HIV โรคเอดส์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย การเข้าใจความแตกต่างของปัญหาสุขภาพทั้งสองอย่างนี้ อาจช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับ HIV และโรคเอดส์สามารถรับมือได้ดีขึ้น ดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธีมากขึ้น
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet
HIV โรคเอดส์ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย การเข้าใจความแตกต่างของปัญหาสุขภาพทั้งสองอย่างนี้ อาจช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องเผชิญกับ HIV และโรคเอดส์สามารถรับมือได้ดีขึ้น ดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธีมากขึ้น
ความแตกต่างระหว่างการติดเชื้อ HIV และ โรคเอดส์ ไว้ดังนี้
โดยในปัจจุบันได้มีการหลีกเลี่ยงในการเรียกผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยเอดส์ หรือ ผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ แต่จะใช้คำเรียกว่าผู้ติดเชื้อเอชไอวีแทน อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ประมาณ 80-90% ที่มีการติดเชื้อเอชไอวี จะไม่มีอาการป่วย เนื่องจากได้รับการรักษา ได้รับยาต้านไวรัส และเรียก ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ว่า “ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี” (People living with HIV)
อาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวี แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังต่อไปนี้
คือระยะที่ผู้ป่วยเริ่มต้นติดเชื้อไวรัสใหม่ ๆ โดยอาการจะแสดงออกภายใน 1-2 อาทิตย์ หลังได้รับเชื้อไวรัส มักมีอาการคล้ายไข้หวัด มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต จากนั้นอาการป่วยจะหายไปเอง เนื่องจากตัวเชื้อไวรัสกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ระยะที่ 2 นี้ เชื้อไวรัสจะเริ่มทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกันมากขึ้น ในบางรายอาจแสดงอาการป่วยขึ้นมา เช่น มีผื่น เชื้อราในช่องปาก เริม งูสวัด ซึ่งอาการเหล่านี้จะเส่งผลให้ผู้ป่วยเข้ามารับการตรวจวินิจฉัยโรค จึงทำให้ทราบว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี หากไม่ได้รับการรักษาในระยะนี้ อาจนำไปสู่ระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะลุกลาม หรือที่เรียกว่า ระยะโรคเอดส์
ระยะที่ 3 นี้ คือเข้าสู่ระยะเอดส์ เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการติดเชื้อเอชไอวีจะมีอาการแสดงรุนแรงชัดเจน ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อฉวยโอกาส (Opportunistic Infection) เช่น การติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีการติดเชื้อในปอด การติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
่จากข้อมูลข้างต้น สรุปได้ว่าเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) คือชื่อของเชื้อไวรัสที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันในมนุษย์ชนิดหนึ่ง หากติดเชื้อ HIV เป็นเวลานานและไม่ได้รับการรักษารวมทั้งไม่ได้รับยาต้านไวรัส อาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มในร่างกายบกพร่อง ไม่สามารถต่อต้านเชื้อฉวยโอกาสได้ จนเข้าสู่ระยะโรคเอดส์ (AIDS) ได้ในที่สุด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
Duangkamon Junnet
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย