อย่าลืมหมั่นนวดเบา ๆ บริเวณรอยช้ำในระหว่างประคบ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และรอยจางเร็วขึ้นไปอีก แต่ควรนวดเบา ๆ ระวังอย่าออกแรงมากเกินไป และไม่ควรบีบหรือขยำจนเต็มแรง เพราะอาจจะทำให้มีรอยช้ำมากกว่าเก่าได้
3. ทาว่านหางจระเข้
เนื้อวุ้นของว่านหางจระเข้มีสารสำคัญ เช่น อะลอคตินเอ (Aloctin A) อะลอคตินบี (Aloctin B) ที่มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบและอาการบวมแดงของผิวหนังได้
วิธีใช้ก็คือ นำเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้มาทาบาง ๆ หรือฝานบาง ๆ แล้วแปะไว้บริเวณรอยจูบ วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก่อนใช้ควรปอกเปลือกและล้างยางสีเหลือง ๆ ออกให้หมดก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ หากใช้ว่านหางจระเข้แล้วระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที
4. ทาน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์
น้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์มีส่วนผสมหลักคือ เมนทอล ที่อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่ทา และทำให้รอยจูบ รอยจ้ำ หายเร็วขึ้น แต่ข้อเสียก็คือ อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ ดังนั้น จึงไม่ควรทาน้ำมันหอมระเหยเปปเปอร์มินต์ลงบนผิวหนังโดยตรง แต่ควรผสมกับน้ำมันชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันโจโจ้บา โดยผสมน้ำมันเปปเปอร์มินต์ 1-2 หยด กับน้ำมันชนิดอื่น ๆ 15 หยด คนให้เข้ากันดีจึงค่อยนำมานวดบริเวณรอยจูบ รอยจ้ำ อย่างเบามือ ก็อาจจะช่วยให้รอยหายเร็วขึ้น
หรือหากไม่มีน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้ ก็สามารถใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเปปเปอร์มินต์หรือสะระแหน่ได้ แต่ควรทาบาง ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
5. ลบรอยจูบ รอยจ้ำ ด้วยสับปะรด
สับปะรดอุดมไปด้วยเอนไซม์ที่ชื่อว่า โบรมีเลน (Bromelain) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องลดอาการเจ็บปวด และเมื่อนำมาทาที่ผิวหนัง ยังอาจช่วยลดอาการอักเสบและอาการบวมได้ด้วย โดยวิธีทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่ฝานสับปะรดเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วนำมาทาที่รอยช้ำ วันละ 4-5 ครั้ง ครั้งละประมาณ 5 นาที ก็จะช่วยให้รอยจางลงได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย