แผลหนอง แผลเป็นหนอง หรือแผลอักเสบ เป็นลักษณะแผลติดเชื้อที่อาจมีน้ำหนองสีขาว สีเหลือง สีเขียว หรือสีน้ำตาล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ แผลอาจเป็นรอยแดง มีอาการปวดและบวม หรือบางคนอาจมีไข้ร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม การรักษาการติดเชื้อบริเวณแผลอย่างถูกวิธีอาจช่วยป้องกันการเกิดแผลหนองและช่วยบรรเทาอาการได้
[embed-health-tool-bmr]
คำจำกัดความ
แผลหนอง คืออะไร
แผลหนอง หรือแผลเป็นหนอง คือ บาดแผลที่มีการติดเชื้อจนอักเสบและลุกลามเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลให้มีน้ำหนองไหลออกมาจากแผล บริเวณแผลบวม แดง ร้อน และปวด เนื่องจากเซลล์เนื้อเยื่อที่ตายแล้ว เชื้อโรค และเซลล์เม็ดเลือดขาวบริเวณแผลรวมตัวกับของเหลวใสที่ร่างกายผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยสมานแผลจนกลายเป็นแผลหนอง โดยหนองจะค่อย ๆ ขยายตัวเมื่อการติดเชื้อเริ่มแย่ลง
อาการ
อาการของแผลหนอง
อาการของแผลหนองอาจมีดังนี้
- มีไข้
- มีรอยแดงรอบ ๆ แผล
- มีอาการปวดและบวมบริเวณแผล
- แผลมีริ้วสีแดง สีขาว หรือสีครีม
- แผลมีน้ำหนองสีเขียว สีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีขาว
- แผลมีกลิ่นเหม็น
สาเหตุ
สาเหตุของแผลหนอง
แผลเป็นหนองอาจเกิดจากร่างกายสร้างของเหลวใสรอบ ๆ แผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นชุ่มชื้นขึ้น โดยของเหลวใสนั้นประกอบไปด้วยโปรตีน น้ำตาล และเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่มีหน้าที่ซ่อมแซมบาดแผลและป้องกันการติดเชื้อ แต่ในบางครั้ง หากผิวบริเวณแผลชุ่มชื้นมากเกินไปก็อาจทำให้เชื้อโรคแทรกผ่านเกราะป้องกันที่ร่างกายสร้างขึ้นและเข้าไปในแผลได้ จากนั้นเชื้อโรคจะเพิ่มจำนวนจนทำให้แผลติดเชื้อและกลายเป็นแผลหนอง หนองที่เกิดขึ้นอาจมีสีขาว สีเหลือง หรือสีน้ำตาล และอาจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดแผลหนอง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้แผลติดเชื้อและแผลเป็นหนอง มีดังนี้
- แผลสัมผัสเชื้อโรค เช่น เชื้อโรคที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ
- เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 หรือโรคอ้วน
- เป็นบาดแผลที่เกิดจากสัตว์หรือมนุษย์กัด
- มีวัตถุแปลกปลอมในแผล เช่น แก้ว ไม้
- แผลมีขนาดใหญ่และลึก
- มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น โรคเอดส์
- สูบบุหรี่เป็นประจำ อาจทำให้หลอดเลือดเล็กตีบ ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปรักษาบาดแผลได้อย่างเหมาะสม
ภาวะแทรกซ้อนของแผลหนอง
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นแผลหนองอาจมีดังนี้
- แผลเรื้อรัง เกิดขึ้นเมื่อแผลไม่หายภายใน 8 สัปดาห์
- เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ (Cellulitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียของชั้นผิวหนัง
- โรคกระดูกอักเสบติดเชื้อ (Osteomyelitis) เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่กระดูกหรือไขกระดูก
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia) เป็นภาวะการติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยแผลหนอง
คุณหมออาจวินิจฉัยด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ซักประวัติและตรวจบาดแผล คุณหมออาจตรวจดูบาดแผล สอบถามสาเหตุของแผลว่าเกิดจากอะไร และสอบถามอาการเบื้องต้น
- ตรวจเลือดหาการติดเชื้อ โดยการเก็บตัวอย่างเลือดเพื่อตรวจหาภูมิต้านทานต่อเชื้อ
- ตรวจด้วยการเพาะเชื้อ โดยการเก็บตัวอย่างหนองและเนื้อเยื่อแผลไปเพาะเชื้อเพื่อหาสาเหตุและความผิดปกติของเชื้อ
การรักษาแผลหนอง
การรักษาแผลหนองจำเป็นต้องรักษาที่ต้นเหตุของการติดเชื้อ โดยการเอาน้ำหนองออกจากแผลจนหมด ทำความสะอาดแผลด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียแล้วใช้ผ้าก๊อซปิดแผล ในบางกรณี หากพบว่ามีฝีเกิดขึ้นบริเวณแผลเนื่องจากการติดเชื้อ คุณหมออาจจำเป็นต้องระบายเอาหนองออกจากฝีทั้งหมดและทำความสะอาดแผลอีกครั้งด้วยยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ
ในกรณีร้ายแรง มีการติดเชื้อแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นจนกลายเป็นภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ที่อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและเป็นอันตรายถึงชีวิต ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อจัดการกับแผลหนอง
การดูแลตัวเองที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อที่ทำให้เกิดแผลหนอง อาจมีดังนี้
- ล้างมือให้สะอาดก่อนทำความสะอาดแผลเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย
- ห้ามเลือดโดยการใช้ผ้าพันแผลหรือผ้าสะอาดกดเบา ๆ บริเวณแผล จากนั้นยกแผลสูงจนเลือดหยุดไหล
- ล้างแผลและขจัดสิ่งสกปรกหรือเศษขยะออกจากแผลโดยใช้แหนบที่ทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นจึงล้างแผลด้วยการเปิดน้ำสะอาดไหลผ่านแผลเพื่อช่วยล้างเชื้อแบคทีเรียออกจากแผล แล้วจึงล้างผิวหนังรอบ ๆ บาดแผลด้วยสบู่ ไม่ควรใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) หรือไอโอดีน (Iodine) ในการล้างแผล เพราะอาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้
- ทายาปฏิชีวนะเพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็น
- ปิดแผลและพันแผลด้วยผ้าพันแผลสะอาด
- เปลี่ยนผ้าพันแผลโดยทำตามขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หรือเมื่อผ้าพันแผลเปียกหรือสกปรก
- หากไม่เคยฉีดวัคซีนกันบาดทะยักในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นแผลลึกและสกปรก ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก
- ควรเข้าพบคุณหมอทันทีหากพบสัญญาณการติดเชื้อที่ผิวหนังใกล้บาดแผล เช่น ผิวมีรอยแดง มีหนอง บวม หรือมีอาการปวด