โรคซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การรักษาโรคซิฟิลิสอาจทำให้โรคนี้หายขาดได้ ซึ่งประเภทของการรักษานั้นจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค แต่หากไม่เข้ารับการรักษาโรคชนิดนี้อาจสร้างปัญหาร้ายแรงในอนาคต รวมถึงอาจทำให้มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการสมองเสื่อม
การรักษาโรคซิฟิลิส
โรคซิฟิลิสต้องได้รับการรักษาจึงจะหายขาดได้ และมักใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคซิฟิลิส โดยประเภทของการรักษาอาจขึ้นอยู่กับระยะของโรค ดังนี้
หากเป็นโรคซิฟิลิสน้อยกว่า 2 ปี มักได้รับการรักษาด้วยการฉีดเพนิซิลลิน (Penicillin) ที่ก้น หรือรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบเม็ด 10-14 วัน หากเป็นโรคซิฟิลิสที่กินเวลานานเกิน 2 ปี มักรักษาด้วยการฉีดเพนิซิลลิน (Penicillin) 3 ครั้งที่ก้นทุกสัปดาห์ หรือรับประทานยาปฏิชีวนะแบบเม็ด 28 วัน กรณีร้ายแรงที่ส่งผลต่อสมองอาจได้รับการรักษาด้วยการฉีดเพนิซิลลิน (Penicillin) ทุกวันโดยฉีดเข้าทางก้นหรือหลอดเลือดดำ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือให้ยาปฏิชีวนะ 28 วัน ผลข้างเคียงของการรักษา
ในบางคนอาจมีผลข้างเคียงหลังการรักษา โดยอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ แต่อาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่นานและอาจรักษาได้ด้วยยาพาราเซตามอล สำหรับบางคนอาจเกิดอาการแพ้หลังจากฉีดเพนิซิลลิน คุณหมออาจเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างรักษา
หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่ยังรักษาอาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคซ้ำ และสามารถแพร่กระจายโรคไปสู่ผู้อื่นได้
การรักษาโรคซิฟิลิสระหว่างตั้งครรภ์
การรักษาโรคซิฟิลิสในผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและอายุครรภ์ ดังนี้
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซิฟิลิสน้อยกว่า 2 ปี และอยู่ในช่วยไตรมาสที่ 1 หรือ 2 มักได้รับการรักษาด้วยการฉีดเพนิซิลลิน (Penicillin) ที่ก้น แต่ถ้าอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 3 จะฉีด 2 ครั้งเว้นระยะห่างกัน 1 สัปดาห์ หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคซิฟิลิสมานานกว่า 2 ปี มักได้รับการรักษาด้วยการฉีดเพนิซิลลิน (Penicillin) 3 ครั้งทุกสัปดาห์ การป้องกันโรคซิฟิลิส
ซิฟิลิสเป็นโรคที่แพร่กระจายจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ช่องคลอด หรือทางปาก ดังนั้น วิธีที่จะช่วยป้องกันให้คุณห่างไกลจากโรคซิฟิลิส อาจได้แก่
สำหรับผู้ที่กำลังเป็นโรคซิฟิลิส ควรป้องกันการแพร่กระจายโรคไปยังผู้อื่น ด้วยวิธีเหล่านี้
- บอกคู่นอนว่าเคยมีประวัติเป็นโรคซิฟิลิส เพื่อที่จะได้เข้ารับการตรวจและรักษาได้
- อย่ามีเพศสัมพันธ์กับใครจนกว่าการรักษาจะเสร็จสิ้น
- เมื่อเสร็จสิ้นจากการรักษา ให้ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง