- แผ่นแปะผิวหนัง โดยแปะไว 24 ชั่วโมงแล้วจึงเปลี่ยนแผ่นใหม่ มักแปะในตอนเย็น และค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนปริมาณเล็กน้อยเข้าสู่ผิวหนัง
- เจล สำหรับทาบนผิวทุกวัน โดยล้างมือก่อนทาเจลทุกครั้ง จากนั้น ทาลงบนผิวบริเวณต้นแขนทั้ง 2 ด้าน ไหล่ หรือต้นขา แล้วปิดบริเวณที่ทายาด้วยผ้าสะอาดหรือผ้าก๊อซ เพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสกับเทสโทสเตอโรนจากแหล่งอื่น นอกจากนี้ ควรระวังไม่ให้ผู้หญิงหรือเด็กสัมผัสถูกเจล เพราะอาจเป็นอันตรายได้
- ยาเม็ดสำหรับใช้ในปาก เป็นยาที่ใช้แปะติดกับเหงือกหรือกระพุ้งแก้ม วันละ 2 ครั้ง เทสโทสเตอโรนจะถูกดูดซึมเข้ากระแสโหลิต
- แบบรับประทาน เป็นเทสโทสเตอโรนในรูปแบบธรรมชาติ (Testosterone Undecanoate) ที่สามารถดูดซึมผ่านการรับประทานได้ โดยทั่วไปผู้ชายต้องรับประทานวันละ 160-240 กรัม แบ่งเป็น 2-4 โดส ควรรับประทานพร้อมอาหาร เพราะอาจช่วยเพิ่มการดูดซึมเทสโทสเตอโรน
- แบบฝัง ปกติจะฝังบริเวณสะโพกหรือก้น และค่อย ๆ ปล่อยเทสโทสเตอโรนเข้าสู่ร่างกายช้า ๆ โดยจะมีการเปลี่ยนใหม่ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน
- ยาฉีด มีหลายสูตร โดยจะฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 7-14 วัน ระดับเทสโทสเตอโรนจะสูงขึ้นเป็นเวลา 2-3 วันหลังการฉีด แล้วจะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งอาจทำให้อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ และอาจมีพลังวังชาเป็นช่วง ๆ
ผู้ชายส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นภายใน 4-6 สัปดาห์ เมื่อได้รับการบำบัดด้วยเทสโทสเตอโรน แต่การเปลี่ยนแปลงในเรื่องมวลกล้ามเนื้อ อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ถึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
ข้อควรระวังในการรักษาด้วยเทสโทสเตอโรนบำบัด
เทสโทสเตอโรนบำบัดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้มีอาการหยุดหายใจขณะหลับ การเกิดสิว และหน้าอกขยายใหญ่ ซึ่งอาจพบได้ไม่บ่อย และผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นอาจจะหายไปเมื่อหยุดบำบัด
อย่างไรก็ตาม หากมีอาการหลายอย่างที่อาจเกี่ยวเนื่องกับปัญหาเทสโทสเตอโรนต่ำ การปรึกษาคุณหมอถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมอาจช่วยแก้ไขปัญหาเทสโทสเตอโรนต่ำได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย