นอกจากนี้ ภาวะมีเลือดออกจากช่องคลอดแต่ไม่ใช่ประจําเดือนยังเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
- ความเครียด
- การแท้งบุตร
- การมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง จนช่องคลอดฉีกขาด
- การติดเชื้อหรือการบาดเจ็บในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง
- ภาวะสุขภาพอื่น ๆ เช่น ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ โรคตับ โรคไต รวมถึงภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรควอนวิลลิแบรนด์ (Von Willebrand Disease) ที่ทำให้ผู้ป่วยมีเลือดออกง่ายกว่าคนทั่วไป และมีเลือดออกเป็นเวลานานเมื่อได้รับบาดเจ็บ
เมื่อไรควรไปพบคุณหมอ
เมื่อพบเลือดออกบริเวณช่องคลอด ในกรณีต่อไปนี้ ควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุและการรักษาที่ตรงจุด
- เลือดออกบริเวณช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์
- เลือดออกบริเวณช่องคลอดก่อนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหรือหลังจากเข้าสู่วัยทองแล้ว
- เลือดออกบริเวณช่องคลอดหลังเปลี่ยนยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน
- เลือดออกบริเวณช่องคลอดในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์
มีเลือดออกจากช่องคลอดแต่ไม่ใช่ประจําเดือน ป้องกันได้ไหม
การพบเลือดออกจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจำเดือน อาจป้องกันได้ในบางกรณี ดังนี้
- รับประทานยาคุมกำเนิดให้ตรงเวลา เนื่องจากการลืมรับประทานยาหรือรับประทานยาไม่ตรงเวลา อาจเป็นสาเหตุของการมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิด ควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง หรือไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับยาได้ จนไม่เกิดอาการเลือดออกทางช่องคลอดเนื่องจากการใช้ยา
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หรือเลือกมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียว หรือเฉพาะกับคนที่ปลอดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจเป็นสาเหตุของการมีเลือดออกจากช่องคลอดแต่ไม่ใช่ประจำเดือนได้
- ควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงร่วมของโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกและมะเร็งมดลูกซึ่งทำให้มีเลือดออกจากช่องคลอด คือภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน เพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็งดังกล่าว ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนจึงควรออกกำลังกายและควบคุมอาหารสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การรับประทานยาคุมกำเนิดอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งทั้ง 2 ชนิดได้ เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย