นอกจากยาสอดที่ใช้ทางช่องคลอดแล้ว ยังมียาสอดที่ใช้สำหรับรักษาโรคเกี่ยวกับอวัยวะส่วนอื่นด้วย ได้แก่ ยาสอดที่ใช้กับทวารหนัก (Rectal Suppositories) ที่นิยมใช้เพื่อรักษาโรคริดสีดวงทวารและอาการท้องผูก และยาสอดท่อปัสสาวะ (Urethral Suppositories) ที่ช่วยรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชภรก่อนใช้ เพื่อการใช้งานที่ถูกวิธี ช่วยให้ตัวยาสามารถออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาสอดแต่ละชนิด
วิธีใช้ ยาสอด ทางช่องคลอด
วิธีใช้ยาสอดช่องคลอดที่ถูกต้อง อาจทำได้ดังนี้
- อ่านฉลาก วิธีการใช้ยา และข้อควรระวังอย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อ่อน ๆ แล้วเช็ดมือให้แห้ง
- แกะเม็ดยาแล้วนำเม็ดยาจุ่มน้ำประมาณ 1-2 วินาที เพื่อให้เม็ดยาลื่น ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- นอนหงายแล้วชันเข่าขึ้น แยกขาออกเล็กน้อย อยู่ในท่าเตรียมพร้อมสำหรับการสอดยา
- สอดยาเข้าไปทางช่องคลอด โดยใส่ด้านมนของยาเข้าไปก่อนแล้วดันเข้าไปให้ลึกที่สุด
- นอนต่อในท่าเดิมเป็นเวลาประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยาละลายอย่างเต็มที่และซึมเข้าไปในช่องคลอด
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่อ่อน ๆ แล้วเช็ดมือให้แห้ง
หลังสอดยาอาจมีตัวยาซึมออกมานอกช่องคลอด แนะนำให้ใส่แผ่นอนามัยหรือผ้าอนามัยรองรับยาบางส่วนที่อาจไหลออกมา และไม่ควรขยับตัวหรือเดินไปมา เพื่อช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพ เวลาในการใช้ยาสอดช่องคลอดที่เหมาะสมที่สุด คือ ก่อนเข้านอน
ความผิดปกติหลังใช้ยาสอดที่ต้องไปพบคุณหมอ
หากใช้ยาสอดแล้วพบอาการผิดปกติเหล่านี้ อาจต้องไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็วที่สุด
- รู้สึกร้อนบริเวณช่องคลอด
- รู้สึกระคายเคืองบริเวณช่องคลอด
- ตกขาวมีกลิ่น
- มีเลือดออกจากช่องคลอด
- รู้สึกเจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- มีอาการแพ้ เช่น เป็นผื่นผิวหนัง รู้สึกคัน หน้า ปาก และลิ้นบวม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย