ในอดีต หลายสังคมถูกขับเคลื่อนด้วยแนวคิดชายเป็นใหญ่ ซึ่งส่งเสริมสิทธิและหน้าที่ของ ผู้ชาย และจำกัดสิทธิ์ของผู้หญิงไว้ อย่างไรก็ตาม แม้จะเข้าสู่ยุคปัจจุบันแล้ว แต่แนวคิดแบบชายเป็นใหญ่ยังคงมีอยู่ในสังคมซึ่งอาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้ชายและผู้หญิง ดังนั้น ผู้ชายจึงควรปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่เชื่อมโยงกับแนวคิดชายเป็นใหญ่ โดยให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นเพศใด และใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของทุกคนในสังคม
ทำไมผู้ชายควรเปลี่ยนความคิด
ในอดีต หลาย ๆ สังคมในโลกปกครองและเติบโตภายใต้วิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ กล่าวคือ เพศชายมีอภิสิทธิ์เหนือเพศหญิงและเพศทางเลือกในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ หรือการเมือง แม้ในปัจจุบัน อิทธิพลจากแนวคิดในอดีตจะลดบทบาทลงไปมาก แต่วิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ยังคงมีอิทธิพลอยู่ สังเกตได้จาการสั่งสอนให้เด็กผู้ชายเข้มแข็ง ห้ามร้องไห้ และเป็นผู้นำ รวมถึงการให้ความสำคัญกับเศรษฐีและผู้มีอิทธิพลทางการเมืองที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
แม้วิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่จะส่งเสริมให้ผู้ชายได้เปรียบ แต่ในทางกลับกัน การยึดถือวิธีคิดแบบนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงให้สุขภาพจิตของผู้ชายแย่ลง เพราะต้องแบกรับความคาดหวังของสังคม ว่าผู้ชายต้องเข้มแข็ง เป็นผู้นำ อาจทำให้รู้สึกกดดันและเพิ่มความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ ในแต่ละปี มีผู้ชายชาวอเมริกันประมาณ 6 ล้านคนได้รับผลกระทบจากโรคซึมเศร้า โดยอัตราฆ่าตัวตายของผู้ชายชาวอเมริกันสูงกว่าผู้หญิงถึง 3.5 เท่า
การปรับเปลี่ยนแนวคิดให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับทุกเพศอย่างเท่าเทียมกันนอกจากจะมีประโยชน์ต่อผู้ชายในการลดแรงกดดันจากสังคมแล้ว ยังทำให้สังคมดีขึ้นเนื่องจากลดการเอารัดเอาเปรียบ ลดพฤติกรรมที่นิยมความรุนแรง รวมทั้งสนับสนุนและเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงขึ้นมาเป็นผู้นำในสังคม
แนวคิดของ ผู้ชาย ที่ควรเปลี่ยน มีอะไรบ้าง
แนวคิดต่าง ๆ ของ ผู้ชาย ที่เชื่อมโยงกับวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่และควรเปลี่ยนอาจเริ่มต้นจากแนวคิดหลัก ๆ ดังต่อไปนี้