backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

ฝังเข็มยาคุม อีกหนึ่งทางเลือกของการคุมกำเนิด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 28/02/2023

ฝังเข็มยาคุม อีกหนึ่งทางเลือกของการคุมกำเนิด

ฝังเข็มยาคุม เป็นการคุมกำเนิดในระยะยาวสำหรับผู้หญิง โดยนำแท่งพลาสติกยืดหยุ่นได้ขนาดประมาณไม้ขีดไฟ ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ที่เรียกว่า อีโตโนเกสเตรล (Etonogestrel) ฝังเข้าไปบริเวณใต้ท้องแขนด้านบน อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ประมาณ 3-5 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ลืมรับประทานยาคุมกำเนิดบ่อย ๆ

ฝังเข็มยาคุม คืออะไร

ฝังเข็มยาคุม คือ การนำแท่งพลาสติกที่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนฝังเข้าบริเวณใต้ท้องแขนด้านบน โดยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะค่อย ๆ ซึมผ่านออกมาจากแท่งพลาสติกเข้าสู่กระแสเลือดในปริมาณต่ำและสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการตกไข่ในแต่ละรอบเดือน รวมถึงทำให้มูกบริเวณปากมดลูกเหนียวข้น ส่งผลให้อสุจิเคลื่อนที่ไปปฏิสนธิกับไข่ได้ยากขึ้น และยังทำให้ผนังเยื่อบุมดลูกบางลง จึงไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน ส่งผลให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยลง 

ขั้นตอนการฝังเข็มยาคุม 

การฝังเข็มยาคุมกำเนิด ควรทำในช่วงมีประจำเดือน 5 วันแรก เพื่อจะได้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังตั้งครรภ์ รวมถึงเพื่อให้ยาที่ฝังมีผลในการป้องกันทันที การฝังเข็มยาคุมใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที โดยขั้นตอนอาจมีดังนี้ 

  • ตรวจร่างกาย
  • เช็ดทำความสะอาดผิวหนังด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ฉีดยาชาบริเวณจุดฝังเข็มยาคุม
  • ใช้เข็มเปิดแผลและสอดแท่งที่มีหลอดยาบรรจุไปในบริเวณใต้ท้องแขน
  • ทำการปิดแผลด้วยพลาสเตอร์ ตามด้วยผ้าพันแผล

หลังจากฝังเข็มยาคุมสามารถถอดผ้าพันแผลออกได้ภายใน 24 ชั่วโมง แต่ควรปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำเอาไว้ 3-5 วัน เพื่อรักษาความสะอาด และรอให้ยาคุมแบบฝังเข้าที่ และควรไปหาคุณหมอตามกำหนด เพื่อตรวจดูแผลที่ฝังยาและติดตามผล การฝังเข็มยาคุมสามารถอยู่ได้ประมาณ 3-5 ปี เมื่อครบกำหนดควรถอดยาออก และใส่หลอดใหม่เข้าไปหากต้องการคุมกำเนิดต่อ แต่หากลืมฝังยาคุมกำเนิดควรป้องกันด้วยวิธีอื่นก่อน เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด สวมถุงยางอนามัย 

ข้อดี-ข้อเสียของการฝังเข็มยาคุม 

ข้อดีของการฝังเข็มยาคุม

  • ลดโอกาสในการตั้งครรภ์
  • ไม่ต้องกังวลว่าลืมรับประทานยาคุมกำเนิด เมื่อมีเพศสัมพันธ์ 
  • ไม่กระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ และการใช้ชีวิตประจำวัน
  • อาจช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
  • ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำนม สำหรับผู้ที่ให้นมบุตร 
  • อาจมีประโยชน์สำหรับผู้หญิงที่ไม่สามารถใช้การคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนได้
  • หากต้องการตั้งครรภ์สามารถนำเข็มยาคุมออกได้ทันที โดยให้คุณหมอทำการถอดหลอดยาออก ซึ่งการใช้ฝังเข็มยาคุมอาจมีโอกาสมีบุตรได้เร็วกว่าการฉีดยาคุม เนื่องจากฮอร์โมนกระจายออกในปริมาณน้อยและไม่สะสมในร่างกาย

ข้อเสียของการฝังเข็มยาคุม

  • ในช่วงแรกของการฝังเข็มยาคุม ประจำเดือนอาจมาผิดปกติ  
  • อาจพบผลข้างเคียงในช่วง 2-3 เดือนแรกในการฝังเข็มยาคุม เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เจ็บเต้านม อารมณ์แปรปรวน
  • ไม่ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น อาจใช้การคุมกำเนิดแบบอื่นเพิ่มเติม เช่น ถุงยางอนามัย 

ผลข้างเคียงของการฝังเข็มยาคุม 

การฝังเข็มยาคุมอาจเกิดผลข้างเคียง ดังนี้ 

  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ 
  • ปวดหลัง 
  • ปวดหรือเจ็บเต้านม
  • สิวขึ้น 
  • อารมณ์แปรปรวน 
  • ภาวะซึมเศร้า 
  • ลดอารมณ์ทางเพศ 
  • ประจำเดือนมาผิดปกติ อาจมีประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนไม่มา 
  • อาจมีอาการปวดแขนบริเวณที่ฝังแท่งยาคุมกำเนิด
  • บริเวณที่ฝังยาคุมกำเนิดอาจเกิดการอักเสบ บวม หรือมีรอยแผลเป็น
  • น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้น 
  • ซีสต์ในรังไข่ เกิดจากการตกไข่ผิดปกติทำให้เกิดการคั่งมีถุงน้ำในรังไข่ เกิดเป็นถุงน้ำขนาดเล็กในรังไข่
  • ยาฝังคุมกำเนิดอาจมีปฏิกิริยาต่อยาชนิดอื่น ๆ เช่น ไรฟาบูติน (Rifabutin) ยากล่อมประสาท ยารักษาโรคเอดส์หรือเอชไอวี (HIV) ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง 
  • อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ขณะใช้ยาฝังคุมกำเนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์นอกมดลูก อย่างไรก็ตาม เป็นกรณีที่พบได้ยาก 

หากมีอาการใดที่ผิดปกติหลังจากฝังเข็มยาคุมหลัง เช่น เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติเป็นเวลานาน มีก้อนที่เต้านม ผิวเหลือง ตาขาว อาการคล้ายโรคดีซ่าน ปวดหรือบวมที่น่อง ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับคำวินิจฉัยเพิ่มเติม นอกจากนี้ แม้ว่าจะฝังเข็มยาคุมแล้วแต่ก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 28/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา