร่างกายผลิตและใช้คอร์ติซอลในระดับผิดปกติได้ หากร่างกายมีฮอร์โมนคอร์ติซอลอยู่ในระดับน้อยเกินไปหรือมากเกินไป ก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ทั้งสิ้น
หากมีคอร์ติซอลมากเกินไป
การมีคอร์ติซอลในเลือดมากเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการคุชชิง (Cushing’s disease) ซึ่งมีลักษณะ หรืออาการดังต่อไปนี้
- น้ำหนักขึ้นฮวบฮาบ โดยเฉพาะที่ใบหน้า หน้าอก ช่วงท้อง แต่แขนขากลับเรียวลีบ
- หน้ากลม แก้มแดง
- ความดันโลหิตสูง
- กระดูกพรุน
- ผิวหนังเปลี่ยนแปลง ผิวบางลง ทำให้มีรอยช้ำและรอยแตก
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง
- อารมณ์แปรปรวน เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ฉุนเฉียวง่าย
- หิวน้ำและปัสสาวะบ่อย
นอกจากนี้ ระดับคอร์ติซอลที่สูงเกินไปยังอาจส่งผลให้ไม่มีความต้องการทางเพศ ผู้หญิงมีประจำเดือนไม่ปกติ ประจำเดือนมาน้อยลง จนอาจถึงขั้นไม่มีประจำเดือน หรือที่เรียกว่า ภาวะขาดระดู (amenorrhoea)
หากมีคอร์ติซอลน้อยเกินไป
หากร่างกายมีระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยเกินไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เป็นโรคแอดดิสัน (Addison’s disease) หรือเกิดภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง (adrenal insufficiency) ซึ่งมีอาการดังนี้
- อ่อนเพลียรุนแรงและเหนื่อยง่าย
- น้ำหนักตัวลด
- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด โดยเฉพาะเวลายืน
- ความดันโลหิตต่ำ
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ผิวหนังบริเวณใบหน้า ลำคอ และหลังมือคล้ำขึ้น
หากคุณสงสัยว่าระดับคอร์ติซอลในร่างกายของตัวเองผิดปกติ คุณควรรีบไปปรึกษาคุณหมอโดยด่วน เพื่อจะได้หาสาเหตุและรักษาได้อย่างทันท่วงที
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด